สิ่งที่มีค่าที่สุดที่อยู่ในจิต คือ ปัญญาและคุณความดี
ท่านอาจารย์ ความโกรธเป็นธรรม ไม่อยากโกรธก็โกรธ เพราะมีเหตุที่จะให้โกรธเกิดขึ้น ยับยั้งไม่ได้เลย ทุกคนจะบอกได้เลยว่า ยับยั้งไม่ได้ จะไม่โกรธ ไม่มีทางเลย บางครั้งก็ไม่มากมาย แค่ขุ่นใจ ก็ยับยั้งไม่ได้ มากกว่านั้นอีก หน้าบึ้ง หน้างอ โกรธ ใช่ไหม สีหน้าแสดงออกมาแล้ว ใช่ไหม บางคนยังอยากจะเป็นยักษ์ เป็นมาร ด้วยซ้ำไป คือ ไม่พอแค่สีหน้า ยังต้องมีท่าทาง มีกิริยาอาการต่างๆ อีก นี่คือ ธรรม ซึ่งไม่มีใครยับยั้งได้เลย ทรงแสดงความจริงอย่างละเอียดยิ่งทุกขณะจิต และที่เราเรียกว่าขณะจิต เล็กน้อยสั้นสักแค่ไหน และสิ่งที่เกิดขึ้นก็เกิดดับอยู่ตลอดเวลา แต่ไม่มีใครรู้
เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราฟังแล้ว เราต้องมั่นคง สิ่งหนึ่งสิ่งใดมีความเกิดขึ้น สิ่งนั้นมีความดับไปเป็นธรรมดา เเต่ยังไม่ประจักษ์แจ้ง เพราะว่าเพียงขั้นฟัง แค่ขั้นฟังก็ต้องฟังจนกระทั่งมั่นคง จนกระทั่งเป็นสัจจญาณ คือ ปัญญาที่รู้จริง อย่างมั่นคง ในความจริงของธรรมดา คิดอย่างนี้หรือเปล่าวันหนึ่งๆ วันนี้คิดอย่างนี้ไหม
ผู้ฟัง วันนี้ เริ่มคิด
ท่านอาจารย์ ถูกต้องเลย วันนี้เริ่มคิด เริ่มรู้จักธรรม เริ่มได้ฟังธรรม เริ่มรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ต้องไม่เหมือนใครเลย ไม่ง่ายอย่างที่ใครคิด และก็ไม่ได้สอนให้ใครทำ แต่ให้เกิดความเข้าใจของตัวเอง จากโลกนี้ไปจะเอาอะไรไปบ้าง ใครที่มีมรดกมากมายมหาศาล เอาไปได้ไหม เอาไปได้แต่เฉพาะความโลภบ้าง ความโกรธบ้าง ความดีบ้าง ความชั่วบ้าง แต่ความเข้าใจถูก ความเห็นถูก ถ้าไม่มีการฟังของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่มีทางที่จะมีสิ่งนี้อยู่ในใจ จนถึงชาติหน้า และชาติต่อไป ก็จะมีแต่เพียงความโลภ ความโกรธ ความหลงตัวใหญ่ๆ และความไม่โลภ ความไม่โกรธ มีบ้าง บางขณะ แต่ยังมีความหลง คือ ความไม่รู้ความจริงของสภาพธรรม ซึ่งเป็นปกติอย่างนี้เลย แต่ลึกซึ้งมาก จนกระทั่งพระโพธิสัตว์ กว่าจะได้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงตั้งความปราถนา ที่จะมีความเข้าใจความจริงของสิ่งซึ่งเป็นธรรมดา ซึ่งนำความทุกข์มาให้ทุกคนที่เกิด เกิดแล้วไม่เป็นทุกข์ ไม่มี ต้องพลัดพราก ใครจากไป ตายไป ก็เป็นทุกข์ ไม่สิ้นสุด ไม่มีวันหยุด
เพราะฉะนั้นทรงรู้ว่า ต้องมีสิ่งซึ่งสามารถจะตรงกันข้ามกับความทุกข์นี้ได้ เมื่อมีความเกิด ก็ต้องมีความไม่เกิด แต่ว่ากว่าจะรู้ได้จริงๆ เราก็ต้องฟังประวัติของพระองค์ และคำสอนของพระองค์ว่า ทุกคำด้วยพระมหากรุณาอย่างยิ่ง ให้เราซึ่งมีโอกาสที่ได้ทำบุญไว้แต่ปางก่อน คำนี้ลืมไม่ได้เลย เข้าใจธรรมเมื่อไร ไม่ใช่บังเอิญ ไม่ใช่ว่าของตก หยิบเก็บมาเป็นของเรา ไม่ใช่ แต่สิ่งนั้น จะเกิดได้ต่อเมื่อ ได้ฟังคำที่ไม่เคยได้ยิน และรู้ว่าเป็นคำจริง เมื่อเป็นคำจริง อะไรที่จะมีประโยชน์กว่าคำจริง ซึ่งแสดงความจริง
เพราะฉะนั้นเมื่อเห็นประโยชน์อย่างนี้ ไม่มีการละเลยโอกาส ที่เกิดเป็นมนุษย์ มีโอกาสที่จะได้ฟังธรรมด้วย แล้วไม่ฟัง กับโอกาสที่เป็นมนุษย์ มีโอกาสได้ฟังธรรม แล้วฟัง แล้วไตร่ตรอง จนกระทั่งเป็นความเข้าใจถูก ซึ่งต่างกับที่ ไม่เคยเข้าใจอย่างนี้มาก่อนเลย แม้น้อยแต่ก็เพิ่มขึ้น ด้วยการที่ฟังบ่อยๆ แล้วก็ค่อยๆ เข้าใจขึ้น จนกระทั่งมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ไม่พึ่งคนอื่นเลย แต่พึ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะได้ฟังธรรมของพระองค์ ซึ่งจะทำให้สภาพธรรมที่ดีเกิดขึ้น กระทำกิจของสภาพธรรมที่ดีเพิ่มขึ้น เพราะฉะนั้นกุศลทั้งหลายก็เจริญขึ้น เพราะมีความเข้าใจที่ถูกต้องว่า แค่เกิดมาแล้วก็ตายไป จะช้าจะเร็ว รู้ไม่ได้เลย จะมาก จะน้อย จะนานเท่าไร ก็รู้ไม่ได้ แต่ต้องไปแน่ จะเอาอะไรไป สิ่งที่มีค่าที่สุด ที่อยู่ในจิตก็คือ ปัญญา และคุณความดี
เพราะว่าอกุศลทั้งหลายสะสมมาแสนโกฏกัปป์ นับไม่ถ้วนเลย เมื่อครั้งพระผู้มีพระภาคยังเป็นพระโพธิสัตว์ เราอยู่ไหน เป็นหรือยัง ได้ฟังธรรมหรือยัง กับการที่ได้มีโอกาสถึงการได้ฟังพระองค์ จากที่พระองค์ได้ทรงตรัสรู้ และปรินิพพานไปแล้ว ถึง ๒,๕๐๐ กว่าปี นานแสนนาน แต่ความจริงมี และคำจริงที่พระองค์ได้ตรัสไว้ ก็ยังอยู่ ที่จะทำให้เข้าใจได้