อกหัก ธรรมช่วยได้ไหม
ความทุกข์ใจ เช่น การผิดหวังในความรัก มีสาเหตุมาจากความติดข้อง และความติดข้องนั้นก็ไม่ได้ยั่งยืน แต่จะแปรเปลี่ยนไปติดข้องบุคคล หรือสิ่งใหม่ต่อๆ ไป จึงควรมีความเป็นมิตรดีกว่าที่จะมีความรักความผูกพัน และควรเจริญปัญญา โดยการศึกษาพระธรรมให้เข้าใจความจริง จนกว่าจะค่อยๆ พ้นไปจากความติดข้องได้ในที่สุด
อ.คำปั่น อกหัก ธรรมช่วยได้หรือไม่
ท่านอาจารย์ ชาติก่อนอกหักหรือไม่ หรือเฉพาะชาตินี้ อกหักหมายความว่าไม่ได้สิ่งที่ต้องการ ตั้งแต่เรื่องเล็กๆ เด็กๆ อกหักหรือไม่ เขาชอบเพื่อนของเขาตั้งแต่เด็กเลย ชอบมาก ใช้คำว่าความรักแบบเด็ก ตั้งแต่อ้อนแต่ออก โตมาก็มีความติดข้องผูกพัน ในลักษณะ ในฐานะต่างๆ ในฐานะเพื่อนสนิทหรือยิ่งกว่านั้นก็ได้ แล้วก็ไม่ได้สิ่งที่พอใจ ใช้คำว่าอกหัก แต่ว่าตามความเป็นจริง ทุกคนที่อกหักไม่เห็นตายเลย ก็ยังอยู่ แล้วถ้ามีความเข้าใจที่ถูกต้อง จะดีใจที่อกหัก เพราะว่าพ้นจากการที่จะต้องไปผูกพัน หรืออะไรๆ มีตั้งหลายอย่าง ซึ่งยังมีอีกที่จะมาข้างหน้า มองไม่เห็นเลย ขณะนี้มืดสนิท ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นแต่ละวันด้วยซ้ำไป ถ้าอกหักจากคนไม่ดี อาจจะไปพบคนที่ดีกว่าก็ได้ แล้วก็จะดีใจว่า ดีเหลือเกินที่อกหักจากคนที่ไม่ดี
เพราะฉะนั้นอย่าเพิ่งไปคิดว่า เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต จะเป็น จะตายกับสิ่งที่เป็นอยู่ แต่ความจริงทุกอย่างไม่เที่ยง ลองพบใหม่ ต้องพบแน่ๆ เพราะโลภะอยู่ที่ใจ โลภะ ทุกคนมีมาก หลายรูปแบบ ทั้งลึก และซ่อนเร้น ไม่เปิดเผยก็มี เพราะฉะนั้นอะไรๆ ก็กั้นสิ่งที่สะสมมาในใจไม่ได้ แม้แต่ผู้ที่บวชเป็นภิกษุ แต่ยังมีกิเลส ก็ยังมีความพอใจในรูป ในเสียง ในกลิ่น ในรส ในสัตว์บุคคลต่างๆ
เพราะฉะนั้นอะไรจะเกิดก็เกิดชั่วคราว ให้เข้าใจจริงๆ ไม่นานเลย ความเสียใจวันนี้ แค่นี้เองที่เสียใจในวันนี้ แต่พรุ่งนี้จะไม่มีความเสียใจอย่างนี้ก็ได้ ถ้าเจอสิ่งที่ใหม่ น่าชอบใจมากกว่า แน่นอน เปลี่ยนอยู่เสมอ โลภะไม่เคยหยุด ไม่เคยหมด ไม่เคยจบ เพราะมีเหตุที่จะให้เกิด จนกว่าดับเหตุของโลภะเมื่อไร โลภะจึงจะหมดได้ และโลภะทั่วไปหมด ไม่ใช่เฉพาะสัตว์ บุคคล ทางตาชอบสิ่งสวยๆ งามๆ ไหม โดยเฉพาะที่ร่างกายของเรา ยึดถือมาว่า เราไม่ชอบตาสวยๆ คิ้วสวยๆ จมูกสวยๆ ผิวสวยๆ หรือ ยอมอกหักหรือไม่ แต่ให้ร่างกายของเรายังสวยอยู่ ยังดีอยู่ หรือว่าจะให้ร่างกายเราไม่ดีเลย และก็ไม่อกหัก เห็นไหมว่าโลภะหลากหลายมาก หลั่งไหลมาตลอดเวลา ทุกทาง ไม่ว่าจะเป็นทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ
เพราะฉะนั้นอย่าคิดว่า ใครจะละ หรือดับ หรือทำลายโลภะได้ ต้องเป็นปัญญาอย่างเดียว ความเห็นที่ถูกต้อง ค่อยๆ เข้าใจขึ้น ใครจะละโลภะ ความติดข้องในรูป เสียง กลิ่น รส ในชีวิตครอบครัว ในชีวิตของคฤหัสถ์ได้ ผู้ที่ดับกิเลสถึงความเป็นพระอริยบุคคล ขั้นพระอนาคามี การรู้แจ้งอริยสัจจธรรมที่จะดับกิเลส ต้องตามลำดับขั้น เพราะเหตุว่ากิเลสมีมากมาย และถ้าดับหมายความว่าไม่เกิดอีกเลย ไม่ใช่ไปหลบๆ ซ่อนๆ คิดว่าไม่มี แต่ความจริงมีปัจจัยที่จะเกิด ต้องเป็นผู้ตรงจริงๆ
ขณะนี้เราเห็น เราได้ยิน เราได้กลิ่น เป็นความเห็นผิด ถ้าเห็นไม่เกิดจะมีเราเป็นผู้เห็นไหม ถ้าไม่มีได้ยินเกิดขึ้น จะมีเราได้ยินไหม แต่ไม่รู้ความจริงว่า ได้ยินไม่ใช่เรา ได้ยินแค่เกิดตามเหตุตามปัจจัย แล้วก็ดับไป ไม่ว่าเป็นความพอใจในสัตว์บุคคลใดๆ ก็เกิดขึ้นเมื่อมีเหตุปัจจัย เพราะฉะนั้นถ้ายังเป็นเราอยู่ตราบใด ที่จะพ้นกิเลส เป็นไปไม่ได้เลย กิเลสมีมาก กิเลสที่จะดับได้ก่อนไม่ใช่โลภะ ความติดข้องในรูป ในเสียง ในกลิ่น ในรส จะไม่อกหัก เป็นไปไม่ได้เลย ตราบใดที่ยังไม่รู้ความจริงของสภาพธรรม เพราะฉะนั้นกิเลสแรกที่จะดับก็คือการที่เข้าใจผิด ยึดถือว่าเป็นเรา มีเรา เพราะฉะนั้นก็ขวนขวายทุกอย่าง ให้เรานี้เป็นสุขทุกทาง แม้แต่คำถามนี้ ก็ต้องการให้เราเป็นสุข แต่ไม่รู้เลยว่าตามความจริงแล้วไม่มีเรา
เพราะฉะนั้นกิเลสที่จะต้องดับก่อน คือดับการยึดถือสภาพธรรม ด้วยความเข้าใจผิดว่าเป็นเรา ผู้ที่เข้าใจถูก เวลาความติดข้อง จะรุนแรงขนาดไหน ระดับไหน ปัญญาสามารถเห็นถูกว่าไม่ใช่เรา จึงสามารถที่จะดับกิเลสขั้นต่อไปได้ จนถึงความเป็นพระสกทาคามีบุคคล ชีวิตธรรมดาปกติ แต่ความติดข้องน้อยลง เพราะรู้ความจริงว่าไม่มีเรา แค่ชั่วคราว ที่ยับยั้งไม่ให้เกิดไม่ได้ แล้วก็ดับไป ประโยชน์สูงสุดคือการเข้าใจถูกต้องว่าไม่ใช่เรา เพราะฉะนั้นจะดับกิเลสทั้งหลายได้ ก็ด้วยความเห็นถูกตามลำดับขั้นว่าไม่ใช่เรา รู้แจ้งสภาพธรรมที่ไม่ใช่เรา แล้วก็ดับการยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นเรา ตามลำดับก่อน คือยังไม่ไปดับความพอใจในรูป ในเสียง ในกลิ่น ในรส ในโผฏฐัพพะ ที่กระทบสัมผัสกาย ในความติดข้อง แต่ดับการยึดถือว่า ขณะนี้เห็นไม่ใช่เรา แค่นี้ ยากไหม
เพราะฉะนั้นไม่ต้องไปคิดเรื่องที่จะไม่รัก ไม่อกหัก เพราะว่าต้องรัก ต้องอกหัก ตราบใดที่ยังคงมีโลภะ ความติดข้องอยู่ เพราะฉะนั้นก่อนอื่น ไม่ต้องไปคิดเลย โกรธเกิดก็เป็นลักษณะที่แสดงความจริงว่าไม่ใช่เรา ลักษณะนั้นเป็นลักษณะหนึ่งของสิ่งที่มีจริง พอใจ รักใคร่ แสนมากมาย ติดข้อง ขณะนั้นเกิดแล้ว เป็นอย่างนั้นแล้ว ไม่ใช่เรา มีปัจจัยก็เกิดขึ้น แล้วก็ดับไป แล้วก็ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชา
รักชั่วคราว ใช่ไหม พอจากไปรักใหม่ ถ้าใครรักเรา เขารักได้ชั่วคราว ถ้าเรามีความเข้าใจที่มั่นคงนะ จะเสียใจหรือไม่ ถ้าเขาไม่รักเรา เพราะเรารู้อยู่แล้ว ว่ารักทั้งหมดชั่วคราว เห็นชั่วคราว ได้ยินชั่วคราว ทุกอย่างเพียงชั่วคราว นี้คือผู้มีปัญญาที่สามารถจะรู้ได้จริงๆ ว่าเพียงจากโลกนี้ไป หรือแค่จากกันไปนานๆ ก็เปลี่ยนแล้ว ใช่ไหม เพราะฉะนั้นความจริงต้องเป็นความจริง จะโศกเศร้าเสียใจทำไมกับสิ่ง ซึ่งเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ถ้ามีปัญญาจริงๆ ไม่รักดีกว่า เพราะรักก็ชั่วคราว หรือจะเป็นที่รักของใคร ก็เป็นที่รักเพียงชั่วคราว จะมาบอกว่ารักตลอดไป เป็นไปได้อย่างไร เพราะไม่รู้ความจริงใช่ไหม เพราะฉะนั้นถ้ารู้ความจริงแล้ว เบิกบานหรือไม่ ในการที่จะเป็นมิตรสหาย มีความหวังดีต่อกัน จะมีความสนิทสนม คุ้นเคยโดยสถานใดในอดีต แต่ว่าปัจจุบันนี้ก็คือว่า ความเป็นมิตรกับการเป็นที่รัก อย่างไหนจะดีกว่ากัน ถ้าเป็นที่รัก คนที่รักทำสิ่งที่ไม่พอใจก็โกรธ แต่ความเป็นมิตรผู้หวังดี ถึงเขาจะทำสิ่งใด เรามีความหวังดีต่อเขา รู้ว่าเขาเป็นอย่างนั้น เพราะอย่างนั้นๆ ก็ไม่โกรธ สบายใจขึ้นหรือไม่ อกหักเดี๋ยวเดียว เพราะยังไม่ตาย ยังนั่งอยู่ ยังยิ้มแย้มแจ่มใส ยังสนุกสนาน อาหารอย่างอร่อย วันหนึ่งอาจเกิดเป็นหนอน แต่คนที่รักเกิดเป็นอะไรก็ไม่รู้ และยังรักกันต่อไปไหม
อ.คำปั่น และที่สำคัญ แม้ว่าจะมีความติดข้อง ต้องการแต่งงานกัน เป็นสามีภรรยากันอย่างไรก็ตาม ในที่สุดก็ต้องจากกันอยู่ดี ด้วยความตายที่เกิดขึ้น เพราะฉะนั้นอะไรคือสิ่งที่มีค่า คือสิ่งที่มีประโยชน์ที่สุดในชีวิต ก่อนที่จะละจากโลกนี้ไป ก็คือการมีโอกาสได้ฟังพระธรรม สะสมความเข้าใจความจริง
ท่านอาจารย์ อย่าคิดว่าจากใคร คิดเสียว่าค่อยๆ จากความติดข้อง เห็นไหม ปัญญาสามารถที่จะรู้จริงอย่างนั้นได้ แล้วก็จะไม่มีความทุกข์ เพราะว่าทุกข์เพราะติดข้อง แต่ถ้าค่อยๆ จาก ค่อยๆ ละ ค่อยๆ รู้ ค่อยๆ คลาย ความทุกข์ก็น้อยลง เพราะว่าไม่ได้ติดข้องเฉพาะชาตินี้ ชาติก่อนติดข้องมาแล้ว ชาติก่อนๆ แสนโกฏกัปป์ก็ติดข้องมาแล้ว และจากชาตินี้ไป ไม่ว่าจะเกิดเป็นหนอน หรือเกิดเป็นอะไร ก็ยังต้องติดข้องต่อไป เพราะฉะนั้นถ้าค่อยๆ จากความติดข้อง ไม่ใช่จากใครคนใดคนหนึ่ง ซึ่งเป็นที่รัก แต่จากการที่เคยติดข้องมากๆ ค่อยๆ คลายไป จากไป ทีละเล็กทีละน้อย นี่เป็นประโยชน์ของการได้ฟังความจริง เพราะว่าความจริงเป็นอย่างนั้น