ศากยบุตร


    พระผู้มีพระภาคทรงเรียกภิกษุในพระธรรมวินัยว่าเป็นบุตรของพระองค์ หรือเกิดจากพระอุระคือจากปัญญาของพระองค์ ดังนั้นผู้ที่จะบวชเป็น บรรพชิต ต้องน้อมประพฤติตามพระธรรมวินัย ที่พระผู้มีพระภาคทรง บัญญัติ เช่น การไม่รับทรัพย์สินเงินทองโดยประการทั้งปวง


    อ.อรรณพ ผู้ที่ปฏิญาณตนว่าเป็นบรรพชิต จะต้องมีความตรงยิ่งกว่าคฤหัสถ์อย่างไร

    ท่านอาจารย์ ก็ต้องประพฤติตามพระวินัย และก็ศึกษาพระธรรมให้เข้าใจ ไม่ตรงต่อที่ว่า บวชทำไม

    อ.อรรณพ คฤหัสถ์หรือบรรพชิตก็ตาม ตราบใดที่ยังมีกิเลส โลภะก็เกิดได้ แต่ความตรงของผู้ที่ยังมีโลภะด้วยกัน แต่ต่างเพศกัน

    ท่านอาจารย์ ก็ไม่ได้บวช แต่ต้องรู้ว่าบวชคืออะไร แล้วก็ต้องตรงต่อความประสงค์ด้วย ที่จะขัดเกลากิเลส ในเพศบรรพชิต ซึ่งจะต้องประพฤติตามพระวินัยบัญญัติ ซึ่งถ้าไม่ประพฤติตามพระวินัย ไม่ใช่พระภิกษุแน่นอน ก็ต้องเป็นคฤหัสถ์ เพราะฉะนั้นความต่างของคฤหัสถ์กับบรรพชิตก็คือ พระวินัย เพราะว่าคฤหัสถ์ก็ศึกษาธรรมได้ บรรพชิตก็ศึกษาธรรมได้

    เพราะฉะนั้นถ้าจะศึกษาธรรมในเพศภิกษุ ก็ต้องประพฤติปฏิบัติตามพระวินัย ไม่มีข้อยกเว้นใดๆ ไม่ว่าจะเป็นกาลสมัยไหน เพราะว่าพระผู้มีพระภาคเป็นผู้ที่ทรงบัญญัติ สิ่งที่ควรแก่พระภิกษุ เป็นพระภิกษุเพื่ออะไร อยู่ดีๆ เป็นคฤหัสถ์ แล้วก็จะไปเป็นพระภิกษุ คิดอย่างไร เพื่ออะไร ผู้ที่ตรงก็คือ ผู้ที่จะประพฤติตามพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นศากยบุตร เพราะเหตุว่าพระพุทธเจ้าเป็นผู้ที่ทรงสงบ จากการที่ได้ทรงตรัสรู้ แล้วก็มีชีวิตที่เป็นเพศบรรพชิตตลอด จนกระทั่งทุกอย่าง ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในยุคไหน สมัยไหน ใช่ไหม ความเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะกลับเป็นผู้ที่มีกิเลสอีกไม่ได้เลย

    เพราะฉะนั้นผู้ที่จะบวชก็คือว่า ผู้ที่เห็นพฤติการณ์ พฤติกรรม การกระทำ ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งในเรื่องของธรรม ในเรื่องของพระวินัยด้วย เพราะฉะนั้นผู้นั้นก็จะประพฤติปฏิบัติตามพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ใช่หรือไม่ จึงบวช ไม่ใช่ประพฤติอย่างเดิมคือคฤหัสถ์ เพราะฉะนั้นเมื่อจะประพฤติปฏิบัติตามพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เท่าที่จะทำได้ ในเมื่อยังไม่ได้รู้แจ้งอริยสัจจธรรม ก็รู้ว่าการที่จะสามารถรู้ธรรมได้ ก็คือว่า ไม่ใช่เพียงศึกษาธรรม แล้วไม่รู้ว่าจะประพฤติอย่างไร ทางกาย ทางวาจา

    เพราะเหตุว่าเมื่อเข้าใจความเป็นภิกษุแล้ว ก็รู้ด้วย ว่าภิกษุต้องประพฤติปฏิบัติอย่างไรตามพระวินัยทั้งหมด มิฉะนั้นก็ไม่ใช่บรรพชิต ไม่ใช่พระภิกษุ เพราะฉะนั้นเมื่อต้องการจะประพฤติปฏิบัติ ตามพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระสัมมาสัมพุทธเจ้า รับเงินทองหรือเปล่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีที่ดิน ไร่นา หรือเปล่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีปราสาท ราชวัง หรือมีอะไรก็แล้วแต่ อย่างเดิม เหมือนสมัยก่อนที่จะตรัสรู้ไหม

    เพราะฉะนั้นการศึกษาธรรมต้องเป็นผู้ตรง เห็นคฤหัสถ์กับบรรพชิตก็รู้แล้วว่า ต้องต่าง ไม่ต่างจะเป็นคฤหัสถ์หรือบรรพชิตอย่างไร คฤหัสถ์ก็มีชีวิตของคฤหัสถ์เหมือนเดิม แต่เมื่อเป็นบรรพชิต เป็นพระภิกษุแล้ว ต้องต่างจากคฤหัสถ์ ถ้าไม่ต่างก็ไม่ใช่ภิกษุ ก็รู้ว่าบุคคลนั้นไม่ใช่ภิกษุในพระธรรมวินัย ถ้าความประพฤติที่ล่วง เป็นทางกาย ทางวาจา ที่ไม่เหมาะสม สำนึกหรือเปล่า ปลงอาบัติหรือยัง เมื่อปลงอาบัติแล้ว ยังทำต่อไปอีกหรือเปล่า นี่คือสิ่งที่พระผู้มีพระภาค ได้ทรงบัญญัติไว้ เพื่ออนุเคราะห์ ให้ภิกษุอยู่ร่วมกัน ด้วยความผาสุก

    เพราะฉะนั้นผู้ที่เป็นภิกษุเอง ต้องตระหนักในกาย วาจา ซึ่งจะเป็นเหมือนอย่างคฤหัสถ์ไม่ได้ แล้วถ้าได้ล่วงไปแล้ว เพราะเหตุว่า ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา เมื่อยังมีอกุศลอยู่ ความประพฤติทางกาย หรือทางวาจา เป็นอกุศลก็มี แต่ต้องสำนึกในความเป็นภิกษุ ต้องปลงอาบัติ ถ้าตราบใดที่ไม่ปลงอาบัติ ก็ชื่อว่าไม่เคารพในพระธรรมวินัย ในพระบรมศาสดา แล้วบวชทำไม เมื่อบวชแล้วก็ต้องเป็นผู้ตรง ที่ต้องประพฤติตามพระวินัย แล้วก็ต้องศึกษาพระธรรมด้วย เพราะเหตุว่าถ้าไม่เข้าใจธรรมก็ไม่สามารถที่จะประพฤติปฏิบัติตามพระวินัยได้ครบถ้วน

    อ.คำปั่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามหนึ่งของพระองค์ก็คือ กล่าวตามภาษาบาลีก็คือ ศักกะ ภาษาไทยก็เป็นศากยบ้าง ศักยะบ้าง เป็นผู้ที่สงบจากกิเลส เป็นผู้ที่อาจหาญ เป็นผู้ที่องอาจ เป็นผู้ที่แกล้วกล้า เพราะว่าพระองค์ทรงดับกิเลสทั้งหลายทั้งปวงได้หมดสิ้นแล้ว นี่คือความหมายหนึ่ง อีกความหมายหนึ่ง ก็คือพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์เสด็จออกผนวชจากศากยตระกูล จึงได้พระนามว่าศากย พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเป็นผู้มีทรัพย์มาก หมายถึงรัตนที่ประเสริฐก็คือ ตั้งแต่ความดีทั้งหมดเลย คำว่าศากยบุตรนี้ก็มีความหมายที่ละเอียดมาก ก็คือผู้นั้นต้องเป็นผู้ที่คล้อยตาม แล้วก็น้อมประพฤติตามพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

    ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้นอุบาสก อุบาสิกา เห็นพระภิกษุ ก็เหมือนกับเป็นบุตรของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า บุตรในที่นี้หมายความถึง ผู้ที่มีความประพฤติด้วยความสงบ ตามพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะฉะนั้นถ้าไม่เป็นอย่างนั้น ก็ไม่ใช่บุตรของสัมมาสัมพุทธเจ้า เดี๋ยวนี้ สมัยนี้ ยุคนี้ เห็นบุตรของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบ้างไหม ในขณะที่ประพฤติปฏิบัติตามพระวินัย และในขณะที่ศึกษาเข้าใจพระธรรม ผู้นั้นจึงจะเป็นบุตรของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า บางแห่งจะใช้คำว่าเกิดจากพระอุระ หมายความถึงปัญญา ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะว่าถ้าไม่ทรงตรัสรู้ เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว จะไม่มีภิกษุผู้ซึ่งประพฤติปฏิบัติตาม เพราะฉะนั้นจากปัญญาที่ได้ทรงตรัสรู้ ทรงแสดงธรรม จนกระทั่งมีผู้ที่รู้จักตนเอง ว่าจะขัดเกลากิเลสในเพศบรรพชิต เพราะฉะนั้นผู้นั้นเมื่อบวชแล้ว เป็นพระภิกษุแล้ว ก็เป็นบุตรที่เกิดจากพระอุระ จากปัญญาซึ่งจะต้องประพฤติปฏิบัติตามธรรมวินัย


    หมายเลข 10831
    5 พ.ค. 2567