รากเหง้าของพระศาสนา
พระวินัยเป็นรากเหง้าของพระพุทธศาสนา เพราะวินัยก็คือปัญญา ซึ่งเป็น สภาพธรรมที่เข้าใจถูกตามความเป็นจริง และนำไปในกิจละคลายขัดเกลา และดับกิเลสได้
อ.อรรณพ คำสอนทั้งหมดของผู้มีพระภาคเจ้า รวมลงในพระวินัยอย่างไร พระวินัยเป็นรากเหง้าของพระศาสนาอย่างไร
ท่านอาจารย์ ธรรมคือสิ่งที่มีจริง สิ่งที่มีจริงที่ไม่ดี มีไหม มี ใช้คำว่าอกุศลอะกุสะละ หรืออกุสลา ธัมมา กุสลา ธัมมา อกุสลา ธัมมา อัพยากตา ธัมมา แสดงว่าไม่มีอะไรนอกจากธรรม ที่จำแนกโดยประเภท แล้วแต่ว่าจะทรงแสดงโดยนัยอะไร เมื่ออกุศลธรรมมี ทุกคนเห็นว่าไม่ควรมีหรือเปล่า แต่ทำอย่างไรได้ ไม่มีปัญญา ก็ยังต้องมีอยู่ต่อไป ถ้าไม่มีปัญญา แล้วจะนำออกซึ่งอกุศลได้ไหม
ธรรมก็คือวินัย วินัยก็คือธรรม เพราะว่าเป็นเครื่องนำออก โดยปัญญา โดยความเห็นถูก โดยความเข้าใจถูก ใครคิดว่าจะหมดกิเลส โดยไม่เข้าใจพระธรรม เป็นไปได้ไหม
ผู้ฟัง ไม่ได้ครับ
ท่านอาจารย์ เป็นไปไม่ได้ เมื่อมีความเข้าใจพระธรรม เห็นโทษแล้ว ที่จะไม่ละอกุศล เป็นไปได้ไหม
ผู้ฟัง ไม่ได้
ท่านอาจารย์ ตามกำลังของปัญญา ไม่ใช่มีใครสามารถที่จะไปดับกิเลสได้ ปัญญาเท่านั้น ที่สามารถที่จะรู้ความจริง ปัญญาเป็นสภาพธรรมที่ตรง ต่อสิ่งที่มีจริง ถูกต้อง แต่ถ้าเข้าใจผิดเมื่อไร ไม่ใช่ธรรม แม้แต่เพียงขณะนี้ ที่เริ่มฟังธรรม รู้ประโยชน์จริงๆ ว่า ธรรมก็คือสิ่งที่มีจริง ซึ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ และทรงแสดง ถ้าไม่มีความเข้าใจอย่างนี้ ก็จะไม่สนใจในพระธรรมเลย แต่ถ้ารู้ว่า ขณะนี้มีสิ่งที่มี แต่ใครๆ ก็รู้ไม่ได้ นอกจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และก็เห็นโทษว่า จะไม่รู้อย่างนี้ไปเรื่อยๆ หรือ และเมื่อมีการรู้เหตุที่จะเข้าใจขึ้น โดยการฟังคำจริง จากผู้ที่ตรัสรู้ เมื่อเริ่มฟัง เริ่มเข้าใจ ไม่ใช่เรา แต่เป็นปัญญา ปัญญาก็เริ่มเห็นประโยชน์ ถ้าฟังต่อไปอีก เข้าใจเพิ่มขึ้นอีก ไม่ใช่เรา แต่ปัญญาก็จะทำกิจของปัญญานั่นแหละเพิ่มขึ้น จนกระทั่งสามารถที่จะดับกิเลสได้
ถ้าเข้าใจอย่างนี้ก็จะรู้ว่า ไม่มีเรา ที่จะไปบอกให้คนนั้นทำอย่างนี้ ให้ดูโน่น ให้ดูนี่ ให้นั่งอย่างนั้น ให้ทำอย่างนี้ ซึ่งไม่ใช่ความเข้าใจในพระไตรปิฎก ไม่มีข้อความอย่างนี้เลย ไม่ว่าใครไปเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงความจริง ซึ่งกำลังปรากฏกับคนนั้นตามความเป็นจริง เช่น ตรัสถามว่าจักขุวิญญาณคือเห็น เที่ยงไหม ยั่งยืนไหม ซึ่งขณะนั้นคนฟังมีปัญญา ก็รู้ว่าเห็นไม่ใช่ได้ยิน ไม่ใช่คิด ต้องเห็นเฉพาะสิ่งที่กำลังปรากฏ ขณะใดที่ได้ยิน ขณะนั้นไม่ใช่เห็น ก็สามารถที่จะทูลตอบว่า เห็นไม่เที่ยง พระเจ้าข้า แต่ไม่ใช่ไม่คิดอยู่ดีๆ ก็ตอบไปเลย
นี่ก็แสดงถึงลำดับขั้น ของความเข้าใจ ของคนฟัง ซึ่งมีหลายระดับมาก ระดับที่ฟังแล้วยังไม่เข้าใจ ฟังแล้วก็เข้าใจ จนกระทั่งถึงสามารถที่จะประจักษ์แจ้งความจริง คือการเกิดดับ ซึ่งพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ทรงประจักษ์แล้ว จึงทรงแสดงความจริง ซึ่งคนอื่นสามารถที่จะอบรม จนกระทั่งละคลายความไม่รู้ เพราะความไม่รู้ ประจักษ์การเกิดดับของสภาพธรรมเดี๋ยวนี้ไม่ได้ แต่ความรู้ต่างหาก ที่ค่อยๆ รู้ แล้วละความติดข้อง ถึงระดับที่สภาพธรรม ปรากฏตามความเป็นจริง เมื่อนั้น ผู้นั้นก็จะเข้าใจทุกคำ ที่ทรงแสดงว่า คำไหนก็ตามที่ได้ตรัสแล้ว เป็นคำจริงที่สามารถที่จะรู้ได้ ก็จะเห็นประโยชน์จริงๆ ความเข้าใจถูกเป็นวินัย และวินัยก็เป็นธรรม ไม่ใช่ว่า ไม่มีธรรม แล้วก็เป็นตัวตน ที่รักษาวินัย