ยิงไกล ยิงเร็ว


    ผู้ถาม ขอให้อาจารย์ช่วยอธิบายพระสูตรที่ยิงไกลยิงเร็ว และก็ทำลายข้าศึกหมู่ใหญ่ได้ เพื่อจะได้เข้าใจคำว่าอวิชชาซึ่งเป็นข้าศึกหมู่ใหญ่

    สุ. ก็เป็นเรื่องของปัญญาซึ่งตรงข้ามกับอวิชชา วิชชากับอวิชชา บางคนอาจจะสงสัยว่าพูดแต่เรื่องอกุศลมานานมากเลย ทั้งโลภมูลจิต ๘ โมหมูลจิต แล้วคงจะมีคนที่อยากฟังเรื่องของกุศล เพราะว่าฟังแต่เรื่องของอกุศล แต่ว่าพื้นฐานพระอภิธรรมก็เพื่อที่จะให้เข้าใจลักษณะจริงๆ ของสภาพธรรมที่มีจริงๆ ในวันหนึ่งๆ วันนี้กุศลเกิดมากหรืออกุศลเกิดมาก แล้วก็ควรจะพูดถึงเรื่องอะไรมาก พูดถึงเรื่องสิ่งที่เกิดมากหรือว่าสิ่งซึ่งนานๆ ก็จะเกิดเพราะเหตุว่ามีปัจจัยที่จะทำให้อกุศลเกิดมากจนไม่รู้ตัว เพราะเหตุว่าเพียงกุศลเกิดขึ้นชั่วคราว หลังจากนั้นเป็นอกุศลไหลไปตลอดทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ แล้วก็เป็นกุศล แล้วก็ยังมีอกุศลเกิดแทรกคั่นได้แม้ในขณะที่กุศลจิตเกิดเพียงชั่ววาระ ๗ ขณะของจิตแล้วก็ดับไป ฟังเรื่องของอกุศลก็จะทำให้รู้ตัวเองตามความเป็นจริงซึ่งจะทำให้เป็นผู้ที่ไม่ประมาท ถ้าจะกล่าวถึงกุศลอย่างย่อๆ ก็ตรงกันข้ามกับอกุศล เพราะเหตุว่าถ้าเป็นฝ่ายกุศลก็จะเป็นเกิดร่วมกับโสมนัสเวทนาเหมือนกับโลภะก็เกิดร่วมกับโสมนัสเวทนา เกิดร่วมกับอุเบกขาก็เหมือนกับโลภะซึ่งเกิดร่วมกับอุเบกขา แต่ว่าทางฝ่ายอกุศลจะประกอบด้วยความเห็นผิด ซึ่งทางฝ่ายกุศลก็จะประกอบด้วยปัญญา หรือมิฉะนั้นทางฝ่ายอกุศลซึ่งเป็นโลภะก็ไม่มีปัญญาเกิดร่วมด้วย ทางฝ่ายกุศลก็เช่นเดียวกันก็ไม่มีปัญญาเกิดร่วมด้วย แต่ว่าทางฝ่ายอกุศลมีทิฏฐิมีความเห็นผิดซึ่งตรงกันข้ามกับปัญญาเกิดร่วมด้วย ก็เป็นชีวิตจริงๆ ประจำวัน ถ้าพูดบ่อยๆ ก็จะทำให้เราระลึกได้ว่าจะต้องเจริญกุศลหรือว่ามีความเข้าใจลักษณะของสภาพธรรมมากขึ้นจนกว่าจะรู้ความจริงของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ มิฉะนั้นเราก็อาจจะประมาทคิดว่าเรามีกุศลเยอะแล้วก็ทำกุศลอยู่แล้ว แต่กุศลใดๆ ก็ตามที่ไม่ประกอบด้วยปัญญาไม่สามารถที่จะทำให้ออกจากสังสารวัฏได้ อย่างที่พูดถึงเมื่อวานนี้ก็พูดถึงเรื่องทุกคนก็กำลังอยู่ในคุก เพราะว่าเมื่อวานนี้ก็มีจดหมายจากคนที่อยู่ในเรือนจำได้ฟังธรรมก็เขียนมา เพราะฉะนั้นก็เป็นเครื่องเตือนให้ทราบว่าแม้ว่าเราจะไม่ได้อยู่ในคุกนั้น แต่ในคุกที่ใหญ่กว่านั้นอีกคือโลกทั้งโลก เกิดมาอยู่ในคุกซึ่งออกไม่ได้เลยถ้าไม่มีปัญญา แต่ว่าคนที่อยู่ในคุกนี้ไม่รู้ตัวเลยใช่ไหม สนุกสนาน รื่นเริง ทางตาสวยๆ ทางหูเพราะๆ ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย มีความเพลิดเพลินพอใจที่จะอยู่ในคุกจนกว่าจะมีปัญญารู้ว่าแท้ที่จริงแล้วทุกสิ่งทุกอย่างที่มีก็ไม่ได้ต่างกันเลย ไม่ว่าจะเป็นคุกที่สมมุติเรียกบางแห่งออกมาไม่ได้เลย แต่ว่าคุกที่ใหญ่กว่านั้นก็คือโลกนี้ และก็ยังโลกอื่นๆ ทั้งหมดซึ่งยังไม่พ้นไปจากการเกิด ก็จะต้องอยู่ในคุกหนึ่งคุกใด เพราะฉะนั้นการฟังเรื่องอย่างนี้ก็จะทำให้เรามีปัญญารู้ตามความเป็นจริงว่าต้องอบรมเจริญปัญญาจริงๆ ถึงสามารถที่จะพ้นจากคุกได้ คนที่พ้นแล้วจะสงสารคนที่อยู่ในคุกไหม เพราะว่าเขารู้แล้วว่าเป็นคุก แล้วก็ไม่ควรจะอยู่ในคุกแต่คนที่อยู่ในคุกด้วยความไม่รู้ ด้วยอวิชชา ถ้าไม่มีการฟังพระธรรมเลย ไม่มีทางเลยที่จะรู้ตัวตามความเป็นจริงว่ามีอวิชชามากสักแค่ไหน แต่เมื่อฟังแล้วก็จะรู้ได้ด้วยตัวเอง กำลังเห็นนี่รู้หรือเปล่าว่าลักษณะจริงๆ ของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏขณะนี้เป็นอะไร เพราะฉะนั้นการฟังเรื่องที่มีจริงแม้ในขั้นการฟังก็เพื่อที่จะให้ค่อยๆ เข้าใจให้ถูกต้องตรงทุกคำที่ได้ทรงแสดงไว้ว่า ไม่มีสัตว์ ไม่มีบุคคล ไม่มีตัวตน มีแต่สภาพธรรมซึ่งเกิดเพราะปัจจัยปรุงแต่งแล้วก็ดับไป สั้นมาก เร็วมาก เพราะฉะนั้นจะพิสูจน์ได้ว่าสิ่งที่เราพอใจทางตาก็เล็กน้อยเพราะว่าขณะที่ได้ยินเสียง ไม่ใช่ความพอใจสิ่งที่ปรากฏทางตา แล้วขณะที่กำลังได้ยินเสียงก็ขณะนั้นก็พอใจเล็กน้อยในเสียง ต่อจากนั้นก็คิดนึกซึ่งเป็นไปอย่างรวดเร็วมากจนกระทั่งยากที่จะรู้ความจริงว่าไม่ใช่ตัวตนเพราะเป็นสภาพธรรม เพราะฉะนั้นสิ่งที่กำลังมีรู้ยากหรือเปล่า ถ้ารู้ยากต้องเป็นผู้ที่สามารถจะค่อยๆ อบรมความรู้ถูกในลักษณะของสิ่งที่ปรากฏจนกระทั่งสามารถที่จะยิงไกล ยิงไว จนกระทั่งสามารถที่จะตามลักษณะของสภาพธรรมที่ปรากฏแต่ละทางด้วยปัญญาที่อบรมเจริญสมบูรณ์ขึ้น สามารถที่จะประจักษ์ความจริงว่าขณะนี้สภาพธรรมไม่เที่ยง สิ่งที่ปรากฏสืบต่อกันเร็วมากจนกระทั่งไม่ปรากฏการดับไปของสภาพธรรมที่เกิดในขณะนี้แล้วก็ดับอยู่เรื่อยๆ ก็เป็นเรื่องของการอบรมที่จะรู้ความจริงของสภาพธรรมที่ปรากฏจนกว่าจะประจักษ์แจ้งจึงสามารถที่จะทำลายอวิชชาซึ่งมากเหลือเกิน ไม่ว่าอกุศลจิตประเภทใดเกิดเพราะความไม่รู้ ถ้ามีความเห็นผิดที่ยึดถือสภาพธรรมว่าเที่ยงเป็นสุข เป็นเรา เป็นตัวตน ขณะนั้นก็เพราะความไม่รู้ ด้วยเหตุนี้ก็จะรู้จักตัวเองตามความเป็นจริงว่าไม่รู้มากแค่ไหน ยิ่งฟังยิ่งมากหรือเปล่า หรือว่าน้อยลงไป น้อยลงไปจากการได้ฟังสิ่งที่ไม่เคยฟัง แต่ความไม่รู้ในลักษณะของสภาพธรรมที่ปรากฏก็ยังคงมีมากอยู่ จนกว่าจะถึงปัญญาอีกระดับหนึ่งซึ่งเกิดพร้อมกับสติสัมปชัญญะที่เริ่มจะเข้าใจลักษณะที่มีจริงของสภาพธรรมซึ่งวันหนึ่งก็สามารถที่จะประจักษ์แจ้งทำลายอวิชชาซึ่งมีมากมายที่สะสมมา แต่ก็ต้องตามลำดับขั้นด้วย


    ที่มา ...

    พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 209


    หมายเลข 10721
    31 ส.ค. 2567