ปัญญานำไปในกิจที่ดีงาม


    ผู้ฟัง กราบท่านอาจารย์สุจินต์ที่เคารพเป็นอย่างสูง เมื่อเช้านี้ได้ยินท่านอาจารย์กล่าวที่สนามบินว่า คนที่รักตนก็ทำเพื่อตน แต่ถ้ามีความเห็นแก่ผู้อื่นก็จะทำเพื่อผู้อื่น เป็นการกระทำที่ยิ่งใหญ่มากเพราะว่าพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าได้มอบสิ่งที่ประเสริฐให้กับเราทั้งพระธรรมวินัย พระสูตร และพระอภิธรรม ถ้าเราซึ่งเป็นหนึ่งใน ๔ ของกลุ่มที่ท่านได้มอบให้ดูแลพระศาสนาของท่านไม่ช่วยกันรักษาก็เท่ากับว่าเราไม่เคารพพระพุทธองค์ แล้วขณะนี้ก็ได้เกิดความเสียหายขึ้นอย่างมาก

    เรื่องเงิน แม้จะดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่แท้จริงแล้วเป็นสิ่งที่นำมาซึ่งความเสียหาย และอีกหลายๆ เหตุการณ์ อย่างเช่น การทำร้ายซึ่งกัน และกันในวัด การชกต่อยกันในเพศที่นุ่งห่มผ้าสีเหลืองนั้นไม่ควรจะเกิดขึ้นถ้าไม่มีผลประโยชน์ ทำให้เสื่อมศรัทธาถ้าไม่เข้าใจว่าแท้จริงบุคคลกลุ่มนั้นไม่ใช่ เพศบรรพชิต ได้กล่าวกับหลายๆ คนว่า นั่นคือปุถุชนที่เพียงอยู่ในผ้าสีเหลืองเท่านั้น เพราะฉะนั้นขณะนี้จากที่ได้ฟังแล้วก็ได้ศึกษา จึงพยายามต่อสู้เรื่องการทำผิดพระวินัยด้วยการเปลี่ยนจากการให้เงิน และทองมาเป็นถวายความรู้ แม้คำสั้นๆ เช่นว่าบรรพชิตคืออะไร ภิกษุคืออะไร แล้วพับใส่ซองให้ตามโอกาสต่างๆ ที่เขาได้จัดขึ้น

    ท่านอาจารย์ พับอะไรใส่ซอง

    ผู้ฟัง พับเอกสารที่พิมพ์ขึ้นมาจากบ้านธัมมะ

    ท่านอาจารย์ เดี๋ยวคนอื่นไม่รู้คิดว่าพับอะไรใส่ซอง พิมพ์ขึ้นมาว่าอย่างไร พูดว่าอย่างไร

    ผู้ฟัง ภิกษุในพระธรรมวินัยไม่รับ และไม่ยินดีในเงิน และทอง บางโอกาสก็มี ๕ รูป บางโอกาสก็มี ๙ รูป

    ท่านอาจารย์ ซ้ำๆ กันไหม

    ผู้ฟัง ก็เปลี่ยนไปตามโอกาส แล้วก็ได้เห็นความละเอียดของกำลังของกิเลส บางครั้งกิจกรรมนั้นยังไม่เสร็จสิ้น ก็รีบแกะซองเพื่อเปิดดู แล้วก็มีอาการต่างๆ ไม่ว่าจะโยนลงไป หรือวางไปข้างหลังด้วยกำลังของกิเลส จึงเห็นด้วยว่าพระธรรมวินัยบัญญัติขึ้นไว้เพื่อให้เห็นความมีกำลังของกิเลสจริงๆ ที่ต้องขัดเกลา จึงต้องกราบขอบพระคุณทางมูลนิธินำทีมโดยท่านอาจารย์ แล้วก็คิดว่าเราคงต้องทำต่อไปเพราะเห็นประโยชน์แก่ผู้อื่น

    ท่านอาจารย์ นั่นก็เป็นผู้ที่จะละเอียดขึ้น เพราะแม้ว่าให้ซองกับพระภิกษุซึ่งข้างในไม่ใช่เงิน แต่มีข้อความว่าภิกษุในธรรมวินัยไม่รับ และไม่ยินดีในเงิน และทอง ก็ยังเห็นอากัปกิริยาต่างๆ กันตามกำลังของกิเลสเป็นแต่ละหนึ่ง

    ผู้ฟัง ซึ่งก็ยอมรับว่าครั้งแรกนั้นตั้งใจทำทั้งคืนเพื่อเตรียมซองที่จะนำไปในกิจกรรมวันรุ่งขึ้น แล้วก็ดีใจว่าได้ทำในสิ่งที่เป็นผู้ที่เคารพต่อพระพุทธองค์ แล้วก็ยินดีมากว่าได้ทำเผื่อไว้มากจนกระทั่งว่าตอนเย็นมีงานศพโดยไม่ได้คาดการณ์ จึงได้ไปถวายกับเจ้าภาพเขาด้วย เจ้าภาพเขาก็ยินดีมากทั้งๆ ที่ยังไม่ทราบว่าข้างในคืออะไร

    ท่านอาจารย์ ก็ดี ที่เราเริ่มรู้ว่าสิ่งใดควร สิ่งใดไม่ควรที่จะทำ แล้วก็อาจหาญที่เราได้ทำสิ่งที่ดีที่ถูกต้อง ไม่มีอะไรที่จะต้องเป็นโทษหรือน่ากลัวเลย ไม่ต้องเกรงอะไรเลยเพราะเป็นสิ่งที่ถูก

    ผู้ฟัง อีกครั้งหนึ่ง คุณแม่ของน้องที่ทำงานท่านหนึ่งได้เสียชีวิต และแจ้งให้ทราบว่าจัดงานไปสองวันแล้ว พระก็สวดอย่างเดียวไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย เขาก็เลยนิมนต์พระอีกวัดหนึ่งไปเทศน์ด้วยภาษาไทย ปรากฏว่าไม่ได้รับการต้อนรับจากวัดนั้น น้องจึงมาขอความอนุเคราะห์ให้ไปบรรยาย ๑๕ นาทีเพื่อให้เพื่อนๆ ร่วมรุ่น ที่เติบโตด้วยกันมา ซึ่งปัจจุบันเป็นหมอบ้าง เป็นพยาบาลบ้าง ได้ฟังเพราะเขาไม่มีความเข้าใจเลย จึงตัดสินใจเดินทางไปถึงจังหวัดปราจีนบุรีด้วยความเกรงใจ ซึ่งเขาก็มารับที่บ้าน

    เมื่อไปถึงก็เตรียมไว้ในใจว่าจะพูดเรื่องการเกิดมาเป็นชาวพุทธแล้วไม่เข้าใจคำสอนของพระพุทธศาสนา ก็เป็นชาวพุทธแค่เพียงในบัตรประชาชนเท่านั้น เสียดายโอกาส แล้วขณะนี้ก็ได้เห็นแล้วว่าสุดท้ายก็ต้องจากไป ซึ่งก็เพียงคิดอยู่ในใจเฉยๆ โดยไม่ได้มีโพย พอไปถึงปรากฏว่าแขกมากันมากมาย เพราะมีหลายเจ้าภาพร่วมกัน ทั้งด็อกเตอร์ นายทหาร นายตำรวจ ก็คาดไม่ถึงเพราะนึกว่าเป็นงานที่จัดในต่างจังหวัด ปรากฏว่า ขณะนั้น ก็มีพระรูปหนี่งมาสนทนากับน้องที่เป็นเจ้าภาพ ถกกันอยู่ จึงเดินเข้าไปเงียบๆ และได้ยินสิ่งที่เขาถกกันว่า ไม่เคยมีธรรมเนียมที่จะให้โยมมาพูดให้พระฟัง โดยที่น้องไม่ทราบว่าอยู่ข้างหลัง เขาก็ถกกันไปถกกันมาจนจบ พระรูปนั้นท่านก็เดินกลับไปตำแหน่งเดียวกับที่พระสูงอายุอีกสองรูปที่นั่งเป็นประธาน ซึ่งขณะนั้นก็ไม่ทราบว่าเป็นใคร สักพักน้องเขาก็หันมาเห็น และกล่าวว่า ไม่ต้องกังวล เขาเป็นเจ้าภาพ เขาจะทำอะไรก็ได้ ไม่ต้องกังวลทั้งสิ้น ขณะนั้นใจเต้นแรงมาก แต่ในเมื่อตกกระไดพลอยโจนแล้ว ก็ได้แต่นึกถึงท่านอาจารย์ และพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า

    จากนั้นพอได้เวลา จึงขึ้นไป ระหว่างนั้นก็มีพระ ๘ รูปมาเตรียมจะสวดพระอภิธรรม พระ ๒ รูปนั้นก็นั่งอยู่ กับพระที่มาทราบทีหลังว่าเป็นพระเลขาที่มาพูดก่อนนั่งด้วย น้องก็เอาโพยมาให้จึงได้ทราบว่า ๒ รูปที่นั่ง คือท่านเจ้าคุณ เจ้าคณะจังหวัด กับรองเจ้าคณะจังหวัดซึ่งเป็นเจ้าอาวาส เมื่อขึ้นไปพูดจบแล้ว หลังจากนั้นก็มีการสวดอภิธรรม และหลังจากนั้นก็ได้ไปกราบลา และถวายหนังสือแด่ท่าน

    ปรากฏว่าท่านเจ้าคุณสองท่านนั้นก็กล่าวคำแรกว่า ขออนุโมทนาด้วยนะโยม ตอนนี้เห็นชัดเจนแล้วว่า ถ้าหากอยากรู้เรื่องคอมพิวเตอร์ให้ถามพระ อยากรู้เรื่องธรรมให้ถามโยม แล้วท่านก็กล่าวว่า ตอนนี้อาตมาไม่ทันแล้ว อายุขนาดนี้แล้วจะศึกษาก็ไม่ทันแล้ว ทั้งชีวิตก็มัวแต่ใช้เวลาก่อตั้งโรงเรียนสอน สิ่งก่อสร้างต่างๆ มีเด็กนักเรียนอยู่ในมือหลายพันคน แล้วสุดท้ายท่านก็ย้ำอีกคือหันไปกล่าวกับพระเลขาว่า ใช่ไหมที่พวกเราไม่ศึกษา แล้วพวกเราก็รู้แต่เรื่องคอมพิวเตอร์ จึงว่าอยากรู้เรื่องคอมพิวเตอร์ให้ถามพระ อยากรู้เรื่องธรรมให้ถามโยม ขณะนั้นใจระลึกถึงแต่ท่านอาจารย์ว่าเป็นผู้นำที่ทำให้เกิดวันนั้นขึ้นมา กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์

    ท่านอาจารย์ ก็ต้องขออนุโมทนาอย่างยิ่ง ในความกล้าอาจหาญที่จะช่วยคนอื่นให้เข้าใจธรรม และทำได้ด้วย และทำดีด้วย ชาวบ้านที่มาฟังงานศพใช่ไหม

    ผู้ฟัง ตอนขึ้นไปก็สั่นเหมือนที่สั่นอยู่ในขณะนี้ ก็กราบนอบน้อมพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วก็กราบพระ ขณะนั้นทุกคนก็ยังคุยกันอยู่ มองไปทางไหนก็เห็นผู้คนในชุดดำ วันนั้นแขกมากมายจริงๆ ซึ่งพวกเขาก็ยังคุยกันอยู่ ก็กล่าวออกไปว่า ขณะนี้เรามาเพื่ออะไร ท่านที่นอนอยู่ในหีบเป็นพยานให้เรา ว่าครั้งหนึ่งท่านเคยนั่งเหมือนเรา ขณะนี้ทำไมท่านจึงนอน เพราะท่านไม่มีอะไร ท่านต่างกับเราตรงไหน แล้ววันหนึ่งเราคิดบ้างหรือไม่ว่าเราต้องเป็นแบบนั้น แล้วเราเคยคิดถึงบุคคลท่านหนึ่งหรือไม่ที่ท่านเคยสอนเรา บอกเรา ว่าความจริงของชีวิตเป็นอย่างไร

    เราได้ชื่อว่าเป็นพุทธศาสนิกชนแต่เราไม่เคยรู้จักผู้ที่ให้ความจริงกับเรา จึงเป็นการเสียเวลา ที่เรามีเพียงแค่บัตรประชาชนเท่านั้นที่บอกว่าเราเป็นชาวพุทธ แล้วทราบหรือไม่ว่า ท่านผู้นั้นได้เสียสละเวลา เสียสละความสุข เสียสละชีวิตมานานเท่าใด จึงได้ความจริงมาบอกเรา แล้วเราคิดหรือไม่ว่าวันหนึ่งที่เราต้องนอนแบบท่านที่เป็นอยู่ในหีบนี้ เราจะเอาอะไรไปด้วยได้ เหมือนคุณแม่ท่านนี้ก็ไม่สามารถได้ยินแม้เสียงขณะนี้ ก็ได้เตือนเขามากมาย

    สิ่งที่เห็นในขณะที่พูด จากเดิมที่เขาคุยกัน เขาก็เริ่มหันมามองที่เราเพียง คนเดียว ก็ทำให้หายสั่นได้ หลังจากนั้นอะไรต่อมิอะไรที่ได้ฟังจากท่านอาจารย์ ความรู้ทั้งหลาย ความจริงทั้งหลาย ความเข้าใจทั้งหลาย พูดไปหมดเลย แม้กระทั่งคำว่าอภิธรรมคืออะไร บารมีคืออะไรทั้ง ๑๐ ประการ แล้วก็ได้บอกเขาว่า พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าแสดงธรรมสมัยนั้นด้วยภาษาบาลี แต่ขณะนี้เรามีภาษาไทย แล้วเราไม่ตั้งใจฟัง แล้วก็จะต้องจากไปด้วยความไม่รู้ แล้วเราทราบหรือไม่ว่า นอกจากการจากไปแล้วไม่ได้แค่จากไป ต้องกลับมาเกิดอีก แล้วเกิดเป็นอะไร ได้ทราบความจริงนี้หรือไม่ แล้วก็ครบ ๑๕ นาทีพอดีเลย

    ท่านอาจารย์ เก่งมากเลย แล้วก็ดีมากด้วย ต้องทำต่อไปอีกไม่ว่าที่ไหน ไม่ว่าใคร

    ผู้ฟัง ขณะที่ลงมา คิดว่าที่พูดไปทั้งหมดไม่ใช่ตัวเรา แต่เป็นความเข้าใจที่ได้รับจากการฟังทั้งหมด ถ้าไม่เข้าใจ จะพูดอย่างนั้นไม่ได้

    ท่านอาจารย์ ถูกต้อง

    ผู้ฟัง ระลึกถึงคำท่านอาจารย์เลยว่าไม่ใช่เราพูด แต่เป็นความเข้าใจจริงๆ ต้องกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์เป็นอย่างสูง แล้วก็ยืนยันว่าจะฟังต่อไปตราบจนไม่มีลมหายใจ

    ท่านอาจารย์ ถ้าทำอย่างนี้ไปอีก ก็จะเป็นประโยชน์ทุกงานศพ เพราะว่าอยู่ดีๆ ให้เราฟังคำที่เราไม่รู้จักกับคำที่เราควรจะได้ฟัง ต้องมีประโยชน์

    ผู้ฟัง ขออนุญาตท่านอาจารย์จะได้ครบถ้วนว่า พอลงมาแล้วหลังจากที่งานเลิกแล้ว ก็มีผู้สูงอายุหลายท่านเข้ามาหา ท่านที่พูดก็พูดออกมาด้วยคำพูด ท่านที่ไม่พูดก็สื่อสารด้วยแววตา จึงดีใจว่า วันนั้น ไม่เสียประโยชน์เลย

    ท่านอาจารย์ แล้วคนก็ไม่ได้คาดหวัง ไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะได้ฟังคำอย่างนี้ และจากผู้ที่ไม่ใช่ภิกษุ ก็เป็นประโยชน์มาก ที่จะเห็นว่าธรรมสามารถที่จะมีผู้ที่เข้าใจได้

    ผู้ฟัง สุดท้ายก็ได้กล่าวว่า สักครู่เราจะได้ยินพระทั้ง ๘ รูป ที่นั่งข้างๆ นี้ ได้สวดพระอภิธรรม ซึ่งเป็นภาษาที่เราไม่เข้าใจ แต่ความหมายคืออะไร กุศลาธัมมา อกุศลาธัมมา อัพยากตาธัมมา คืออะไร กุศล เป็นสิ่งที่มีจริง อกุศลเป็นสิ่งที่มีจริง ไม่ใช่สัตว์ ตัวตน บุคคล เราเขา ถ้าไม่ศึกษาเราจะไม่เข้าใจคำที่ท่านสวด และก็ดีใจว่าหลังจากที่ลงมาแล้ว ขณะที่พระสวดนั้น รู้สึกว่าทุกคนตั้งใจฟัง ไม่ทราบว่าเข้าข้างตัวเองหรือเปล่า แต่รู้สึกว่าเขาตั้งใจฟัง

    ท่านอาจารย์ ดีมากเลย คิดว่าอยากจะให้มีอย่างนี้บ่อยๆ

    อ.อรรณพ ขอชื่นชมในการปฏิบัติหน้าที่ของอุบาสิกา ที่เข้าใจพระธรรม

    ท่านอาจารย์ กล้าหาญโดยไม่รู้ตัวเลย ท่ามกลางผู้คนในงานศพ และพระภิกษุสงฆ์ที่ท่านนั่งอยู่ที่นั่นด้วย แล้วก็ยังทำสิ่งที่ถูกได้ และทำได้อย่างดีด้วย

    อ.อรรณพ ขออนุโมทนาชื่นชมจริงๆ ที่คิดว่านี่ไม่ใช่เรื่องว่าเป็นเราที่ต้องไปทำอย่างนั้น แต่เป็นการปฏิบัติกิจของความเข้าใจ ปัญญาเขานำไป

    ท่านอาจารย์ ปัญญานำไปในกิจที่ดีงามที่เป็นกุศลทั้งปวง

    อ.อรรณพ แล้วอีกประเด็นหนึ่ง ประเด็นที่กล้าหาญ เพราะว่าเอาข้อความใส่เข้าไป ให้เห็นเลยว่าสะท้อนว่าอะไร สะท้อนว่าที่ไปบวชนี่ต้องการเงิน เมื่อไม่ได้เงินจึงแสดงอาการเช่นนั้นขึ้นมา เพราะฉะนั้นพวกนี้เป็นเหล่าอลัชชีคือผู้ไม่ละอาย เพราะว่ามีคำเตือนแล้วด้วย คือไม่ละอายเพราะไม่รู้ ก็แย่แล้ว นี่พอมีคำเตือน แล้วเป็นคำเตือนที่จะเปลื้องตนไม่ให้ไปอบาย เป็นการเตือนว่าอยู่ในเพศบรรพชิต ภิกษุในธรรมวินัยไม่ได้มีความซาบซึ้งหรือไม่ได้มีความรู้สึกสำนึกอะไรเลยทั้งสิ้น แล้วเราจะปล่อยให้เป็นอย่างนี้กันหรือ พระธรรมวินัยเป็นศาสดาแทนพระองค์ ก็จะต้องช่วยกันที่จะให้ผู้ที่บวชไม่สามารถมีทรัพย์สมบัติได้ในระหว่างเข้าไปบวชด้วยประการทั้งปวง จึงจะทำให้ผู้ที่จะเข้าไปบวชจริงๆ ต้องรู้ว่าแม้โดยความถูกต้องทางพระธรรมวินัยซึ่งอาจจะมีการกำหนดเป็นระเบียบเป็นกฎหมายออกมา ก็จะเป็นประโยชน์อย่างมากที่จะคัดกรองบุคคลที่จะไปปฏิญาณตนว่าเป็นบรรพชิต แต่ต้องศึกษาธรรมด้วย เพราะฉะนั้นช่วยเขามากที่ใส่ข้อความไปอย่างนี้

    ท่านอาจารย์ แล้วก็น่าอัศจรรย์ ซึ่งไม่ใช่เฉพาะพวกเราที่นี่ แต่กับคนที่ได้ฟังทุกคน ใครจะคิดว่าจะมีการที่กล่าวถึงธรรมอย่างนี้ในงานศพด้วยความอาจหาญ ด้วยความกล้าหาญที่จะให้คนอื่นได้เข้าใจถูกต้อง เพราะขณะนั้นเป็นปัญญา


    หมายเลข 10626
    3 ก.พ. 2568