ประเพณีไม่เข้าใจธรรม
มีประเพณีมากมายที่ทำตามๆ กันด้วยความไม่เข้าใจ ซึ่งนอกจากจะสูญเสียทรัพย์สิน ไปโดยเปล่าประโยชน์แล้ว ยังเป็นการทำลายพระพุทธศาสนาอีกด้วย แต่ถ้านับถือ พระพุทธศาสนาด้วยความเข้าใจจริงๆ ก็จะประพฤติตามประเพณีที่ถูกต้องของชาว พุทธซึ่งเป็นประโยชน์เกื้อกูลต่อการอบรมปัญญา ได้แก่ การฟังธรรม สนทนาธรรม
ประเพณีดั้งเดิมของชาวพุทธ มีมากมายหลายประเพณี รวมทั้งสิ้นที่เคยมีมาแล้ว ก็คือประเพณีไม่เข้าใจธรรม ทำประเพณีอื่นได้หมดทุกอย่าง แต่ทุกประเพณีนั้นไม่เข้าใจธรรม แล้วควรหรือ ที่จะไม่ทิ้งประเพณี ไม่เข้าใจธรรม เป็นประเพณีที่ถูกต้อง คือเริ่มเข้าใจธรรม มิเช่นนั้นพุทธ หรือว่าชาวพุทธ หรือสาวกคือใคร ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรม ไม่เข้าใจพระธรรม และก็มีแต่ประเพณี ประเพณีเหล่านั้น นอกจากจะไม่เข้าใจธรรมแล้ว ยังเสียเงิน เสียทองมากมาย โดยไร้ประโยชน์ เคยเห็นวัดสวยๆ สวยมาก เสียเงิน เสียทอง มากในการที่จะทำให้วัดนั้นสำเร็จ แล้วเดี๋ยวนี้ร้างเลย นานๆ ก็มีคนไปดูสักหน่อย ไปกราบไหว้ ว่าวัดนี้วิจิตรมาก
เพราะฉะนั้นขณะนี้ก็กำลังทำอย่างนั้นกันอยู่ พยายามที่จะแข่งขัน สร้างสิ่งซึ่งคิดว่าเป็นประเพณีที่ดีงาม แต่ว่าทำเพื่ออะไร ในที่สุดก็ต้องจากไป ไม่ว่าที่ไหน ลองไปดู ก็จะเห็นได้ว่า แล้วสร้างไว้เพื่ออะไร ต้องมีเหตุผล ถ้าไม่มีเหตุผลใครที่จะทำลายคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คนอื่นทำลายไม่ได้เลย นอกจากผู้ที่กล่าวว่า เป็นผู้ที่นับถือพระพุทธศาสนา แต่ว่านับถืออะไร
ศาสนาคือคำสอน ถ้าไม่ฟัง ไม่เข้าใจ แล้วนับถืออะไร เพราะฉะนั้นทุกท่านที่ฟังธรรม ต้องเป็นผู้ตรง จึงจะได้สาระ นอกจากความเป็นผู้ตรง และยังต้องเป็นผู้ที่อาจหาญ กล้าที่จะรู้ว่าสิ่งใดที่ถูก คิดเองควรทำไหม เป็นประโยชน์หรือไม่ ต้องตรง มิฉะนั้นก็จะไม่ได้รับสาระจากพระธรรมแน่นอน และเงินทองหายาก แล้วก็ถ้าเป็นประโยชน์จริงๆ ก็ใช้ในทางที่จะ ไม่ทำให้เสียของหรือว่าเสียประโยชน์ แต่ว่าได้ประโยชน์มาก
ประโยชน์สูงสุดของพระพุทธศาสนาคืออะไร ไม่ใช่สร้างวัดหรือสร้างอะไรต่างๆ แต่ว่าเข้าใจธรรม สร้างวัดสวยมาก เข้าใจธรรมหรือไม่ แล้วสร้างทำไม สามารถที่จะทำสิ่งที่เป็นประโยชน์กว่านั้นมากเลย แล้วก็สามารถเข้าใจธรรมด้วย แค่ฟัง ฟังแล้วเข้าใจ ชีวิตมีประโยชน์ทุกทาง ที่จะช่วยเหลือคนยากจน ช่วยเหลือในการศึกษา ช่วยคนป่วยไข้ ช่วยให้เขาได้เห็นถูกต้อง ตามความเป็นจริง ไม่งมงาย พระพุทธเจ้าไม่เคยบอกให้ใครไปที่หนึ่งที่ใด ไปสร้างสำนักเพื่อที่จะปฏิบัติธรรม ไม่มีในพระไตรปิฎกแน่นอน เพราะเหตุว่าเดี๋ยวนี้เป็นธรรม สร้างอะไรตรงนี้ ที่จะเข้าใจธรรม สร้างโบสถ์ตรงนี้หรือ หรือจะสร้างวิหารตรงนี้ จะได้เข้าใจธรรม ไม่ต้องทำอะไรเลยทั้งสิ้น ฟังด้วยความเคารพ ตั้งจิตไว้ชอบ ฟังเพราะรู้ว่าไม่รู้ ไม่เข้าใจ สิ่งที่กำลังมี ซึ่งลึกซึ้ง และยาก แต่ก็ไม่หวั่นไหว อาจหาญ อดทน เพราะรู้ว่าสามารถรู้ได้แน่นอน เพียงแต่ว่ายังไม่ใช่วันนี้ เพราะว่าความเข้าใจวัดกันไม่ได้ ว่ากี่วัน กี่เดือน กี่ปี
แม้แต่พระโพธิสัตว์ ที่จะตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ยังต่างกัน ถ้าเป็นผู้ที่ถึงความแก่กล้า ด้วยปัญญา ก็ทรงบำเพ็ญพระบารมี ๔ อสงไขยแสนกัป แต่ถ้าเป็นผู้ที่ปัญญาปานกลาง บำเพ็ญบารมี ๘ อสงไขยแสนกัป ถ้าเป็นผู้ที่ปัญญาอ่อนกว่า ปัญญากล้า และปัญญาปานกลาง ก็ ๑๖ อสงไขยแสนกัป แต่พระสาวกทั้งหลายก็ไม่ถึง ที่จะต้องเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า บำเพ็ญบารมีด้วยความตรง และความจริงใจว่า ฟังธรรมยังไม่เข้าใจ แต่ก็มีสิ่งที่ได้ฟังที่จริง เช่น เห็นบ้าง ได้ยินบ้าง คิดบ้าง สุขบ้าง ทุกข์บ้าง แล้วไม่เคยรู้มาก่อนเลย ว่าเป็นธรรม
เพราะฉะนั้นฟังธรรม ต้องรู้ว่า ฟังเพื่อเข้าใจถูกต้องว่า เป็นธรรม จนกว่าเป็นธรรมเมื่อไร คือค่อยๆ ละคลายการยึดถือสภาพธรรม ว่าเป็นเรา เพราะฉะนั้นการที่จะเห็นแก่ตัว ก็ลดน้อยลง จนกว่าที่จะดับกิเลส ตามลำดับขั้นได้