ไม่มีเสียเลยดีกว่า


    ติดข้องในสิ่งที่ดับไปแล้วไม่เหลือ เพราะยึดว่ามีเราด้วยความไม่รู้ แต่ถ้ามี ปัญญาที่รู้ชัดตามความจริงว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นต้องดับไม่เหลือ ไม่มีเรา ก็จะเข้าใจว่าไม่มีเสียเลยดีกว่า


    อ.อรรณพ ความสุขที่ไม่มีเรา ละเอียดห่างไกลแค่ไหน กับเป็นเราที่อยากจะมีความสุข

    ท่านอาจารย์ เห็น มีความสุขหรือไม่

    อ.อรรณพ พอใจที่จะได้เห็น

    ท่านอาจารย์ แล้วเห็นก็ไม่มี เป็นทุกข์หรือเป็นสุข

    อ.อรรณพ แต่เดี๋ยวก็ได้เห็นใหม่อีก

    ท่านอาจารย์ แต่เมื่อสักครู่นี้พอใจเห็น แล้วเห็นนั้นไม่มี ที่พอใจนั่นแหละ ไม่มี ไม่เหลือเลย

    อ.อรรณพ สิ่งที่พอใจ ไม่เหลือ

    ท่านอาจารย์ ไม่เหลือ แต่ก็หลงพอใจ

    อ.อรรณพ เพราะว่าเดี๋ยวก็มีให้พอใจอีก

    ท่านอาจารย์ ถึงจะไม่คิดถึง อันใหม่ อันเก่าที่ดับไปแล้ว ก็ยังเข้าใจว่า ยังมีอยู่ ทั้งๆ ที่ไม่เหลือเลย แล้วก็ถ้าไม่เห็นเสียเลย ไม่ต้องพอใจเสียเลย ไม่ดีกว่าหรือ เพราะหมดไปเลยทั้งหมด เห็นก็หมด พอใจในสิ่งที่เห็นก็หมด เท่ากันไหม กับตอนที่ไม่เห็น และไม่พอใจ ไม่ต้องพอใจ เท่ากันเลย แล้วมาเห็น แล้วมาพอใจทำไม เสียเวลาหรือเปล่า อยู่ดีๆ ไม่มีเลย และก็มีให้เห็น ให้ติดข้อง แล้วก็หมด ก็ไม่มี เหมือนตอนแรกที่ยังไม่เกิดขึ้น ไม่ดีกว่าเหรอ

    อ.อรรณพ ก็เคยสนทนาเปรียบเทียบให้ฟังว่า ผู้ที่มีลูก ก่อนที่จะมีลูกคนนั้น ก็ไม่ได้ติดข้องอะไร แต่พอมีแล้ว ก็มีความผูกพันในสัตว์ บุคคล ที่เพิ่งมีมาทีหลัง

    ท่านอาจารย์ เห็น ยังไม่มีลูก เพียงแค่เห็น แล้วพอใจ ยังไม่มีลูก แล้วก็ไม่เห็น แล้วพอใจก็ไม่มี แล้วมีเห็นกับมีพอใจทำไม เสียเวลาหรือไม่ เหมือนเดิม คือไม่เหลือเลย

    อ.อรรณพ ก่อนที่เห็นจะเกิด ก็ไม่ได้มีความพอใจในเห็นอะไร

    ท่านอาจารย์ ไม่มีเห็น ไม่มีความพอใจในเห็น แล้วเห็นก็ดับ ความพอใจในเห็นก็ดับ แล้วเห็นทำไม แล้วพอใจทำไม ไม่เสียเวลาไปเปล่าๆ หรือ ในเมื่อไม่เหลือเลย เหมือนเดิม คือไม่เหลือ ไม่มี เมื่อวานนี้เหลือไหม

    ผู้ฟัง ไม่เหลือ

    ท่านอาจารย์ เมื่อเช้านี้เหลือหรือไม่

    ผู้ฟัง ไม่เหลือ

    ท่านอาจารย์ เมื่อสักครู่นี้เหลือหรือไม่

    ผู้ฟัง ไม่เหลือ

    ท่านอาจารย์ แล้วถ้าไม่มีเลย ไม่ต้องมี และพอใจ แล้วก็ไม่เหลือ ไม่ดีกว่าหรือ

    ผู้ฟัง แต่ฟังแล้วมันก็ค้านๆ กันอยู่ ท่านอาจารย์คะ สมมุติว่าเรามีเงินอยู่ ๑๐ ล้าน แล้วเราก็ไม่มี แล้วมันอย่างไร

    ท่านอาจารย์ มีอะไร เมื่อสักครู่บอกว่ามีเงิน ๑๐ ล้าน แต่ถามว่ามีอะไร

    ผู้ฟัง เอาอย่างนี้ มีเงินอยู่ในกระเป๋า

    ท่านอาจารย์ เงินยังอยู่ ใช่หรือไม่

    ผู้ฟัง ใช่ค่ะ มันยังไม่หายไป ยังไม่ได้ใช้ไป

    ท่านอาจารย์ แล้วถ้ามันหมดไปหล่ะ อยู่ไหน

    ผู้ฟัง เมื่อสักครู่ท่านอาจารย์บอกว่า ก็ไม่มีเสียดีกว่า

    ท่านอาจารย์ ใช่ไหม ก็มีเงิน ๑๐ บาท มีเงิน ๑๐ ล้าน แล้วก็หมดไปทั้ง ๑๐ ล้าน ทั้ง ๑๐ บาท เหมือนกับตอนไม่มีเลย แล้วมีทำไม ไม่อย่างนั้นจะไม่มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแน่นอน

    ผู้ฟัง ท่านอาจารย์คะ แต่เวลาที่เรามี เราได้ใช้ซื้อนั้น ซื้อนี้ ได้เจริญกุศล ได้อะไรได้ แล้วถ้าเราไม่มีอะไร เราทำอะไรไม่ได้เลย

    ท่านอาจารย์ แล้วกุศลอยู่ไหน ถ้าคิดดีๆ จากไม่มี แล้วเกิดมี แล้วก็ไม่มีเหมือนเดิม แล้วมีทำไม ทุกคนก็เพลิดเพลินไปกับสิ่งที่มี หารู้ไม่ว่า จากไม่มีเลย แล้วมี ให้ติดข้อง แล้วก็ไม่เหลือเลย เหลือแต่ความติดข้อง ต่อไปๆ ๆ ติด ต่อไปไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น สิ่งที่มีหมดแล้ว แต่ความติดข้องยังอยู่ ยังติดข้องในเงิน ๑๐ บาท ๑๐ ล้าน มีตัวนี้ดีไหม ตัวที่นั่งอยู่ตรงนี้ ดีไหม

    ผู้ฟัง ก็เป็นทุกข์

    ท่านอาจารย์ ไม่ดีแล้วไปมี ๑๐ ล้าน คิดดู แค่ตัวนี้มี ยังไม่ดี แล้วไปมี ๑๐ ล้าน

    ผู้ฟัง แต่เพราะมีตัวนี้ขึ้นมาแล้ว ถึงต้องพยายามมี ๑๐ ล้าน เพื่อจะได้เอามาบำรุงตัวเอง แล้วก็ทำสิ่งที่สมควรต่อๆ ไป

    อ.อรรณพ ไม่มีเสียเลยดีกว่า

    ท่านอาจารย์ ถ้าเป็นไปได้ แต่ถ้ายังเป็นไปไม่ได้ ต่างกันแล้ว จะเอาอย่างไหน จะเอาเป็นไปได้อย่างนี้เรื่อยๆ หรือถ้าเป็นไปได้ คือไม่มีเสียเลย ไม่ดีกว่าหรือ เกิดมาชาตินี้ทั้งชาติ แล้วไม่เหลือเลย อย่างเพื่อนของคุณแอ๊ว เกิดมาแล้ว เป็นคนนี้ แล้วก็ไม่เหลือเลย เกิดมาแล้วเหมือนมีทุกอย่าง แล้วก็ไม่เหลือเลย ให้รู้ความจริง ซึ่งรู้ยาก เพราะถูกปกปิดตลอดมา ด้วยความไม่รู้

    ผู้ฟัง แต่ว่าการที่มีปัญญา เข้าใจธรรม ความเข้าใจนั้นก็ดับไป

    ท่านอาจารย์ ทุกอย่าง

    ผู้ฟัง ไม่มีเสียเลย ดีหรือไม่ ปัญญา

    ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้นก็ลืมคิดว่า ถ้าไม่มีปัญญา แล้วมีอะไร

    อ.อรรณพ กว่าที่จะเริ่มเห็นอย่างนั้น ว่าไม่มีเสียเลยดีกว่า ความเข้าใจเป็นอย่างไรครับท่านอาจารย์ ถึงจะค่อยๆ เป็นเช่นนั้น

    ท่านอาจารย์ ปทปรมะ

    อ.อรรณพ ทีละบท บทแล้วบทเล่า

    ท่านอาจารย์ ใช่

    อ.อรรณพ จิตเกิดขึ้นต้องอาศัยอารมณ์ เป็นปัจจัยให้จิตเกิดขึ้น แล้วจะไม่มีเสียเลยดีกว่าอย่างไร

    ท่านอาจารย์ มีจิตรู้ มีอารมณ์ปรากฏให้รู้ แล้วก็ดับหมด ไม่มีเลยดีกว่าไหม ไม่ต้องมาเห็น ไม่ต้องมีสิ่งที่ปรากฏให้เห็น เพราะดับหมดแล้ว เหมือนเดิมที่ไม่มี

    อ.อรรณพ เพราะฉะนั้นจิต ไม่มีเสียเลย

    ท่านอาจารย์ ไม่มีเสียเลย หมดทุกอย่างดีไหม

    อ.อรรณพ แม้ความรู้สึกสุขสบาย

    ท่านอาจารย์ ทั้งหมด เพราะชั่วคราว หาอีกไม่ได้ ชั่วคราวสั้นมาก แล้วไม่เหลือเลย คนนี้ทั้งคนหมด ชาติหน้าไม่มีเหลือ เหลือแค่วันนี้ เดี๋ยวนี้ ต่อไป จนกว่าจะสิ้นสุดความเป็นบุคคลนี้ แล้วก็หาอีกไม่ได้เลย

    อ.อรรณพ ที่ท่านอาจารย์กล่าว ลึกซึ้งแล้วก็ยาวนานมาก ที่จะเป็นเช่นนั้น ก็คือไม่มีจิต เจตสิก รูปเสียเลยดีกว่า

    ท่านอาจารย์ ถ้าไม่เข้าใจอย่างนี้ ก็ไม่รู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทวนกระแสไหม ของความไม่รู้ และความติดข้อง จนกว่าจะสามารถดับได้

    อ.อรรณพ แต่ความยึดมั่น ถือมั่น ลึกมาก เพราะฉะนั้นความที่เราคิดว่า มีสิ่งนั้นอยู่จริงๆ แล้วจะบอก ไม่มีเสียเลยดีกว่า ยังจำว่ามีๆ ๆ และ มี

    ท่านอาจารย์ ยังอยู่ในกระเป๋า ใช่ไหม

    อ.อรรณพ อยู่ในกระเป๋าด้วย

    ท่านอาจารย์ ตายไปเดี๋ยวนี้อยู่ไหน ของใครๆ ตายไปเดี๋ยวนี้ของใคร คนที่ตายไปแล้ว ยังจะมีอะไรหรือ ไม่มีแม้ที่เคยเป็นเราทั้งตัว ตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า เป็นอีกไม่ได้เลย เป็นได้แค่ชาตินี้ แล้วยังไม่รู้ว่า อีกนานเท่าไร ก็จะสิ้นสุดความเป็นบุคคลนี้ ก็ไม่มีเรา แล้วจะมีของเราหรือ ทุกอย่างก็เกี่ยวข้องกันหมด สัมพันธ์กันหมด เพราะมีเราจึงมีสิ่งนั้นสิ่งนี้ แต่เมื่อไม่มีเรา แล้วจะมีอะไรที่เป็นของเรา เพียงแค่เกิดขึ้นรู้ และจำ และติดข้องไปเรื่อยๆ จนกว่าจะได้ฟังพระธรรม ก็เหมือนเดิมตอนไม่มี แต่ว่ามีโลภะกับความไม่รู้ ติดตามไป ฟังแต่ละคำแล้วก็เข้าใจขึ้น เมื่อสักครู่นี้ จากไม่มี แล้วมี แล้วไม่มี ไม่ต้องนานเลย เมื่อสักครู่นี้เอง และเดี๋ยวนี้ด้วย แล้วก็ต่อไปด้วย ถ้ารู้ความจริง เข้าใจว่ามีเรา แต่จริงๆ มีหรือเปล่า แค่นี้ จะรู้ความจริงหรือเปล่า เท่านั้นแหละ


    หมายเลข 10820
    11 พ.ค. 2567