สงสารแบบไหน
เมื่อเห็นผู้ที่ได้รับความทุกข์ จะสงสารแบบเป็นอกุศลคือมึความทุกข์ใจ ไปด้วย หรือสงสารแบบกุศลคือมีความเห็นใจใคร่ที่จะช่วยเหลือ ด้วยความเห็นถูกต้องตามความจริง
ท่านอาจารย์ ต้องรู้ความต่างของสงสารกับเมตตา และกรุณา สงสารดีไหม ต้องคิดละเอียด สงสารไม่ใช่เรา ไม่ใช่เขาเลย ซึ่งคนเข้าใจว่าสงสารดี เพราะว่าเห็นคนเขาลำบาก ป่วยไข้ ก็สงสารคิดว่าดี แต่สภาพของธรรมละเอียดมาก เพราะเหตุว่าขณะที่ สงสารคืออะไร ไม่ใช่สงสารเขา แล้วเราก็ร้องไห้เป็นทุกข์ เพราะเราสงสาร นั่นไม่ใช่สงสาร เพราะฉะนั้นธรรมละเอียดมาก
สงสารคือสภาพที่เข้าใจ และเห็นใจ ในความทุกข์ของคนอื่น บางคนเห็นคนป่วยก็เฉย ไม่เข้าใจ และเห็นใจ ในความทุกข์ของเขา แต่ความเข้าใจ และเห็นใจ ก็ต่างกับการที่เรารู้สึกเป็นทุกข์ เพราะขณะนั้นเป็นความเข้าใจ ในความทุกข์ของคนอื่น และเห็นใจในความทุกข์ของเขา จึงคิดที่จะช่วย ด้วยความหวังดี เมตตา ใช้คำว่ากรุณา สำหรับคนที่กำลังมีความทุกข์ และเราสามารถจะช่วยได้ แต่ถ้าเกิดร้องไห้ เสียใจเมื่อไร นั่นไม่ใช่สงสาร นั่นเป็นสงสารในภาษาไทย เขาสงสารแล้วก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นไป เพราะสงสาร นั่นไม่ใช่
สงสารขณะที่กำลังเข้าใจ และเห็นใจ ในความป่วยไข้ ในความทุกข์ เดือดร้อนของคนอื่น ขณะนั้นใจของเราไม่ได้พลอยเป็นทุกข์ไปด้วย เพราะกำลังเข้าใจในความทุกข์ เข้าใจจริงๆ ว่ามันเป็นสิ่ง ซึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้ ใครทำกรรมใดมา ก็ได้รับผลของกรรมนั้น ถึงเวลานี้กรรมนั้นที่จะให้ผล แม่ก็ช่วยลูกไม่ได้ ลูกก็ช่วยแม่ไม่ได้ ลูกเจ็บแม่ขอเจ็บแทนไม่ได้ แม่เจ็บลูกขอเจ็บแทนไม่ได้ ปัญญาเกิดแล้ว ใครก็ช่วยใครไม่ได้ เพราะเหตุว่าแล้วแต่เหตุปัจจัย ทำกรรมใดมา ก็ต้องได้รับผลของกรรมนั้น แต่ว่าเข้าใจ และเห็นใจ แล้วทำสิ่งที่ดีที่สุดกับคนนั้น ด้วยความเข้าใจ และเห็นใจ แทนที่จะเพิกเฉย ละเลย ไม่เข้าใจในความเป็นกรรม และผลของกรรม เพราะความเห็นถูก เข้าใจถูก กรรมที่ได้ทำแล้วก็แล้วไป แต่ผลของกรรมปรากฏให้เห็น ที่จะทำให้เราเกิดความเข้าใจในกรรมด้วย ว่าเพราะกรรม และขณะนั้นก็มีความเข้าใจ และเห็นใจ
ถ้าสมมุติว่าคนอื่น ใครก็ตามแต่ จะเป็นคนร้าย คนชั่วสักเท่าไรก็ตาม เข้าใจ และเห็นใจไหม ว่าไม่ใช่เขา แต่สะสมมาที่จะเป็นอย่างนั้น หลีกเลี่ยง เปลี่ยนแปลงอย่างไรได้ สะสมความเห็นแก่ตัว การเบียดเบียนมาสารพัด จนกระทั่งเขาเป็นอย่างนั้น โดยเขาไม่รู้เลย ว่าผลคืออะไร เพราะเขาไม่รู้ แต่ถ้าทุกคนรู้ว่าผลคืออะไร จะมีการทำอย่างนั้นหรือไม่ ก็ไม่ทำ เพราะผลของอกุศลต้องเป็นอกุศล ที่ร้ายแรงมาก ตกนรกบ้าง เป็นเปรตบ้าง เป็นอสูรกายบ้าง เป็นเดรัจฉานบ้าง เพราะกรรมที่เกิดจากอกุศล
ต้องมีความเข้าใจจริงๆ ขณะใดเป็นกุศล ขณะใดเป็นอกุศล เราสามารถที่จะเข้าใจได้ว่า ขณะใดก็ตามที่เข้าใจ และเห็นใจ ขณะนั้นเราไม่ได้ร้องไห้ เพราะเป็นปัญญาที่เข้าใจในเรื่องเหตุ และผลด้วย ในเรื่องกรรม และผลของกรรมด้วย ไม่มีใครเลยนอกจากขณะนั้นเป็นธรรม มีแม่มากี่คนแล้วในสังสารวัฏฏ์ มีลูกมากี่คนแล้วในสังสารวัฏฏ์ ร้องไห้เพราะแม่ เพราะลูกมากี่คนแล้ว ยังปู่ย่า ตายาย ลูกหลานเหลนอีก ไม่ใช่แต่เฉพาะพ่อแม่ น้ำตาในสังสารวัฏฏ์ ยิ่งกว่าน้ำในมหาสมุทร แสดงว่าสังสารวัฏฏ์ยาวนานแค่ไหน และจะเป็นอย่างนี้อีกต่อไปข้างหน้าเท่านั้น หรือยิ่งกว่านั้นเลย ไม่มีใครหยุดการเกิดดับของสภาพธรรมได้ เพราะเป็นธรรม นอกจากความเข้าใจที่จะค่อยๆ เกิดขึ้น
ทางที่ดีที่สุดก็คือว่า มีความกตัญญูรู้คุณ ต่อคนที่ในชาตินี้เป็นแม่เรา เป็นพ่อเรา เป็นบุพการี หรือแม้มิตรสหายที่ทำดีต่อเรา เราก็รู้ในคุณความดีนั้นได้ ผู้ที่รู้คุณของความดี มีหรือที่จะไม่ทำดี แต่ใครก็ตามที่ไม่รู้คุณของความดี คนนั้นจะไม่ทำดี แต่คนที่ทำดีเพราะเห็นว่าการทำดีเป็นประโยชน์ เป็นสิ่งที่ทำได้ยาก แต่ยังทำได้ เขาทำดีบ้าง เราทำดีบ้าง ทั้งหมดก็เป็นสิ่งที่ดี ที่เห็นประโยชน์จริงๆ ว่าไม่ทำชั่ว เพราะเหตุว่าถ้าทำชั่วเมื่อไร ผลของความชั่วก็เป็นอย่างที่เห็นๆ นี่แหละ ส่วนผลของความดีก็อย่างที่เห็นๆ นี่แหละ แต่ว่าเราจะเป็นอย่างนั้นหรือไม่ ถ้ามีปัญญาไม่พอ ก็ไม่เห็นอย่างนั้น ถ้าปัญญาไม่พอ ก็ร้องไห้ แต่ถ้าปัญญาพอ ขณะนั้นเป็นธรรม ซึ่งเป็นธรรมดา ร้องไห้ก็ไม่นาน ชั่วขณะที่เกิดความรู้สึกเสียใจ โทมนัสเวทนา ในภาษาบาลี ก็ทำให้มีกิริยาอาการของสภาพธรรมนั้น บังคับบัญชาไม่ได้ แต่พอปัญญาเกิด อกุศลใช่ไหม ขณะที่ร้องไห้
เริ่มรู้ว่าไม่มีประโยชน์ที่จะร้องไห้ การร้องไห้ไม่นำมาซึ่งประโยชน์ใดๆ เลยทั้งสิ้น ความเสียใจก็ไม่นำมาซึ่งประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น ความเห็นถูก ความเข้าใจถูก นำมาซึ่งสิ่งที่ดีทั้งหมด แทนที่จะร้องไห้ เสียใจ เห็นใจได้ เข้าใจได้ ทำดีที่สุดได้ แต่ไม่ทุกข์โทมนัส เพราะเหตุว่าขณะนั้นเป็นอกุศล ปัญญานำไปในกิจทั้งปวง ถ้าไม่ใช่ปัญญาก็อีกเรื่องหนึ่งละ ยึดถือ แต่ว่าคุณแม่ชาตินี้ เป็นแม่ของเราชาติไหนมาก่อนหรือเปล่า หรือคนที่นั่งอยู่ที่นี่ด้วยกัน เคยเป็นพ่อเป็นแม่เรามาหรือเปล่า ใครจะรู้ แต่พอถึงชาตินี้ เขาทุกข์ยากก็ไม่เห็นเราเดือดร้อน แต่ถ้าลองเขาเป็นแม่เราชาติก่อน ลูกชาติก่อนต้องทุกข์ ใช่ไหม แต่ลูกชาตินี้ไม่ทุกข์เพราะจำไม่ได้ ว่าเดี๋ยวนี้ใครเป็นพ่อแม่ พี่น้อง กันบ้าง ก็เป็นแค่หนึ่งชาติ จะเกิดเป็นอะไรก็เฉพาะชาตินั้นจริงๆ ชาติก่อนไม่รู้ ชาติหน้าต่อไปไม่รู้ แต่ว่ารู้ได้ว่ามีแม่มาแล้วกี่คน มีพ่อมาแล้วกี่คน มีพี่น้อง เพื่อนฝูงมาแล้วกี่คน ทั้งหมดที่พบกัน เคยเป็นพ่อ เป็นแม่ เป็นพี่ เป็นน้องกันก็ได้ แต่ว่าชาตินี้ไม่เห็นจะรู้สึกว่าเป็นลูก ที่จะต้องมาทำอะไรกับพ่อแม่คนนี้ในชาติก่อน เมื่อพันปีก่อน แต่ขณะนี้มีแม่หรือพ่อ ซึ่งจะต้องรู้คุณความดีที่ทำด้วย ที่ได้ทำให้แก่เรา
ก็ตอบแทนคุณด้วยความไม่เศร้าหมอง พ่อแม่ไม่อยากให้ลูกร้องไห้ ตั้งแต่เราเกิดมา พ่อแม่ก็ไม่อยากให้เราเป็นทุกข์ แล้วเราจะมาเป็นทุกข์ให้พ่อแม่เห็นหรือ ทางที่ดีที่สุดคือว่า มีความเข้าใจธรรม ก็คือว่าทำดีที่สุด โดยรู้ว่าขณะไหนเป็นอกุศล ปัญญาเกิดก็ไม่เป็นอกุศล แต่ถ้าปัญญาไม่เกิดก็ร้องไห้ไป แต่ถ้าเป็นธรรมดา ร้องไห้ห้ามไม่ได้ เกิดแล้วหมดไป ชั่วคราว ทุกอย่างชั่วคราว อยู่ในโลกนี้ชั่วคราว แต่ละขณะก็ชั่วคราว ทำดี ดีที่สุด แต่ไม่ต้องเป็นทุกข์ ไม่ต้องโทมนัส เสียใจ ถ้าเป็นได้จากเสียใจมากๆ ก็จะเหลือเพียงไม่มากเท่าไร เพราะเข้าใจถูกต้องว่า การร้องไห้ การโศกเศร้า ไม่มีประโยชน์