ถูกหลอก
คำว่า “รู้ตรง” คือสภาพธรรมนั้นยังไม่ได้เปลี่ยน เช่นสิ่งที่กำลังปรากฏทางตาขณะนี้ชั่วขณะที่กำลังปรากฏ ยังไม่ได้คิดนึกอะไรเลยทั้งสิ้น แล้วก็ลักษณะที่กำลังปรากฏเพราะมีการกระทบกัน และจิตเห็นก็เกิดขึ้น ทางจักขุทวารดับไป มโนทวารก็ตามรู้ก็คือต้องรู้สิ่งเดียวกันนั้นแหละ นี่จึงจะเป็นความเป็นปกติของสติสัมปชัญญะ ขณะนี้แข็งปรากฏทางกาย แข็งไม่เปลี่ยน กายวิญญาณอาศัยกายปสาทรู้แข็งๆ จึงปรากฏ มโนทวารที่ปกติจะนึกคิดเรื่องอื่นทันที จะไม่ตามรู้คือไม่รู้ลักษณะของแข็งซึ่งปรากฏแล้ว เพราะฉะนั้นจะเห็นความต่างกันของขณะที่หลงลืมสติวันนี้มีการรู้ตรงลักษณะบ้าง หรือเปล่า หรือว่าผ่านไปหมดเลย เป็นเรื่องเป็นราวหมดเลย แต่ขณะใดที่กำลังรู้ตรงลักษณะที่ปรากฏแล้ว เพราะว่ามีจิตที่รู้สิ่งนั้นที่เกิดแล้วดับไป และสติสัมปชัญญะก็สามารถที่จะตามรู้คือรู้ต่อในลักษณะของสิ่งนั้นซึ่งยังไม่ได้เปลี่ยนเป็นลักษณะอื่นเลย ขณะนั้นก็คือรู้ว่าสติสัมปชัญญะเริ่มเกิดคือเป็นปกติ สภาพธรรมนั้นไม่ผิดปกติเลยจึงไม่หวั่นไหว เพราะปกติถ้าเป็นเราจะหวั่นไหวมาก มีเราที่ทำ มีเราที่ดีใจ มีเราที่เห็นอะไรก็ไม่ทราบซึ่งไม่ใช่ความรู้ของลักษณะของสภาพธรรมตามปกติ ให้ทราบว่าขณะนั้นถูกหลอก เพราะอะไร ไม่จริง ถ้าจริงคือสิ่งนี้เกิดแล้วเป็นอย่างนี้ จะเป็นอย่างอื่นไม่ได้ แต่เมื่อไม่รู้คือกำลังรู้สิ่งที่กำลังปรากฏ ไม่ได้มีใครไปเปลี่ยนสิ่งนั้นเลย แล้วก็กำลังค่อยๆ เข้าใจลักษณะนั้น เพราะฉะนั้นถ้าเกิดความคิดที่จะทำประการหนึ่งประการใดก็ตาม ผลคือไม่รู้สิ่งที่กำลังปรากฏเพราะเกิดแล้วตามเหตุตามปัจจัย ไม่มีทางที่จะรู้ได้เลย เพราะว่าข้ามไปทำ ไม่มีการที่จะรู้ลักษณะซึ่งความจริงก็เกิดแล้วก็ดับด้วย
ที่มา ...