ตัณหาเป็นธรรมชาติ และมีอวิชชาเป็นมูลราก
คุณอุไรวรรณ สังยุตตนิกายสทาควรรคมีคำกล่าวว่า ตัณหาเป็นธรรมชาติ มีอวิชชาเป็นมูลราก ขอความกรุณาท่านอาจารย์ได้กรุณาอธิบายว่ามีตัณหาเป็นธรรมชาติ และมีอวิชชาเป็นมูลราก
สุ. เวลาที่ได้ยินข้อความใดๆ หรือว่าอ่านจากพระสูตรพระไตรปิฎก จะพยายามค้นหาว่าคืออะไร แต่ขณะนี้เดี๋ยวนี้เองมีโลภะหรือเปล่า มี แล้วก็มีความรู้หรือเปล่า มีความ เห็นถูก เข้าใจถูกในสิ่งที่โลภะกำลังติดข้องหรือเปล่า ไม่มี เพราะฉะนั้นก็มีความเข้าใจจริงๆ ในพยัญชนะหรือข้อความที่ว่ามีความติดข้องเพราะว่ามีความไม่รู้ ก็ยืนยันได้ ขณะใดที่มีความไม่รู้ ขณะนั้นทำให้เกิดความยินดีพอใจในสิ่งต่างๆ มากมาย หรือว่าอาจจะเกิดอกุศลประเภทใดๆ ก็ได้ทั้งสิ้นจากความไม่รู้นั้นๆ เพราะฉะนั้นขณะใดที่เกิดความพอใจติดข้อง รู้ได้เลยว่าขณะนั้นไม่รู้ความจริงของสิ่งที่กำลังติดข้อง ด้วยเหตุนี้การศึกษาธรรม ถ้าเข้าใจชีวิตประจำวันว่าเดี๋ยวนี้เป็นอภิธรรม เดี๋ยวนี้เป็นธรรม ไม่ต้องไปหาที่ไหนเลยทั้งสิ้น ถ้าจะพูดถึงโลภะขณะนี้ก็มี ไม่ใช่ไม่มี รวดเร็วด้วย เพียงเห็นดอกไม้สวย กุศลจิตเกิดหรืออกุศลจิตเกิด ยับยั้งไม่ได้เลย ตราบใดที่ยังมีความติดข้องพอใจในสิ่งที่ปรากฏโดยที่รูปนั้นยังไม่ดับ นี่คือความรวดเร็วของสิ่งที่เกิดดับ ทั้งๆ ที่รู้ว่าสภาพธรรมเกิดดับเร็วมาก แต่ชั่วขณะที่รูปไม่ดับ โลภะก็ติดข้องในสิ่งนั้นโดยไม่รู้ตัว นี่ก็แสดงให้เห็นเป็นเครื่องพิสูจน์พระธรรมที่ได้ยินได้ฟังว่าขณะใดที่โลภะเกิด ขณะนั้นไม่รู้ความจริงของสิ่งที่กำลังปรากฏ
อ.วิชัย โลภะหรือว่าตัณหานี่เมื่อเกิดมีอวิชชาเป็นมูล
ผู้ถาม ทำไมโลภะถึงเป็นมูลของอวิชชา
อ.วิชัย อวิชชาจะเกิดไม่ได้ถ้าไม่มีโลภะ
ผู้ถาม แต่อวิชชาก็มีที่เกิดเดี่ยวๆ อย่างเช่นโมหมูลจิต
อ.วิชัย ขณะนั้นโลภะก็ไม่ได้เป็นมูลแก่อวิชชา
ผู้ถาม ไม่ได้เป็นมูล เป็นบางขณะ
อ.วิชัย ขณะที่โลภมูลจิตเกิดขึ้นมีมูล ๒ อย่าง คือโลภมูลกับโมหมูล คือขณะนั้นโมหะก็เป็นมูลแก่โลภะด้วย โลภะก็เป็นมูลแก่โมหะด้วย แต่ขณะที่โมหมูลจิตเกิดขึ้น ไม่มีโลภมูลเกิด โมหะก็เป็นมูลแก่อกุศลกรรมที่เกิดขณะนั้น
สุ. ก็ถูกต้อง เพราะเหตุว่าขณะที่โทสะเกิด ลองคิดในมุมกลับ ขณะนั้นมีปัญญาหรือเปล่า
ผู้ถาม ไม่มี
สุ. เพราะฉะนั้นขณะนั้นเองโทสะที่เกิดขึ้นก็เป็นมูลแก่อวิชชาคือความไม่รู้ในขณะนั้นเอง ไม่ว่าจะเป็นโทสะหรือไม่ว่าจะเป็นโลภะก็ตาม
ผู้ถาม ตัวโลภะก็เป็นมูลซึ่งกัน และกันกับอวิชชา อันนี้ถ้าเราจะพูดอย่างนี้จะกินความได้หรือไม่
อ.วิชัย ขณะที่โลภมูลจิตเกิดขึ้นมีมูลเกิดร่วมด้วย ๒ มูล ขณะนั้นโลภมูลก็เป็นมูลแก่โมหมูลๆ ก็เป็นปัจจัยแก่โลภมูล ก็เป็นมูลแก่กัน และกัน แต่ถ้ากล่าวถึงอกุศลธรรมประเภทอื่น อย่างเช่น โลภมูลเป็นปัจจัยแก่โลภมูลจิตแก่จิตขณะนั้น แต่ว่าจิตไม่ได้เป็นมูลแก่โลภะขณะนั้น คือเป็นปัจจัยได้แต่ไม่ได้เป็นโดยเหตุปัจจัย
ที่มา ...