เพื่อนแท้ที่หวังดี


    เพื่อนที่ดีคือผู้ที่ปรารถนาให้เราได้รับประโยชน์ โดยให้ความจริง ความตรง และความถูกต้อง ซึ่งเพื่อนแท้คนแรกก็คือ พ่อ แม่


    ท่านอาจารย์ ก่อนอื่นก็คงจะรู้จัก คำว่าเพื่อนกันมาแล้ว เพื่อนคือผู้ที่เราเรียกว่าคนนั้นเป็นเพื่อนเรา คนนี้เป็นเพื่อนเรา แต่ก็มีทั้งเพื่อนแท้ และเพื่อนเทียม จะรู้ได้อย่างไร ว่าใครเป็นเพื่อนที่แท้จริง หรือว่าเรานั้นแหละเป็นเพื่อนของใครที่แท้จริง ก็คือการที่จะรู้ว่า ผู้ที่เป็นเพื่อน มีความหวังดีต่อกัน จะไม่มีการทำร้ายจะไม่มีการเบียดเบียน หรือแม้แต่คิดร้าย หรือโกรธ ละเอียดไหม สิ่งที่มีจริงละเอียดมาก แต่ว่ากว่าเราจะเข้าใจความจริงได้ ก็ต้องฟัง และก็พิจารณา ซึ่งจะเป็นความรู้ ความเข้าใจของตัวเอง ไม่ต้องอาศัยว่า เขาบอกว่า หรือว่าเขาให้เราทำอย่างนี้ เขาให้เราทำอย่างนั้น ซึ่งความจริงเราทำเพราะอะไร เพราะเขาบอก หรือว่าเราได้พิจารณา และก็เป็นความรู้ ความเข้าใจของเราเอง เพื่อนที่แท้จริงมีความเป็นมิตร พบกันที่ไหนอีก ก็จะเป็นมิตรอีกต่อไป ไม่ใช่เพียงแต่เห็นหน้ากันวันนี้ แล้วก็พบกันวันนี้ และวันอื่นก็ไม่ใช่เพื่อนแล้ว แต่ว่าผู้ที่เป็นเพื่อนจริงๆ ก็เป็นผู้ที่เห็นประโยชน์ของเพื่อนด้วย

    คำว่าเพื่อนทุกคนอยากมีเพื่อน เกิดมาแล้วไม่ได้อยู่คนเดียว แต่ว่ามีผู้ที่อยู่ร่วมกัน แล้วจะอยู่ร่วมกันอย่างไร เรายังไม่ต้องคิดถึงคนอื่น เพราะว่าเราเปลี่ยนคนอื่นไม่ได้ แต่ว่าเราได้ฟังคำจริง คนที่ให้คำจริงเป็นเพื่อนแน่ ถ้าคนที่พูดไม่จริง ไม่ใช่เพื่อนแน่นอน สิ่งที่ทุกคนต้องการจากเพื่อน หรือผู้ที่หวังดี คือคำจริง ซึ่งเป็นประโยชน์ด้วย เมื่อเป็นเพื่อนกันแล้ว ก็คิดถึงสิ่งที่จะได้ฟังต่อไป ว่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่ มากล่าวว่าเป็นเพื่อนหรือเปล่า เพราะว่าเพื่อน ต้องให้สิ่งที่เป็นความจริง แต่ว่าความจริงคืออะไร ต้องเป็นความตรง และความถูกต้อง ความจริงมี ๒ อย่าง ความจริงที่ผิด ความจริงที่ถูก ความจริงที่ดีความจริงที่ชั่ว และสิ่งที่ดีก็มี เปลี่ยนสิ่งที่ดี ให้เป็นสิ่งที่ไม่ดี ไม่ได้ เปลี่ยนสิ่งที่ไม่ดี ให้เป็นสิ่งที่ดี ไม่ได้ แต่สามารถจะเป็นผู้ตรง ที่จะรู้ว่าอะไรดี สิ่งที่ดีเป็นประโยชน์ เพื่อนหรือใครก็ตาม ที่หวังดี หรือแม้แต่ตัวเรา ซึ่งจะเป็นประโยชน์ เป็นเพื่อนใครก็ต้อง ให้สิ่งที่เป็นประโยชน์กับบุคคลนั้นด้วย

    เกิดมานี่ไม่ได้เกิดมาคนเดียว พอเริ่มเกิด เพื่อนคนแรก เพื่อนหมายความว่าผู้หวังดีคือมารดาบิดา เริ่มมีผู้ที่เลี้ยงดู ถ้าบิดามารดาไม่เลี้ยงดู เราไม่สามารถที่จะมีชีวิตต่อไปได้ ที่เติบโตจนถึงวันนี้ เคยคิดถึงคุณความดีของผู้ที่เป็นมิตรแท้ หวังดีตลอดชีวิต ไม่ว่าจะเกิดจนตาย ยามเจ็บป่วย ยามทุกข์โศกหรือว่ายามที่สบายดี ผู้ที่เป็นเพื่อนแท้ที่หวังดีตลอด ก็คือพ่อแม่ แน่นอน จะไม่มีการที่หวังร้ายเลย แล้วเราเป็นเพื่อน หรือหวังดี ต่อพ่อแม่ หรือคนอื่นบ้างหรือเปล่า เป็นสิ่งซึ่งแต่ละคน ก็จะต้องค่อยๆ พิจารณาว่า ประโยชน์ที่อยู่ในโลกนี้ ที่จะมีประโยชน์ต่อไป ที่จะมีความไม่เดือดร้อน ก็ต้องเป็นผู้ที่ตรงต่อความจริง เมื่อเป็นผู้ที่ตรงต่อความจริง ก็เริ่มพิจารณา สิ่งใดถูก สิ่งใดผิด สิ่งใดควร สิ่งใดไม่ควร สิ่งใดเป็นประโยชน์ สิ่งใดไม่เป็นประโยชน์ พอจะรู้ได้ไหม หรือต้องเขาบอก ถ้าเขาบอกไม่ใช่ความเข้าใจของเราเอง

    ต่อไปนี้เริ่มรู้ว่า พึ่งใครได้หรือไม่ ตั้งแต่เกิดจนตาย ตอนเกิดพึ่งพ่อแม่ แต่พ่อแม่ก็อยู่กับเรา ไม่ได้ตลอดไป ถ้าจะพึ่งเพื่อน ซึ่งสนิทสนมคุ้นเคย เพื่อนจากไปก็ได้ ไม่ว่าจะจากไปสู่ที่ใกล้ หรือที่ไกล ก็จากไปได้ ที่พึ่งจริงๆ ก็คือว่าเราเอง ซึ่งเป็นผู้ที่จะสุขหรือจะทุกข์ คนอื่นร่วมสุข ร่วมทุกข์กับเราไม่ได้ เขาอาจจะบอกว่า เขาร่วมสุขสนุกสนานด้วยกัน เขาร่วมทุกข์ ทุกข์ด้วยกัน แต่ความรู้สึกของคนแต่ละหนึ่ง ร่วมกันไม่ได้เลย คนหนึ่งกำลังเจ็บปวด คนอื่นขอปวดแทนได้ไหม พ่อแม่ที่รักลูกมาก ก็อยากจะเจ็บป่วยแทนลูก ลูกร้องไห้ เป็นทุกข์ พ่อแม่ก็ร้องไห้ไปด้วย แต่ว่าแลกกันไม่ได้ เปลี่ยนกันไม่ได้ ใครกำลังทุกข์โศก คนนั้นก็ทุกข์โศก คนอื่นจะร่วมทุกข์โศก เขาก็ร่วมร้องไห้ไปด้วย แต่ขณะที่คนหนึ่งกำลังร้องไห้ คนนั้นต้องเป็นคนที่เฉพาะคนเดียว แต่ละหนึ่งๆ ๆ ทุกคนเกิดมาแล้วหลากหลายมากเลย แต่ละหนึ่ง มีใครเหมือนใครบ้างไหม ลองคิดดู มีเพื่อนกี่คน มีพี่น้องกี่คน เหมือนกันบ้างไหม มีพี่ไหม มีน้องไหม

    ผู้ฟัง ไม่มีครับ

    ท่านอาจารย์ ไม่มี มีแต่พี่ ใช่ไหม

    ผู้ฟัง ใช่ครับ

    ท่านอาจารย์ เหมือนกันไหม พี่กับน้อง พี่กับเราเอง เหมือนกันไหม

    ผู้ฟัง ไม่เหมือนกัน

    ท่านอาจารย์ ต่างกันอย่างไร พอบอกได้ ใช่ไหม แม้แต่ครอบครัวแต่ละครอบครัว ก็ต่างกันหลากหลายมาก เลือกได้ไหม ต้องคิด จะได้รู้ว่าแต่ละหนึ่งเป็นไปตามการสะสม อยากจะคิดอย่างคนนั้น เขาเก่ง เรียนก็เก่ง อะไรก็เก่ง แต่เราอาจจะไม่เก่ง แต่ว่าเรามีอย่างอื่นที่ดีกว่าก็ได้ คือเป็นผู้ที่พูดความจริง แล้วก็เป็นผู้ที่ตรง แล้วก็รู้ว่าอะไรถูก อะไรผิด การเข้าใจถูกต้องอย่างนี้ ก็จะทำให้สามารถแก้ไขได้ และก็ทำสิ่งที่ถูกต้อง ซึ่งคนอื่นจะบังคับไม่ได้เลย แต่ละคนเป็นแต่ละหนึ่ง

    ครูในชั้นก็มีนักเรียนมากมาย นิสัยต่างๆ กัน แล้วสมัยโน้นที่เรียนหนังสือ ก็มีสมุดพกประจำตัว คุณครูก็จะรายงานผู้ปกครองว่า เด็กคนนี้เป็นอย่างไร เท่าที่ครูสามารถที่จะรู้ได้ แต่ แต่ละคนรู้ยิ่งกว่าครู ยิ่งกว่าใคร คือรู้จักตัวเองทุกขณะ ทุกวัน กำลังคิดเดี๋ยวนี้ คิดอะไร คนอื่นรู้ได้ไหม รู้ได้เฉพาะตัว ถูกต้องไหม ถ้าไม่บอกใคร เขาก็ไม่รู้ว่าใครกำลังคิดอะไร คิดดีหรือคิดไม่ดีอย่างไร กำลังได้ฟังสิ่งซึ่ง เคยฟังมาก่อนหรือเปล่า คือเรื่องของความจริง ความตรง และความถูกต้อง

    ถ้าพูดบอกว่าผู้ที่สมควร ที่จะเป็นผู้ต้องหาข้างนอก ที่ยังไม่เป็นผู้ต้องหา มีอีกเยอะ จริงหรือเปล่า จริง ถูกต้องไหม ถูกต้อง เพราะเป็นอย่างนี้ ผู้ที่ยังไม่ได้รับการที่จะเป็นผู้ต้องหา แต่ความจริง ทำผิด สมควรอย่างยิ่งที่จะเป็นผู้ต้องหา ไม่มีโอกาสจะได้ฟังธรรม หรือสิ่งที่เป็นประโยชน์ จากผู้ที่เป็นเพื่อน ให้แต่สิ่งที่ดี


    หมายเลข 10828
    7 พ.ค. 2567