เหมือนซื้อความสุขใจ
การให้ด้วยความหวัง แม้เพียงต้องการความรู้สึกพอใจสุขใจของตนเอง ขณะนั้น การให้นั้นก็ไม่เป็นทานกุศล เพราะขณะนั้นเป็นโลภะ เป็นอกุศล เป็นความยึดถือ ด้วยความเป็นตัวตน จึงควรเห็นโทษของความรักความผูกพัน และอบรมเจริญ ปัญญาเพื่อละคลายความเห็นผิดว่าเป็นตัวตนของเรา
ท่านอาจารย์ คงจะมีประเด็นปัญหาเรื่องของมารดาบิดาอีกใช่ไหม ที่เลี้ยงดูบุตรมา หวังอะไรหรือไม่ ถ้าขณะนั้นไม่มีความผูกพัน ขณะนั้นก็คือจิตที่เป็นกุศลจริงๆ เพราะว่าให้ เพราะสามารถสละสิ่งที่มีที่ติดข้องเพื่อประโยชน์สุขแก่คนอื่น
ผู้ฟัง ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรม การให้ของเรานี้ก็ไม่เป็นทาน เพราะว่ายังมีความผูกพันทั้งผู้รับแล้วก็ผู้ที่ให้ด้วย
ท่านอาจารย์ เวลาคุณกุลวิไลไปร้านขายดอกไม้ คนบางคนก็ชอบดอกไม้มาก บางคนก็ชอบเสื้อผ้ามาก บางคนก็ชอบอาหารมาก อยากได้ไหม ไปตามร้านได้เห็นอะไรตั้งหลายอย่าง อยากได้ไหม
ผู้ฟัง ก็อยากได้เหมือนกัน
ท่านอาจารย์ ซื้อเมื่อไหร่ อยากได้เมื่อนั้นใช่ไหม ต้องการเมื่อนั้นต้องการเพื่อความรู้สึกเป็นสุขใช่ไหม
ผู้ฟัง ใช่ค่ะ
ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้นการกระทำใดๆ ทั้งหมด เพื่อต้องการความรู้สึกเป็นสุข เหมือนซื้อไหม ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่เงิน แต่อาจจะเป็นการกระทำก็ได้ หรืออะไรก็ได้ที่ทำไปด้วยความหวังด้วยความผูกพัน เหมือนซื้อไหม เพื่อจะได้สิ่งนั้นมา เพราะฉะนั้นเป็นทานหรือไม่ มีลูกหลายคน เลี้ยงลูกด้วยความรักทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างให้เพื่อใคร เพื่ออะไร แต่เพื่อความสุขที่เขาเป็นลูกเราหรือไม่ จะไปเลี้ยงดูคนอื่นเหมือนอย่างเลี้ยงดูลูกได้ไหม ให้ทุกสิ่งทุกอย่างทุ่มเทเหมือนให้ลูกได้ไหม
เพราะฉะนั้นขณะนั้นจะไม่รู้สึกถึงความผูกพัน แทนที่จะเป็นลูกก็เป็นดอกไม้เป็นสิ่งของตามห้างร้านต่างๆ อยากได้ การกระทำไม่เหมือนกัน คือไม่ใช่ไปทะนุถนอมบำรุงแบบเลี้ยงดู แต่มีเงินก็ซื้อมา เพื่อที่จะได้ความรู้สึกที่เป็นสุขที่พอใจ เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นด้วยเงิน หรือด้วยการกระทำใดๆ ทั้งสิ้น ของเรา ปฏิเสธได้ไหม เมื่อเป็นของเราก็พอใจให้ของเรานั้นดี ต้องการให้ของเรานั้นเป็นที่ชื่นชมเป็นอะไรทุกอย่าง หวังดีแต่ ของเรา เพราะฉะนั้นถ้าศึกษาธรรม ไม่มีเรา แล้วจะมีคนอื่นไหม ลึกลงไปกว่านั้นก็คือเกิดคนเดียวหรือไม่ แล้วก็ไม่ใช่เราด้วย เป็นจิตใช่ไหมที่เกิด เป็นเจตสิกที่เกิดพร้อมจิต บังคับไม่ให้เกิดได้ไหม ให้เกิดเป็นอย่างอื่น ไม่ให้เกิดเป็นอย่างนี้ได้ไหม ก็ไม่ได้สักอย่างเดียว
เพราะฉะนั้นแม้แต่เห็นอยู่ว่าเกิดคนเดียว ตายคนเดียวหรือไม่ ผู้ที่เป็นที่รักตายไปพร้อมๆ กันกับเราหรือไม่ ตายแล้วหมดความผูกพันว่าเป็นที่รักทันที แล้วก็ยังคงผูกพันอยู่ตราบเท่าที่มีกิเลส ถ้าหมดกิเลสแล้ว ไม่มีการที่จะผูกพันแม้แต่กับมารดา บิดา หรือบุตรธิดา
อ. อรรณพ สิ่งที่ท่านอาจารย์กำลังแสดงนี้เป็นสิ่งที่ยากยิ่งที่คนทั่วไปจะเข้าใจได้
ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้นฟังแล้วไตร่ตรอง ไม่ใช่ให้เชื่อ แต่เป็นความจริงหรือไม่ และเป็นคำจริงหรือไม่ และผู้มีพระภาคตรัสไว้อย่างไร
อ. อรรณพ ซึ่งมารดาเป็นผู้ที่มีความรัก ความผูกพันกับลูกถึงที่สุด ถึงขนาดว่าตายแทนยังได้
ท่านอาจารย์ ชาตินี้เท่านั้นจากไปแล้วยังจะมาทำอะไรให้ลูกชาตินี้โดยไม่รู้จักเลยว่าเคยเป็นลูกหรือไม่ เพราะว่าเกิดมารักอะไรที่สุด กลับย้อนมา เพราะว่ามีตน มีความเข้าใจผิดว่ามีตน เพราะฉะนั้นธรรมจริงๆ เป็นเรื่องที่ลึกซึ้ง และกิเลสยากที่จะเห็นตามความเป็นจริงได้
พระอรหันต์ท่านหนึ่ง มารดาของท่านก็ผูกพันในลูกมาก แต่ท่านก็รู้ว่ามารดามีความรักบุตรมีความผูกพันมาก ท่านแสดงธรรมที่ทำให้มารดาหมดรัก เพื่อประโยชน์ของมารดาบิดา และภายหลังมารดาก็เป็นถึงพระอรหันต์ ประโยชน์สูงสุดที่จะให้รู้ความจริงว่าอะไรเป็นประโยชน์อะไรเป็นความจริง อะไรควรที่จะดับไป ไม่ใช่ควรที่จะทะนุถนอมเอาไว้มากๆ รักษาไว้อย่างดี
อ. อรรณพ เพราะฉะนั้นทำทุกอย่างเพื่อตัวเรานั้นเอง ใช่ไหม
ท่านอาจารย์ แน่นอนที่สุด เพราะฉะนั้นกิเลสที่จะดับก่อน คือความเห็นผิดที่ยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นเราหรือว่าเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด