เหมือนมี


    สภาพธรรมเกิดดับสืบต่ออย่างรวดเร็ว แต่ด้วยความไม่รู้จึงลวงเหมือนกับมีทุกสิ่ง ทุกอย่างในความคิดความทรงจำ แต่เมื่อวานนี้ไม่มีแล้ว แม้วันนี้ที่คิดว่ามีก็กำลัง ไม่มีอยู่ทุกๆ ขณะ จึงควรอบรมความเข้าใจที่ถูกต้องตามพระธรรม เพื่อละคลาย ความยึดถือในสิ่งที่ไม่มี


    ท่านอาจารย์ สิ่งที่เกิดเมื่อวานนี้ทั้งหมด เดี๋ยวนี้อยู่ไหน

    อ. อรรณพ ไม่มีครับ

    ท่านอาจารย์ เหมือนฝันไหม เมื่อวานนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดเมื่อวานนี้ เมื่อวานนี้คุณอรรณพทำอะไรบ้าง

    อ. อรรณพ เช้าไปธุระที่ทำงานแล้วก็มามูลนิธิครับ

    ท่านอาจารย์ แล้วเดี๋ยวนี้อยู่ไหน เหตุการณ์ทั้งหมดเมื่อวานนี้อยู่ไหน ไม่มีเหมือนฝันไหม เพราะฉะนั้นทุกวันไม่มี แต่ว่ากำลังมีขณะนี้เหมือนมี แต่ว่าความจริงกำลังไม่มีอยู่ทุกขณะ

    อ. อรรณพ แต่เหมือนกับมีหลายๆ อย่างด้วย

    ท่านอาจารย์ จนกว่าจะรู้จริงๆ ว่า พอถึงพรุ่งนี้ เดี๋ยวนี้ไม่มี เมื่อถึงพรุ่งนี้เดี๋ยวนี้ไม่มี เพราะเดี๋ยวนี้เป็นวันนี้ ไม่ใช่พรุ่งนี้ เพราะฉะนั้นเมื่อถึงพรุ่งนี้ วันนี้ไม่มี หมดเลย เพราะฉะนั้นกำลังอยู่ในวันนี้ซึ่งกำลังหมดไปๆ ทุกขณะ ไม่ได้รู้เลยว่ากำลังหมดไปทุกขณะ ต่อเมื่อถึงพรุ่งนี้ เมื่อวานนี้ไม่มีแล้ว เป็นอย่างนี้เรื่อยไป เพราะฉะนั้นไม่มีอะไรเลยจริงๆ เพราะว่ามีสิ่งที่ทำให้มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดเกิดขึ้นสั้นมากแล้วดับไป สืบต่ออย่างเร็วแล้วก็ไม่รู้ความจริง เพราะฉะนั้นก็หลงเข้าใจว่าเดี๋ยวนี้กำลังมี แต่พอถึงพรุ่งนี้ไม่เหลือแล้ว ต้องคอยถึงพรุ่งนี้จึงรู้ แต่ว่าตามความเป็นจริงถ้าขณะนี้ยังมีอยู่ไม่ดับไปเลยพรุ่งนี้ก็ต้องมี แต่เพราะเหตุว่าขณะนี้มีแล้วไม่มีตลอดเวลาในขณะนี้ให้ทราบว่า ไม่เหลือเลย

    ค่อยๆ อบรมความเห็นที่ถูกต้องตามที่ผู้มีพระภาคทรงบำเพ็ญพระบารมี และทรงแสดงความจริงว่าสัตว์โลกเพราะไม่รู้ จึงมีชีวิตอยู่โดยการที่ไม่รู้อะไรเลยเหมือนคนที่หลับยังไม่ตื่นเลย ยังไม่รู้ความจริงว่าแท้ที่จริงไม่มี แต่ว่าในหลับเหมือนมี เพราะฉะนั้นความจริง ไม่มี เดี๋ยวนี้เหมือนมี แต่ว่าความจริงแล้วก็คือว่า เป็นสภาพธรรมที่เพียงมีปัจจัยเกิดขึ้น และดับไป มิฉะนั้นแล้วละความเป็นตัวตนไม่ได้ เมื่อละความยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด เป็นเราเป็นตัวตนไม่ได้แล้วจะละกิเลสอะไรได้

    อ. อรรณพ เหมือนมี ก็คือไม่มี

    ท่านอาจารย์ ถูกต้อง เวลานี้ไม่มี เมื่อกี้นี้ไม่มีแล้ว หมดแล้วจริงๆ

    อ. อรรณพ จริงๆ ถ้าไม่หมดไปทุกขณะก็ไม่มีการสมมติว่า เมื่อวานผ่านไปแล้ว เมื่อชั่วโมงนี้ผ่านไปแล้ว

    ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้นเราจะรู้ว่า ไม่มีวันนี้ก็ต่อเมื่อถึงพรุ่งนี้ แต่ความจริงเดี๋ยวนี้ที่กำลังเป็นวันนี้ก็กำลังไม่มีไปทุกขณะ จนกว่าจะถึงพรุ่งนี้

    อ. อรรณพ แล้วสาระอยู่ที่อะไร

    ท่านอาจารย์ ปัญญาที่สามารถรู้ความจริง จึงสามารถที่จะละความติดข้องในความเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่เที่ยง เป็นเรา เป็นของเรา

    อ. อรรณพ เพราะฉะนั้นถ้าหลับอยู่ก็คือยังคิดว่ามี แต่เมื่อรู้ความจริงว่าไม่มี สำคัญว่าเหมือนมี นั่นก็คือตื่น เมื่อรู้ว่าไม่มี

    ท่านอาจารย์ รู้ความจริงว่าสภาพธรรมไม่มีเมื่อไหร่ เดี๋ยวนี้ที่เห็นนี้ ไม่มีแล้ว เพราะฉะนั้นจะสอดคล้องกับข้อความในสติปัฏฐานไหม เพียงอาศัยระลึก ทันทีที่ระลึกดับแล้ว ถ้าไม่ระลึก จะรู้ไหมว่าดับ แต่สิ่งหนึ่งสิ่งใดก็ตามที่กำลังระลึกรู้ลักษณะนั้น ลักษณะดับเพียงอาศัยระลึก อีกนานไหม กว่าปัญญาจะสามารถรู้ความจริงได้

    อ. อรรณพ คิดอยู่ในฝันว่าคงนาน

    ท่านอาจารย์ สาวกแต่ละท่านที่ได้รู้แจ้งอริยสัจธรรม อบรมปัญญานานไหม

    อ. อรรณพ นานครับ

    ท่านอาจารย์ นานเท่าไหร่

    อ. อรรณพ ท่านพระสารีบุตรก็หนึ่งอสงไขยแสนกัป มหาสาวกก็แสนกัป กัปหนึ่งก็นานมาก โลกหนึ่งใบกว่าจะแตกทำลายไป ก็นาน

    ท่านอาจารย์ เพื่อที่จะรู้ความจริงอย่างที่ได้ฟังเดี๋ยวนี้ แต่ไม่ต้องคำนึงถึงว่ากี่กัปแล้ว เพียงแต่ว่าเมื่อฟังแล้วเข้าใจ แล้วก็เห็นประโยชน์ แล้วก็รู้ว่าความจริงเป็นอย่างนี้ เมื่อความจริงเป็นอย่างนี้ จะรู้ความจริงไหม หรือจะไม่รู้ ก็เป็นเรื่องของแต่ละบุคคล ในเมื่อความจริงเป็นความจริงแล้วไม่รู้ก็คิดดูก็แล้วกัน

    เพราะฉะนั้นก็ฟังพระธรรมด้วยความเคารพ แล้วก็รู้ว่าเป็นสิ่งที่ลึกซึ้ง แต่ว่าสามารถที่จะค่อยๆ เข้าใจขึ้น ค่อยๆ คลายความไม่รู้ จนกว่าปริยัติ รอบรู้ในคำที่ได้ฟัง มั่นคงเป็นสัจจญาณ ก็จะเป็นปัจจัยให้มีกิจจญาณ หรือปฎิปัตติได้


    หมายเลข 10587
    13 พ.ค. 2567