รักษาพระศาสนา


    จะรักษาพระพุทธศาสนา โดยไม่ศึกษาให้เข้าใจพระธรรมได้หรือไม่


    ท่านอาจารย์ คือทั้งหมดที่ทรงแสดง ๔๕ พรรษา เพื่อให้จิต ซึ่งหนาแน่นด้วยความไม่รู้มากมาย เน่าเหม็นด้วยอกุศลทั้งหลาย ค่อยๆ เข้าใจขึ้น เพราะไม่มีหนทางอื่นเลย ที่จะรักษาแผล จิต ด้วยกันเข้าใจธรรมอย่างเดียว วิธีอื่นไม่ใช่ จะเป็นนั่ง ไปนอน ไปยืน ไปเดินที่ไหน เดินอย่างไร นั่งอย่างไร ๑๐ วัน ๑๕ วัน ไม่ใช่หนทางที่จะรักษาจิต เราจะเข้าใจอย่างนี้ ได้อย่างไร ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรม แล้วจะละการยึดถือสภาพธรรม ว่าเป็นตัวตน ที่ยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นเรา เป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด นานแสนนาน แสนโกฏกัปป์ โดยการที่ไปทำให้ ไม่รู้สิ่งที่กำลังมี เป็นการทำลายคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

    อ.อรรณพ ซึ่งด้วยความไม่รู้ อย่างเช่น พยายามที่จะทำให้เกิดทุกข์กาย ไปนั่งให้เมื่อย ก็ทนไป แล้วก็จะรู้ทุกข์จากทุกข์

    ท่านอาจารย์ คำว่าอนัตตาไม่มีเลย คำว่าธรรมไม่มีเลย คำว่ารูปธรรมนามธรรมไม่มีเลย เพราะฉะนั้นไม่ใช่คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กว่าจะเข้าใจธรรมที่กำลังปรากฏ โดยที่เป็นนามธรรม ไม่ใช่รูปธรรม ก็แสนยาก เพียงขั้นฟังแล้ว ฟังอีก ยังไม่ได้ประจักษ์การเกิดดับของสภาพธรรมเลย แล้วจะไปทำอะไรที่จะให้รู้อย่างนี้ เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลย

    ถ้าไม่ใช่คำที่กล่าวถึง สิ่งที่มีจริงๆ เดี๋ยวนี้ ให้ค่อยๆ เข้าใจถูกต้องตามลำดับ แล้วฟังคำของคนอื่นทำไม ในเมื่อกล่าวว่านับถือพระพุทธศาสนา ถ้านับถือพระพุทธศาสนาต้องรู้ว่า พุทธศาสนาคืออะไร ถ้าไม่รู้แล้วนับถือได้อย่างไร ก็คือไม่รู้ทั้งหมด ซึ่งพระธรรมคำสอนของสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกคำ เพื่อเข้าใจถูก เพื่อเห็นถูก ไม่มีซักคำเดียว ที่จะให้เพื่อไม่รู้ แล้วทำ ไม่มีใครที่ไปเฝ้า และพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้ไปนั่ง ๑๕ วัน หรือว่าให้ไปเดินอย่างนั้น อย่างนี้ ไม่มีในพระไตรปิฎก

    แล้วทำไมเราก็พูดถึงเรื่องสำนักปฏิบัติ และความเข้าใจผิด เพื่อดำรงรักษาพระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะมิฉะนั้นความไม่รู้ ทำให้เกิดความเข้าใจผิด แล้วจะรู้ได้อย่างไร ในเมื่อคำของคนอื่น ไม่ใช่คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ตรัสถึงสิ่งที่มีจริงๆ ให้ค่อยๆ เข้าใจถูกต้อง ว่านี่แหล่ะเป็นสิ่งที่พระองค์ทรงตรัสรู้ ไม่ใช่ไปคิดใคร่ครวญ หรือว่าไปฟังคำของคนอื่น และกว่าจะรู้ได้ นานแสนนาน บำเพ็ญพระบารมี ซึ่งใครก็กระทำอย่างพระองค์ไม่ได้ จนกระทั่งถึงความเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วก็มีคำของคนอื่นมาลบเลือนคำของพระองค์หมด ไม่เหลือเลย แล้วคนที่ได้เข้าใจธรรมแล้ว จะไม่มีความเมตตาคนอื่น ที่ฟังคำของคนอื่น ให้กลับมาฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหรือ ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง เพราะมิฉะนั้นบางคนก็ไม่เห็นประโยชน์ว่า ทำไมต้องเข้าใจพระพุทธศาสนา

    บางคนก็กล่าวว่า ไม่ต้องฟังก็ได้ นี่คือผู้ที่ลบล้างคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหมด แล้วก็ทำลายประโยชน์ยิ่งใหญ่ แม้แต่ว่าทำไมก็ผู้มีพระภาค จึงทรงพระบารมี ที่จะรู้ความจริงของสภาพธรรม ให้คนอื่นได้รู้ด้วย ก็ไม่รู้ดำรงรักษาคำสอน ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้คงไว้ เพื่อประโยชน์กับคนต่อๆ ไปซึ่งได้สะสมบุญไว้ แต่ปางก่อน เขาไม่เห็นประโยชน์เลยบางคน ทำไมต้องเข้าใจ ทำไมต้องเรียน ทำไมต้องฟัง พระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีคุณหรือเปล่า แค่นี้ ตอบมาสิ ทุกคนต้องเป็นคนตรง การที่จะได้สาระจากพระธรรมทั้งหมด ต้องเป็นคนตรง ถูกคือถูก ผิดก็คือผิด บางคนก็กล่าวว่า พระภิกษุที่ดีก็มี ก็อนุโมทนา ถ้ามีพระภิกษุที่รักษาพระวินัยได้ครบถ้วน และก็ศึกษาพระธรรมด้วย

    บวชเพื่ออะไร บวชเพราะได้ฟังพระธรรม และเห็นคุณของพระธรรม รู้ความลึกซึ้ง แต่ก็รู้ว่าสามารถที่จะ อบรมเจริญปัญญา ในเพศบรรพชิต ซึ่งยากกว่าคฤหัสถ์ ถ้าง่ายก็ต้องมีพระมากกว่าคฤหัสถ์ ใช่ไหม บวชๆ กันไป บวชๆ กันไป แต่การที่จะเป็นพระภิกษุแสนยาก แม้แต่ท่านอนาถบิณฑิกคฤหบดี หรือหมอชีวกโกมารภัจจ์ เป็นพระโสดาบัน ก็ไม่บวช ถึงความเป็นพระโสดาบันแล้ว เพราะท่านรู้ว่าชีวิตของท่าน ไม่ได้สะสมมาที่จะขัดเกลากิเลสในเพศของบรรพชิต แต่ท่านสามารถที่จะอบรมเจริญปัญญา ในเพศคฤหัสถ์ได้ พุทธบริษัทจึงมี ๔ คือภิกษุในครั้งโน้น มีภิกษุณีด้วย แต่ครั้งนี้ไม่มีแล้ว อันตรธานแน่นอน ในครั้งนี้ก็เหลือภิกษุ แล้วก็อุบาสก อุบาสิกา อุบาสิกาก็คือผู้ที่เป็นผู้หญิง อุบาสกก็คือผู้ที่เป็นผู้ชาย นั่งใกล้พระศาสนา เพื่อฟังธรรม เพื่อเข้าใจธรรม เพื่อรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ว่าพระองค์ทรงเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

    ถ้าตราบใดที่ยังไม่เห็นคุณ ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ศึกษาเลย แล้วโลกเดี๋ยวนี้เป็นอย่างไร ไม่ใช่เฉพาะประเทศไทย ทั่วโลก อกุศลมากมาย หาทางที่จะแก้ไข แต่ไม่รู้ว่าหนทางแก้ไขคือเป็นคนดี แล้วเป็นคนดี จะเป็นได้อย่างไร ถ้าไม่เข้าใจธรรม นั่งๆ อยู่อย่างนี้ ดีหรือเปล่า ขณะไหนดี ขณะไหนไม่ดี ต้องตรง จึงสามารถที่จะเป็นคนดีขึ้น

    จะเห็นได้ทุจริตทั้งโลก ไม่เห็นคุณของพระธรรม ที่รู้ว่าทำไมจึงต้องกล่าวถึงพระธรรม ทำไมจึงต้องฟังพระธรรม ทำไมจึงต้องดำรงรักษาพระธรรม เพื่อโลกจะได้สงบสุข เพราะคนดี แต่ถ้าคนไม่ดีทั้งโลก ไม่มีทางเลยที่จะสงบสุข มีแต่ทางที่จะนำความเดือดร้อน แล้วก็เดือดร้อนยิ่งขึ้น เพราะว่าไม่เห็นคุณของพระธรรม

    ถ้าไม่ศึกษาพระธรรม จะรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ไหม ใครก็ตามไม่ศึกษา เขารู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหรือเปล่า เขาฟังคำของใคร เขาทำตามคำของใคร ก็คือว่าไม่รู้จักก็สัมมาสัมพุทธเจ้าเลย ไม่เห็นประโยชน์ว่า ทำไมจึงต้องฟังพระธรรม เพื่อเข้าใจถูกต้อง เพื่อดำรงรักษาพระศาสนาไว้ เพื่อคนจะได้เป็นคนดี มิฉะนั้นแล้วก็ไม่สามารถที่จะทำให้สงบสุขได้ เพราะเหตุว่าความสงบ ต้องเป็นความดี

    อ.อรรณพ ก็เพราะว่าความไม่รู้ เนื่องจากไม่ได้อาศัย การศึกษาพระธรรมที่ถูกต้อง นอกจากกล่าวเอง ไม่ได้ตรงกับพระธรรมวินัยแล้ว แล้วก็ยังตู่ว่า สิ่งที่กล่าวเป็นพระพุทธศาสนา ก็เป็นการกล่าวตู่ด้วย ถ้าพูดไปเลยว่า เขาพูดเอง ไม่ได้เกี่ยวกับพุทธศาสนา ผมว่ายังดีกว่าที่จะอ้างหรือตู่ ว่านี่เป็นคำสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า

    ท่านอาจารย์ ถ้าไม่อ้างว่าเป็นพระพุทธศาสนา ก็ไม่ได้ทำลายคำสอน เพราะเขาบอกว่าไม่ใช่ คำที่เขาพูดไม่ใช่ เขาก็ปฏิเสธอยู่แล้ว ว่าไม่ใช่ แต่ถ้าเขาบอกว่าใช่ แต่ผิด ไม่ตรง ก็คือว่าทำลายคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกคำ ที่พูดไม่ตรง และพูดผิด


    หมายเลข 10867
    27 เม.ย. 2567