เคล็ดลับ
เคล็ดลับคืออะไร ควรจะมีเคล็ดลับกันหรือไม่ เคล็ดลับมีประโยชน์หรือไม่
ท่านอาจารย์ ทุกคำต้องเข้าใจ ไม่ว่าจะเป็นคำอะไรทั้งสิ้น เป็นสิ่งที่มีจริงแม้แต่ความคิด แม้แต่คำพูดทุกคำ ก็ต้องมีความหมาย เพราะฉะนั้นก่อนอื่นที่ฟังพระธรรม ที่จะมีความเข้าใจจริงๆ ก็ต่อเมื่อ เริ่มต้นว่า คืออะไร มิฉะนั้นเราก็พูดกันไป เคล็ดลับอย่างนี้ๆ เพื่ออะไรเคล็ดลับ เห็นไหม และยังไม่รู้เลยว่า เคล็ดลับคืออะไร เคล็ดลับคืออะไร พูดกันตลอดไม่ใช่หรือ จนกระทั่งเป็นคำถามที่ต้องการจะได้เคล็ดลับ หรือว่าต้องการจะมีเคล็ดลับ แต่รู้หรือไม่ว่าเคล็ดลับที่ต้องการนั้นคืออะไร เป็นปัญญาหรือเปล่า เคล็ด
อ.อรรณพ เคล็ดลับก็คือ อาจจะเป็นกรรมวิธี หรือรูปแบบ หรือวิธีการที่สามารถที่จะทำให้สิ่งหนึ่งสิ่งใด ที่คิดว่าจะทำให้สำเร็จได้ โดยได้ประสิทธิภาพดี แล้วก็คนอื่นไม่รู้ เป็นเฉพาะตัว
ท่านอาจารย์ เพื่อให้สำเร็จตามความต้องการ
อ.อรรณพ ใช่
ท่านอาจารย์ โดยวิธีการต่างๆ ซึ่งเป็นเคล็ดเฉพาะแต่ละเรื่อง แต่ละบุคคล แต่ละวิธีการ ลับก็คือว่า ไม่เป็นที่รู้ทั่วไป เพราะฉะนั้นจริงๆ แล้ว ต้องการอะไร ที่ต้องการเคล็ดลับ
อ.อรรณพ ต้องการให้ได้สิ่งที่ต้องการ อาจจะเป็นความสำเร็จของงาน หรือทรัพย์สินเงินทอง ความสำเร็จของธุรกิจ หรือความสำเร็จของผลงานทางวิชาการ
ท่านอาจารย์ เคล็ดลับในพระพุทธศาสนา มีหรือไม่
อ.อรรณพ พุทธศาสนาไม่ได้เป็นไป ที่จะต้องการให้ได้ตามโลภะต้องการ ก็เลยไม่ต้องมีเคล็ดลับ
ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้นเคล็ดลับที่ต้องการคือ ต้องการเพื่อที่จะได้
อ.อรรณพ ใช่
ท่านอาจารย์ แล้วเคล็ดลับ เป็นกุศลหรือเป็นอกุศล
อ.อรรณพ เป็นความต้องการ เป็นโลภะ และยังแถมเป็นความหวง เป็นความตระหนี่ ไม่ให้คนอื่นรู้วิธีการ อย่างสมมุติผมจะทำปาท่องโก๋ขาย ที่มีรสชาติเฉพาะพิเศษ ผมก็ต้องมีเคล็ดลับ มีสูตรลับ ซึ่งผมก็จะไม่บอกกับผู้ขายรายอื่น ที่จะมาทำแข่ง
ท่านอาจารย์ เป็นความเห็นแก่ตัวหรือเปล่า
อ.อรรณพ ใช่
ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้นต้องการความเห็นแก่ตัวมากๆ เพราะฉะนั้นแสดงให้เห็นว่า ไม่ใช่ธรรมที่ตรง ตามความเป็นจริง เพราะเหตุว่าธรรมเป็นสิ่งที่มีจริง กระจ่าง ชัดเจน ด้วยการตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แม้แต่สิ่งที่เป็นเคล็ดลับ แท้ที่จริงก็คือ ความติดข้อง ต้องการเฉพาะตน แล้วลองคิดดู ถ้าทุกคนทำปาท่องโก๋อร่อยหมด ที่ไหนก็ขายปาท่องโก๋อร่อยๆ ใครๆ ก็ซื้อ ไม่ดีกว่าหรือ
อ.อรรณพ เราก็ขายได้น้อยลง
ท่านอาจารย์ คนอื่นขายได้ เราก็ขายได้ ทุกคนที่ทำอร่อยก็ขายได้ ถูกต้องไหม ถ้าทำไม่อร่อยใครจะซื้อ เพราะฉะนั้นถ้าเขาทำอร่อย คนก็ซื้อ เขาทำยิ่งอร่อยกว่าเรา ได้หรือไม่ เห็นไหม จิตใจคับแคบ เห็นแก่ตัว เพิ่มความติดข้อง หรือว่าเป็นผู้ที่ขัดเกลากิเลส รู้ว่าทุกคนเกิดมา ทุกคนอยากรับประทานปาท่องโก๋อร่อย แล้วทำไม ไม่ช่วยให้เขาได้รับประทานปาท่องโก๋อร่อยกันทุกหนทุกแห่ง
อ.อรรณพ อร่อยกันหมดทุกร้าน เขาก็ไม่มาซื้อที่เรา ก็ไปซื้อที่อื่น
ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้นขัดเกลากิเลสหรือเปล่า ทาน ศีล พวกนี้มีหรือไม่
อ.อรรณพ ก็ไม่ได้เป็นกุศลที่จะสละอะไร
ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้นมีประโยชน์ไหม ที่เราจะเป็นคนที่เห็นแก่ตัวเพิ่มขึ้นบ่อยๆ เรื่อยๆ หนาแน่นมากขึ้น เพราะว่าเกิดมาแสนโกฎิกัปป์ ก็เห็นแก่ตัว เพราะไม่รู้ความจริง ว่าไม่มีตัว คำว่าไม่มีตัวตน ลองคิดดู กว่าจะถึงความเข้าใจที่มั่นคง ได้ยิน ก่อนได้ยินไม่มีได้ยิน ได้ยินเกิดแล้วดับไป ถูกต้องไหม ถ้าไม่รู้ก็เข้าใจว่า ได้ยินนั่นแหละเป็นเราได้ยิน แต่ได้ยินเกิด โดยที่ว่าไม่มีใครไปทำให้เกิด แต่ว่ามีปัจจัยที่ได้ยินจะเกิด ได้ยินก็เกิด แล้วได้ยินก็ดับ แล้วไม่กลับมาอีกเลย เราอยู่ไหน
เพราะฉะนั้นทุกอย่างก็คืออากาศ ตรงกับคำว่า ขันธ์ ว่างเปล่าจากความเป็นเรา ถ้าไม่สามารถที่จะเข้าใจอย่างนี้ได้จริงๆ ไม่รู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่รู้ว่าการที่จะดับกิเลสได้ ก็เพราะเหตุว่ามีความเข้าใจที่ถูกต้อง ว่าติดข้อง หลงยึดถือติดข้องในสิ่งที่ไม่มี และไม่เหลือ แต่ไม่ปรากฏจนกว่าปัญญาสามารถที่จะประจักษ์แจ้งจริงๆ ว่าแม้แต่สิ่งที่กำลังปรากฏขณะนี้ ก็เกิดดับ ถ้าประจักษ์อย่างนั้นจริงๆ จึงสามารถที่จะค่อยๆ ละคลายความยึดมั่น และความติดข้องว่านั่นเป็นเรา
เพราะฉะนั้นถึงแม้จะได้ยิน ได้ฟัง ว่าเห็นมีจริง ปกติก็เป็นเราเห็น ได้ฟังพระธรรมกี่ชาติ กว่าจะค่อยๆ เพิ่มความเข้าใจขึ้น กว่าจะค่อยๆ ละคลายความไม่รู้ โดยที่ว่าไม่มีใครไปทำได้เลย ยิ่งทำ ยิ่งติด ยิ่งทำ ยิ่งผิด ไม่มีทางที่จะละได้เลย เพราะฉะนั้นการที่จะมีความเข้าใจ จริงๆ ต้องเริ่มจากการละตั้งแต่ต้น คือละด้วยความเข้าใจถูกต้อง ที่เคยหลงผิดว่าเป็นเรา ความจริงไม่ใช่ แล้วก็เกิดดับไม่เหลือ ถ้ามีความเข้าใจค่อยๆ เข้าใจขึ้นทีละเล็กทีละน้อย ย่อมสามารถที่จะละคลายการที่เคยยึดถือไว้มั่นคง ในแสนโกฏิกัปป์ตลอดมา จนถึงแม้ขณะนี้ว่า เป็นเราที่เห็น เป็นเราที่ได้ยิน อีกนานเท่าไร ก็เริ่มรู้ความหมายของคำว่าบารมี เป็นปาระมี หมายความว่าธรรมที่จะนำไปสู่การดับกิเลส ทุกคนมีกิเลส แล้วก็พอกพูนกิเลสด้วย จนจะขายปาท่องโก๋ ก็ต้องมีเคล็ดลับ มองเห็นไหม ว่าแค่นี้ มองเห็นกิเลสไหม เพราะฉะนั้นกว่าจะเห็นกิเลส ซึ่งมีอยู่ในโลกทั้งหมดเลย ทุกวันด้วย ก็ต้องอาศัยการฟังพระธรรม แล้วเริ่มเห็นโทษของธรรมที่เป็นฝ่ายไม่ดี ว่าธรรมที่เป็นฝ่ายไม่ดี เวลาใครมีมากๆ เราว่าเขามากมายเลย นั้นไม่ดีอย่างนี้ นี่ไม่ดีอย่างนั้น แต่ถ้าเกิดกับเราเพราะก็ยังมีกิเลสอยู่ แล้วก็เพิ่มขึ้น ก็เหมือนกัน ไม่ว่าเป็นใคร
เพราะฉะนั้นธรรมเป็นธรรม ธรรมที่เป็นกุศล ตรงกันข้ามกับธรรมที่เป็นอกุศล เพราะฉะนั้นถ้าเป็นผู้ที่เข้าใจจริงๆ ในเรื่องของไม่ใช่เรา การที่จะละคลายกิเลส มีได้ทีละเล็กทีละน้อย จากการที่เริ่มเข้าใจถูกต้อง ว่าใครเขาทำปาท่องโก๋ไม่เป็น ไม่อร่อย เราก็บอกเขาให้รู้ และทำให้อร่อย ไม่ดีกว่าที่จะมีเคล็ดลับหรือ ไม่ต้องเฉพาะตนเอง เพราะเหตุว่าเคล็ดลับเป็นอกุศล ลับทำไม แล้วถ้ามีความเข้าใจมั่นคงในเหตุ และผล เหตุดีนำมาซึ่งผลดีแน่นอน เหตุไม่ดีจะนำมาซึ่งผลดีไม่ได้ เหตุไม่ดีก็ต้องนำมาซึ่งผลไม่ดี
เพราะฉะนั้นการกระทำ ไม่ว่าจะทางกาย ทางวาจา ทางใจ ให้ทราบว่าทำไมแต่ละคนเกิดมาต่างกัน ได้ผลที่ดี เกิดในตระกูลมั่งมี เศรษฐี หรือว่ายากจน ขัดสนหรือป่วยไข้ได้เจ็บ ใครทำ คนอื่นทำให้ไม่ได้เลย ใครก็ทำไม่ได้ แต่มีปัจจัยที่เกิดแล้ว ทำให้สิ่งนั้นเกิดขึ้นในภายหลัง ที่เราใช้คำว่ากรรม กับผลของกรรม แต่เราไม่ได้รู้ละเอียดเลย ว่าแท้ที่จริงแล้ว กรรมที่เป็นอกุศลทั้งหมด จะนำสิ่งที่ดี ที่น่าพอใจมาไม่ได้เลย และสิ่งที่ทุกคนพอใจ ที่เกิดมาในโลกนี้คือ รูปสวยๆ เสียงดีๆ กลิ่นหอม รสอร่อย สัมผัสที่เย็นสบาย อบอุ่นหรืออะไรก็แล้วแต่ เลือกไม่ได้อีกว่าจะอยู่ที่ไหน วันไหนจะเจ็บไข้ได้ป่วย ให้ทราบว่าทั้งหมดมาจากเหตุที่ไม่ดี ไม่ใช่ใครทั้งสิ้น แต่เป็นเหตุที่ไม่ดี เจตนาที่จะให้คนอื่นเดือดร้อน คิดดู ทำไมต้องให้เขาเดือดร้อน ให้เขาขายปาท่องโก๋ไม่อร่อยไปเรื่อยๆ หรือว่ามีความเมตตามีกุศลจิต ที่คิดจะให้เขาได้ขายดีด้วย แค่นี้ชีวิตประจำวันที่สามารถที่จะรู้ได้ว่า กุศลเกิดได้รอบตัวตลอดเวลา เมื่อเข้าใจเหตุ และผลจริงๆ มั่นคง ใครจะทำอกุศล