พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงรับเงินรับทองหรือเปล่า


    ยังจะให้เงินกับพระภิกษุหรือเปล่า เพราะเหตุว่าผลักท่านลงนรก


    อ.คำปั่น ส่วนใหญ่มีความเห็นว่าถ้าไม่ให้เงินแก่พระภิกษุแล้วพระภิกษุท่านจะอยู่กันอย่างไร นี้ก็เป็นประเด็นของสังคมที่มีคำถามประเภทนี้เกิดขึ้นมามากทีเดียว

    ท่านอาจารย์ พระสัมมาสัมพุทธเจ้ารับเงินทองหรือเปล่า แล้วพระองค์ทรงมีพระชนม์ได้อย่างไร พระภิกษุซึ่งบวชตามพระธรรมวินัยรับเงินรับทองหรือเปล่า ท่านพระสารีบุตร ท่านพระมหาโมคัลลานะ ท่านพระอัสสชิ ท่านพระปุณณมันตานียบุตร พระภิกษุทั้งหลายในครั้งพุทธกาลรับเงินรับทองหรือเปล่าแล้วท่านอยู่ได้อย่างไร เพราะฉะนั้นเมื่อมีการให้เงินทองแก่พระภิกษุเป็นสิ่งที่ไม่ประพฤติปฏิบัติตามพระวินัย ด้วยเหตุนี้ ผู้รู้เพ่งโทษ คฤหัสถ์ธรรมดาอย่างนี้ในครั้งนั้นเพ่งโทษ สิ่งที่เป็นโทษต้องเป็นโทษเพราะเหตุว่ามีเงินทำไม มีอาหารสำหรับยังชีวิต มีเสื้อผ้า ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค พอไหมที่จะเป็นอยู่ ลองดูชีวิตของคนที่ไม่มีบ้าน ไม่มีทรัพย์สมบัติ สละหมด พระสัมมาสัมพุทธเจ้าสละปราสาทพระราชวัง ทรัพย์สินเงินทอง ข้าทาสบริวารทั้งหมดเพื่ออะไร เพื่อสิ่งที่มีประโยชน์อย่างยิ่งคือสามารถที่จะพ้นจากกิเลสได้ เพราะเหตุว่าทุกวันนี้อยู่กับกิเลสก็ไม่เห็นกิเลส เพราะฉะนั้นกิเลสก็เพิ่มมากมาย แต่เมื่อผู้ใดได้ฟังพระธรรม แล้วผู้นั้นเริ่มเห็นโทษ เห็นภัยในสังสารวัฎ และก็ถึงแม้ว่าจะรู้แจ้งอริยสัจธรรมเป็นพระอริยบุคคลถึงขั้นความเป็นพระอนาคามีแต่เมื่อไม่ได้สะสมมาที่จะมีเพศสูงอย่างบรรพชิตซึ่งเป็นภิกษุ ท่านเหล่านั้นไม่บวชเพราะความเคารพอย่างยิ่ง ในเพศบรรพชิตซึ่งเป็นเชื้อสายพระศากยบุตร บุตรที่เกิดจากอุระจากพระปัญญาของพระพุทธเจ้า เพราะฉะนั้นท่านเหล่านั้นอยู่ได้อย่างไร อยู่ด้วยคุณความดี ไม่ได้มีการขัดสนอะไรเลยทั้งสิ้น

    เพราะฉะนั้นก็จะเห็นได้ ว่าถ้าไม่เข้าใจพระธรรมวินัย พระภิกษุรับเงินรับทองเพื่ออะไร ถ้ามีเงินแล้วจะเอาเงินนั้นไปทำอะไร มีอาหารบิณฑบาต บริโภคคือฉันได้ภายในเที่ยงเท่านั้น หลังจากนั้นบริโภคอาหารไม่ได้ ได้แต่น้ำปานะ และน้ำปานะก็กำหนดไว้ด้วยว่าน้ำจากผลไม้อะไรบ้าง มีขนาดเท่าไหร่ เหล่านี้เป็นความละเอียดอย่างยิ่ง และใครจะรู้ว่าทำไมทรงบัญญัติละเอียดอย่างนั้น เพราะว่ากิเลสที่มีมากมายมหาศาล ทุกวัน ไม่ใช่ชาติเดียว ทุกชาติในแสนโกฏกัป จะมากมายมหาศาลเท่ากับจักรวาลกี่จักรวาลรวมกันไหม และการที่จะค่อยๆ ละคลายกิเลสออกได้ ใครทำได้ ไม่มีใครทำได้เลย ไม่รู้แม้แต่ว่าหลังเห็นแล้วกิเลสเกิด เดี๋ยวนี้เอง เพราะฉะนั้นการฟังธรรม จึงเป็นความเห็นถูก ท่ามกลางอกุศลจริงๆ เพราะว่าทรงแสดงไว้ละเอียดมาก

    ด้วยเหตุนี้ผู้ที่อบรมเจริญปัญญารู้จักตนเอง ไม่บวชเมื่อรู้ว่าตนเองไม่ได้สะสมมาที่จะบวช เพื่อที่จะรักษาพระธรรมวินัย เพราะฉะนั้นคฤหัสถ์ในครั้งโน้น ซึ่งเป็นผู้ที่เห็นพฤติกรรมของพระภิกษุที่รับเงินทองเพ่งโทษ ให้พระภิกษุนั้นเข้าใจให้ถูกต้องว่านี่เป็นโทษอย่างยิ่ง เพราะสละแล้วใช่ไหม แล้วจะรับอีกได้อย่างไร แล้วเมื่อเพ่งโทษแล้วก็ติเตียนด้วย ว่าการกระทำอย่างนี้ไม่เหมาะไม่สมควรแก่เพศบรรพชิต แล้วก็โพนทนาประกาศให้รู้ทั่วกันว่าการกระทำอย่างนี้ไม่ถูกต้อง นี่คือคฤหัสถ์ที่ดำรงรักษาคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยการที่กล่าวถึงสิ่งที่ถูก แล้วชี้แจงโทษในเมื่อเป็นสิ่งที่ผิด

    เพราะฉะนั้นทุกคนที่เข้าใจแล้ว จะทำอย่างไร ยังจะให้เงินกับพระภิกษุหรือเปล่า เพราะเหตุว่าผลักท่านลงนรก พระภิกษุใดก็ตามที่ละเมิดพระวินัยที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงแล้ว บัญญัติไว้แล้ว แล้วไม่ปลงอาบัติให้ถูกต้อง จะกลับเข้าสู่ความเป็นเพศบรรพชิตอย่างภิกษุอื่นไม่ได้ เพราะได้ทำผิดพระวินัย ต่อเมื่อใด ไม่ว่าจะเป็นพระวินัยขั้นใดที่ไม่ถึงกับปาราชิก คือพ้นจากความเป็นภิกษุ ยังสามารถที่จะปลงอาบัติโดยวิธีที่ต้องรู้ว่าอาบัติหนักอาบัติเบา จะปลงอาบัติคือแสดงโทษว่าเป็นโทษ และสำนึกที่จะไม่ประพฤติอย่างนั้นอีก จึงกับเข้าสู่เพศที่สามารถร่วมกับภิกษุที่ประพฤติปฏิบัติตามธรรมวินัยได้

    เพราะฉะนั้นก็เป็นเรื่องที่คฤหัสถ์ควรรู้ ถ้ารู้แล้วก็เป็นผู้ที่หวังดีให้คนอื่นได้เข้าใจถูกเพื่อจะดำรงรักษาพระศาสนา และไม่ให้ผู้ที่ไม่มีอัธยาศัยที่จะเป็นภิกษุดำรงอยู่ในเพศภิกษุ ต้องรู้จริงๆ ว่าพระศาสนาเป็นการขัดเกลากิเลสทั้งหมด ทั้งคฤหัสถ์ และบรรพชิต แต่ต่างเพศกัน คฤหัสถ์ก็ขัดเกลากิเลส กำลังฟังเดี๋ยวนี้เป็นบุญไหม จากไม่รู้เป็นรู้ เป็นบุญที่ประเสริฐกว่าทานไหม เพราะถึงไม่มีความเข้าใจถูกต้องก็ให้ทานได้บางครั้งบางคราว แต่ใครจะให้ความเข้าใจถูก ในสิ่งที่กำลังมีขณะนี้

    เพราะฉะนั้นการที่จะตอบแทนคุณของผู้มีคุณสูงสุดก็คือว่ารักษาพระธรรมวินัยไม่ให้บุคคลอื่นใดประพฤติในทางที่ผิดโดยการที่ให้เขาเข้าใจให้ถูกต้อง


    หมายเลข 10992
    28 ส.ค. 2567