จะอยู่อย่างไรเมื่อไม่ได้รับเงินทอง*


    ไม่ต้องห่วงใยว่าจะอยู่ไม่ได้เมื่อไม่มีเงินทอง ท่านอยู่กันมาแล้วนานด้วยคุณความดี หากความขัดเกลาไม่พอไม่สมควรเป็นภิกษุ เพราะทุกคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าควรเคารพ อย่างพฤติกรรมแค่นี้ทำไม่ได้ แล้วต่อไปแค่ไหนก็ละเมิดได้


    อ.อรรณพ กราบท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้นการที่ได้เข้าใจพระวินัยเพิ่มขึ้นๆ ก็สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นอภิธรรมของจิต เจตสิก ที่มีความละเอียดทั้งที่เป็นกุศลธรรม และอกุศลธรรมต่างๆ

    ท่านอาจารย์ และถ้าภิกษุใดประพฤติปฏิบัติตาม มีหรือที่คฤหัสถ์จะไม่นอบน้อมต่อคุณความดีนั้น ไม่ต้องห่วงใยว่าจะอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเงินทอง ท่านอยู่กันมานานแล้วด้วยคุณความดี

    อ.อรรณพ ท่านอยู่มานานด้วยคุณความดี

    ท่านอาจารย์ ไม่ต้องห่วงใยเลยว่าท่านจะต้องไปรับเงินทอง

    อ.อรรณพ เพราะคุณความดีย่อมรักษาท่านอยู่แล้ว และก็ต้องมีผู้ที่เห็นคุณของท่าน

    ท่านอาจารย์ และถ้าห่วงว่าจะอยู่อย่างไรถ้าไม่ได้รับเงินทอง คนนั้นไม่เหมาะเลยที่จะบวชเป็นบรรพชิต ที่จะเป็นภิกษุ ให้รู้ตัวไว้ด้วย

    อ.อรรณพ แล้วก็ศึกษาพระธรรมในเพศคฤหัสถ์ แต่ในทางตรงข้ามคฤหัสถ์ที่ได้ประโยชน์จากการศึกษาพระวินัย ก็จะเห็นในความเป็นสภาพธรรมที่เป็นจิต เจตสิก

    ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้นตราบใดที่ยังไม่เห็นคุณของพระธรรมที่ทรงแสดง ทั้งพระวินัย และพระอภิธรรม พระสูตร แสดงว่าผู้นั้นยังไม่รู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และยังไม่เห็นคุณจริงๆ แต่ผู้ใดก็ตามที่เห็นคุณแม้ของพระวินัยก็รู้ว่าเป็นประโยชน์สำหรับตนด้วย เพียงแต่ว่าตนเองรู้จักตัวเองมากพอว่าไม่สามารถที่จะสละอาคารบ้านเรือนอย่างเพศบรรพชิต เพราะฉะนั้นก็เป็นผู้ตรง

    อ.อรรณพ เพราะฉะนั้นถ้าเป็นผู้ที่มีอัธยาศัยจะศึกษาธรรมจริงๆ จะไม่แยกว่าต้องพระธรรม ต้องพระวินัย บางคนก็จัดให้ตัวเอง เขาชอบพระสูตร พระอภิธรรมก็ไม่เอา พระวินัยก็ไม่เอา เป็นไปได้อย่างไร

    ท่านอาจารย์ ​ ถ้าได้ยินคำนี้ เคารพในคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหรือเปล่า ลองพิจารณาใจจริงๆ

    อ.อรรณพ เขาบอกว่าเคารพพระสูตรมาก

    ท่านอาจารย์ แล้วพระธรรมอื่นเล่า เป็นคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหรือเปล่า และพระองค์ตรัสเพื่อประโยชน์หรือมิใช่ประโยชน์ คือว่าจะเคารพพระองค์จริงๆ หรือเปล่า

    อ.อรรณพ เขาบอกว่า พระสูตรเกื้อกูลเขาได้มากเพราะอ่านแล้วก็พอเข้าใจ และได้รับประโยชน์ ได้รับสาระจากพระสูตรซึ่งทำให้เขาเข้าใจได้ตั้งแต่เริ่มจากชาดก

    ท่านอาจารย์ แล้วคำอื่นของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ควรแก่การฟังหรือ นี่คือการพิสูจน์ว่าเขามีความเคารพจริงๆ ในพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหรือเปล่า ถ้ามีความเคารพทุกคำ ไม่ว่าจะพระวินัย พระสูตร พระอภิธรรม เกื้อกูลหมดทั้งนั้นเลย โดยนัยยะต่างๆ

    อ.อรรณพ เพราะฉะนั้นก็เป็นการสรุปได้ว่า

    ท่านอาจารย์ พิสูจน์ตัวเองว่ามีความเคารพในพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจริงหรือเปล่า ถ้าจริง ต้องเคารพทุกคำของพระองค์ เพราะเป็นประโยชน์ทั้งนั้น ถึงเราไม่ใช่พระภิกษุแต่เราอ่านพระวินัยเราได้ประโยชน์มาก

    อ.อรรณพ เพราะฉะนั้นถ้าเป็นผู้ที่เข้าใจ และเป็นผู้ที่มีเหตุมีผลจริงๆ ก็จะรู้ว่าการศึกษาพระวินัยมีประโยชน์ทั้งให้เห็นความละเอียด และความหยาบของระดับของอกุศลธรรม

    ท่านอาจารย์ และใครจะบัญญัติได้ อย่างเช่น สิ่งที่สละแล้ว ถึงแม้ว่าบุคคลอื่นจะรับไปทำให้เกิดประโยชน์ขึ้น พระภิกษุนั้นยังรับไม่ได้ ใครจะบัญญัติได้ ชาวบ้านก็ต้องบอกว่าได้ เพราะสละแล้ว และมีผู้อื่นเขาไปทำมาให้

    ผู้ฟัง หมายความว่า สมมติพระภิกษุรูปนี้รับเงินรับทองมาแล้วจะปลงอาบัติแล้วเอาเงินจำนวนนี้ให้ใครไปก็ได้หรือ

    ท่านอาจารย์ ให้ไม่ได้ แต่หมายความว่าต้องสละ แต่ในที่ๆ สละนั้นมีอุบาสก อุบาสิกาที่สามารถจะทำประโยชน์ให้กับพระภิกษุจากจำนวนเงินที่พระภิกษุนั้นสละ ภิกษุรูปอื่นรับได้ แต่ภิกษุที่รับเงินทองนั้นรับไม่ได้

    ผู้ฟัง พระภิกษุที่สละ จะเกี่ยวข้องอะไรกับเงินนั้นไม่ได้เลย

    ท่านอาจารย์ ไม่ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นโบสถ์วิหาร ศาลาการเปรียญ กุฎี ทั้งหลายทั้งปวง

    อ.อรรณพ ภัตตาหารที่สมควรกับสมณะก็ไม่ได้เลย

    ผู้ฟัง ที่เกี่ยวข้องกับเงินก้อนนี้ที่สละออกไปแล้ว เข้าไปร่วมทำอะไรด้วยไม่ได้เลย

    ท่านอาจารย์ แล้วใครจะบัญญัตินี้ได้ แล้วใครจะเห็นความละเอียด ทุกคนก็บอกว่าทิ้งแล้ว คนอื่นเขาเอามาให้ แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้ารู้เยื่อใย และรู้ว่าผู้นี่ถ้าทำอย่างนี้ไม่ได้ ไม่ควรเป็นภิกษุ คือความขัดเกลาไม่พอ นี่คือประโยชน์ใช่หรือไม่ที่เราจะได้ฟัง ที่เราจะได้เห็น ที่เราจะได้รู้ว่าควรเคารพทุกคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

    อ.อรรณพ แต่ก่อนเราก็เพียงแต่ฟังกันผ่านหูไปว่า พระอรหันตสัมมาส้มพุทธเจ้าเท่านั้นที่สามารถทรงบัญญัติพระวินัยได้ แต่ทำไมจึงต้องเฉพาะพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็เพราะว่าพระองค์ท่านทรงทราบถึงระดับความละเอียดของกิเลส ไม่ว่าจะมากน้อยเพียงใด

    ท่านอาจารย์ แล้วรู้ด้วยว่าถ้าผู้นั้นไม่สามารถรักษาพระวินัยได้ ผู้นั้นต้องทำผิด ซึ่งไม่เหมาะที่จะเป็นภิกษุต่อไป ด้วยเหตุนี้ ทรงแสดงไว้ว่าการกระทำอย่างนี้ไม่เหมาะ ไม่ควรแก่ผู้ที่เข้าใจว่าตนเองได้สละเพศคฤหัสถ์แล้วแต่ใจยังชุ่มด้วยกิเลส ถ้าพฤติกรรมเพียงเท่านี้ยังประพฤติไม่ได้ แล้วต่อไปแค่ไหนก็ต้องละเมิดได้

    อ.อรรณพ เช่น ในพระวินัย บุคคลที่ไม่เห็นประโยชน์ก็อาจจะกล่าวว่าทำไมจึงละเอียดขนาดนั้น เช่น เอาเงินมาวางไว้ เอื้อมมือไปหยิบ แตะ เลื่อน ทำให้เคลื่อนจากฐานมาเท่าใดเป็นระดับของกิเลสที่ใครจะรู้ได้

    ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้นอาบัติก็ต่างกัน

    อ.อรรณพ อาบัติที่ต่างกันก็คือ จากกิเลส จากความพยายาม จากสิ่งที่แตกต่างกันจนยิบยับ ก็ต้องเป็นพระอรหันตสัมมาส้มพุทธเจ้า ผู้เป็นสัพพัญญู

    ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้นทุกคำของพระองค์ ทั้งพระวินัย พระสูตร พระอภิธรรม ใครเคารพ ผู้ที่ฟังแล้วเห็นประโยชน์ แต่ผู้ใดที่คิดว่าจะไม่ศึกษาพระวินัย จะไม่ศึกษาพระสูตร จะศึกษาแต่พระอภิธรรม คำของพระพุทธเจ้าทุกคำไม่ได้เป็นประโยชน์หรือ เคารพแค่ไหน เคารพเพื่อตนเองหรือ และเพราะไม่ได้เห็นความลึกซึ้งหรือว่า ไม่ว่าจะอะไรทั้งสิ้นก็ลึกซึ้งทั้งหมด


    หมายเลข 10623
    1 ม.ค. 2568