พระปริยัติอันงามสง่า
พระปริยัติคือพระธรรมคำสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งสง่างาม อย่างยิ่ง เพราะสามารถทำให้สามารถเข้าใจความจริงที่ลึกซึ้งอย่างยิ่ง ในขณะนี้
อ.อรรณพ พระปริยัติธรรมที่สง่างาม ก็คือมีอรรถหลากหลาย นานาประการ คืออย่างไร
ท่านอาจารย์ ทุกคำที่เป็นคำใหม่ ควรที่จะได้เข้าใจ ตอนนี้ก็ทราบว่าธรรมคือสิ่งที่มีจริง ไม่ใช้ภาษาบาลีว่า ธรรม ก็ได้ ใช้คำว่าสิ่งที่มีจริง เห็นมีจริง ได้ยินมีจริง ทุกอย่างมีจริง คือทุกอย่างเป็นธรรม ปริยัติธรรมคืออะไร
อ.คำปั่น ปริยัติธรรม ก็คือพระพุทธพจน์ หรือว่าพระธรรมคำสอน ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ที่จะเป็นไปเพื่อความรอบรู้ ตามความเป็นจริง
ท่านอาจารย์ ฟังอย่างนี้ บางคนยุคนี้อาจจะคิดถึงตำราต่างๆ คัมภีร์ต่างๆ แต่ว่าทั้งหมด กล่าวถึงสิ่งที่กำลังมี การศึกษาธรรมจริงๆ ไม่ไปศึกษาตัวหนังสือแล้วจำคำ แต่ต้องรู้ว่าแต่ละคำ กล่าวถึงสิ่งที่มีจริงทุกสมัย ทุกกาล ในพระไตรปิฎกหรืออรรถกถา ท่านก็จะเป็นเรื่องของตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ โลภะ โทสะ กุศลธรรม อกุศลธรรม มากมายที่ทรงแสดงไว้โดยละเอียด เพื่ออะไร เพื่อให้รู้ว่า เดี๋ยวนี้เป็นอย่างนี้ แต่ก็ยังไม่เห็นเดี๋ยวนี้เป็นอย่างนี้ เพราะว่าเพียงแต่ฟังคำ เช่นเดี๋ยวนี้ เห็นเป็นเห็น ยังไม่เป็นเห็นใช่หรือไม่ เพราะเราเห็น เมื่อไรจะเห็นเป็นเห็น ก็คือว่ารู้ธาตุที่เกิดขึ้นเห็น ธา-ตุ หรือธาตุคือสิ่งที่มีจริง ซึ่งทรงไว้ซึ่งสภาพนั้นไม่เป็นอื่น ธาตุเห็น จะไปเป็นอื่นไม่ได้เลย จะไปเป็นธาตุได้ยิน จะเป็นธาตุได้กลิ่น จะเป็นธาตุโกรธอะไรก็ไม่ได้เลย นอกจากเดี๋ยวนี้เป็นธาตุชนิดหนึ่ง มีจริงๆ เกิดขึ้นเห็น และก็ดับไป นี่คือปริยัติ คือฟังคำ ที่ทำให้เข้าใจความจริงของสิ่งที่มี มิเช่นนั้นแล้ว เรียนแบบอ่าน เรียนจบสอบได้ บางแห่งอาจมีปริญญาเอก แต่ก็ไม่รู้ว่าขณะนี้เป็นสิ่งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัส เพื่อให้คนฟังได้เข้าใจทันที ถ้าขณะนี้มีเห็น และพูดถึงเห็น และยังไม่เข้าใจ แล้วไปอ่านหนังสือมากมายสักเท่าไร จะมาถึงเห็น ที่กำลังเห็นขณะนี้แล้ว ค่อยๆ เข้าใจไหม ว่าจริงอย่างที่ได้ทรงแสดงไว้
การศึกษาปริยัติธรรม คือการฟังพระพุทธพจน์ จะรูปแบบใดก็ตามแต่ โดยการอ่าน หรือว่าโดยการสนทนาหรืออะไรก็ตาม เพื่อให้เข้าใจความจริงของสิ่งที่มีจริง ขณะที่ฟังพิสูจน์ได้ เข้าใจได้ สง่างามหรือไม่ เพราะเหตุว่าไม่ได้ไปเอาอะไรมาหลอก หรือมาล่อ หรือมาพูดให้ผิดความจริง แต่ความจริงแท้ๆ ซึ่งเป็นอย่างนั้น มีสิ่งที่กำลังปรากฏให้เห็นได้ หลับตาแล้วไม่ปรากฏ แล้วติดข้องในอะไร ติดข้องในสีสันวรรณะต่างๆ เวลาลืมตา เห็นเกิดดับ จนกระทั่งสิ่งที่ปรากฏให้เห็น แม้ดับก็เกิดดับ จนกระทั่งปรากฏเป็นนิมิต รูปร่าง สีสันต่างๆ ทำให้จำไว้ ว่าเป็นใคร แค่ทางเดียว กว่าจะเข้าใจจริงๆ
พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ความจริง แต่ละคำของพระองค์ต้องสง่างามแน่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอริยสัจจ์ เรื่องธาตุ เรื่องปฏิจจสมุปบาทหรืออะไรก็ตามแต่ ก็กล่าวถึงความจริง ซึ่งยาก ลึกซึ้ง แล้วอย่างนี้จะไม่สง่างามเพราะความยาก และความลึกซึ้งหรือ
อ.อรรณพ ท่านใช้คำว่าพระปริยติธรรม สง่างามอย่างยิ่ง
ท่านอาจารย์ ก็ลึกซึ้งอย่างยิ่ง เป็นความจริงอย่างยิ่ง ฟังเท่าไร รู้หรือยัง งามเท่าความงามของปริยัติหรือยัง ความเข้าใจ
อ.อรรณพ ท่านอุปมาเหมือนพันธุ์ไม้ดอก นานาประการ ที่หลากหลายมากมาย และสภาพธรรมที่หลากหลายมากมายอย่างนี้ จะเป็นอย่างไร
ท่านอาจารย์ แค่ธรรม พันธุ์ไม้ชนิดหนึ่งแล้วใช่ไหม ขันธ์เท่าไร อายตนเท่าไร ปฏิจจสมุปบาทเท่าไร อริยสัจจ์เท่าไร ยังอีกมาก หลายชนิด เกิดแล้วดับ เกิดแล้วดับ เกิดแล้วดับ
อ.คำปั่น ถ้าหากว่าไม่ศึกษาพระปริยัติ ไม่มีทางที่จะเข้าใจธรรมตามความเป็นจริงได้ ถ้าสละปริยัติ ไม่ศึกษาปริยัติ ไม่มีทางที่จะพ้นจากทุกข์
ท่านอาจารย์ สละปริยัติหมายความว่า ไม่ฟัง แล้วจะพ้นทุกข์ได้อย่างไร ทั้งๆ ที่ได้ยิน ได้ฟัง ก็ไม่เข้าใจ แล้วก็ไม่ฟังซะเลย ฟังยาก แม้แต่ความสง่างาม ความจริงแท้ ซึ่งใครก็ติไม่ได้ เปลี่ยนไม่ได้ สง่างามไหม เหนือความจริงอื่นใด เพราะเหตุว่าสภาพธรรมมีปัจจัยก็เกิด ปรากฏแล้วก็ดับไป นี่คือความจริงแท้ ซึ่งสง่างาม เพราะว่าใครก็ไม่สามารถที่จะเปรียบ หรือจะเปลี่ยน แล้วก็ไม่ฟัง แล้วเขาเป็นใคร ก็เป็นคนที่ไม่รู้คุณของความจริง ที่กว่าจะได้รู้ความจริงได้ ต้องบำเพ็ญบารมีนานเท่าไร ไม่ว่าจะบำเพ็ญบารมี เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือพระปัจเจกพุทธเจ้า หรือสาวก ก็ต้องมีความอดทน ที่จะรู้ว่าความจริงเป็นอย่างนี้ รู้ได้แน่นอน แต่ไม่ใช่ด้วยความเป็นเรา แต่เพราะเข้าใจขึ้น เข้าใจขึ้น
อ.อรรณพ คำสอนที่แสดง เพื่อการรู้แข็งที่กำลังปรากฏ สง่างามอย่างไร
ท่านอาจารย์ มีจริงหรือเปล่า สง่างามไหม ใครจะบอกว่าไม่จริง ได้ไหม ใครจะเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นก็ไม่ได้