010 พระพุทธศาสนาในประเทศไทย
สนทนาพิเศษ
เรื่อง พระพุทธศาสนาในประเทศไทย
ที่ บ้านคุณทักษพล และคุณจริยา เจียมวิจิตร
วันศุกร์ที่ ๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๐
ตอนที่ ๑๐
ท่านอาจารย์ การบวชเพราะไม่รู้ใช่หรือไม่ จึงบวชเพื่อรู้ เพราะฉะนั้นก็ต้องมีผู้รู้ที่จะให้ความรู้ เพราะฉะนั้นการศึกษาก็คือ ศึกษาจากผู้รู้ ซึ่งให้ความรู้ ไม่ใช่ต้องไปทำอย่างอื่น ไม่ใช่ต้องไปเพิ่มความอยาก ต้องรู้เลย และคนๆ นั้นเองเป็นคนที่รู้ว่ามีความต้องการหรือเปล่า ขัดเกลาหรือเปล่า
แต่ถ้าสละชีวิตทางโลกแล้ว ยังจะอยากอะไรอีก นอกจากเข้าใจพระธรรม ซึ่งอาศัยการได้ยิน ได้ฟัง และการไตร่ตรอง และเป็นผู้ตรง ที่จะรู้ว่าถ้าจะเป็นพระภิกษุก็ต้องสละความประพฤติทั้งหมดที่เคยกระทำในเพศคฤหัสถ์ ไม่ใช่ไปอยากเหมือนคฤหัสถ์อีก ที่เขาสามารถที่จะทำโน่นทำนี่ได้ เพราะฉะนั้นก่อนอื่น ก่อนบวชเข้าใจพระธรรมหรือเปล่า สำคัญที่สุด
อ.อรรณพ ก็ย้อนไปอีก
ท่านอาจารย์ ย้อนไปจนถึงว่า จุดประสงค์ของการบวช ถ้าไม่เข้าใจพระธรรมเลย บวชได้หรือไม่
อ.อรรณพ ไม่ได้
ท่านอาจารย์ ก็ไม่ใช่ภิกษุ
อ.อรรณพ บวชได้ แต่รักษาพระธรรมวินัยไม่ได้
ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้นเมื่อได้ฟังพระธรรมวินัยเข้าใจแล้ว เห็นคุณของพระธรรม และรู้จักว่า สะสมมาที่จะสามารถประพฤติปฏิบัติตามพระวินัยได้ จึงบวช ใช่ไหม เพราะฉะนั้นเมื่อได้มีความเข้าใจพระธรรมแล้ว บวชแล้ว ชีวิตก็ไม่เป็นอย่างคฤหัสถ์อีกต่อไป ก็มีการที่จะได้ฟังธรรม สนทนาธรรม ไตร่ตรองธรรม ให้เข้าใจขึ้น นั่นจึงจะเป็นเพศที่สงบ
อ.อรรณพ แต่ถ้าไม่มีผู้ที่เข้าใจธรรม ที่จะสนทนากัน แล้วจะบวชไปทำไม ก็เป็นความจริง เพราะจะนำมาซึ่งการจะอ้างว่า ต้องมาเรียนศาตร์โน้นศาสตร์นี้ จะได้เข้าถึงสื่อต่างๆ เพื่อเข้าใจธรรมวินัย หรือลามปามถึงการเผยแพร่ ก็คิดกันไป เพราะไม่เข้าใจ
ท่านอาจารย์ ถ้าไม่บวชรู้สึกว่า จะศึกษาพระธรรมวินัยสะดวกมาก
อ.อรรณพ ในยุคนี้
ท่านอาจารย์ ทำอะไรก็ได้อย่างคฤหัสถ์
อ.อรรณพ ในยุคที่เต็มไปด้วยพระเถระผู้ทรงคุณ และผู้ที่สะสมอัธยาศัยมา ท่านก็บวช แล้วก็อบรมเจริญปัญญาเท่าที่เป็นไปได้ จะบรรลุหรือไม่บรรลุ ท่านก็เป็นภิกษุในธรรมวินัย แต่ถ้าสมมติในยุคที่ไม่เอื้อเฟื้อต่อการศึกษาพระธรรมวินัย เพศไหนที่สะดวก และควรในการที่จะได้อบรมเจริญปัญญา ก็ควรจะต้องพิจารณาให้ถูกต้อง
เพราะฉะนั้นที่เราสนทนา เรื่องพระพุทธศาสนาในประเทศไทย ซึ่งพระพุทธศาสนาคือคำสอน ของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็มีทั้งส่วนที่เป็นพระธรรม แล้วก็ส่วนที่เป็นพระวินัย แล้วก็สภาพการณ์ของพระพุทธศาสนาในประเทศไทยเราเป็นอย่างไร ถ้าในส่วนของพระธรรมที่เป็นข้อปฏิบัติ เพื่อการรู้ความจริง แล้วก็พระวินัย ซึ่งก็เป็นสิกขาบทของพระภิกษุ ซึ่งทั้งพระภิกษุ และคฤหัสถ์ควรจะรู้ เอื้อเฟื้อพระวินัยด้วย แต่ปัจจุบันนี้ก็คงเห็นว่าอยู่ในสภาพการณ์ที่เรียกว่าย่ำแย่ ขอใช้คำนี้ แต่ท่านอาจารย์ ท่านวิทยากร จะช่วยให้ความคิด หรือแนวคิดในการที่จะรักษาพระพุทธศาสนา เอาในประเทศไทยเรา อย่างไรกันบ้าง เรียนคุณสุคิน คุณสุคินก็อาจจะคุ้นเคย หรือว่ามีกลุ่มชาวต่างประเทศที่ศึกษาพระธรรมวินัยกันอยู่ คิดว่า จะช่วยกันรักษาพระพุทธศาสนาไว้ได้อย่างไร
คุณสุคิน พระภิกษุไม่สมควรใช้เน็ต แต่ว่าคฤหัสถ์ทำได้ ใช้ได้ เพราะฉะนั้น พวกเราที่มีความเข้าใจ และมีเจตนาที่จะช่วยคนอื่น เราก็สามารถสื่ออย่างนี้ อย่างที่เราทำอยู่ตอนนี้ ก็คือสำคัญพูดความจริง พูดความจริงที่ตรงกับคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ช่วยโดยตรงก็คือตรงนี้ ตัวเราเองศึกษา แล้วก็สื่อที่เราเข้าใจ โดยคำนึงถึงว่า ตรงกับคำสอนหรือไม่
อ.อรรณพ เนื่องจากเราเป็นคฤหัสถ์ ไม่ได้ปฏิญาณตนเป็นบรรพชิต เมื่อศึกษาธรรมวินัยเข้าใจแล้ว ก็สามารถจะเผยแพร่ผ่านสื่อต่างๆ ได้ แล้วก็เป็น ความดีที่ดีมากเลย แล้วก็ไม่ได้ผิดสิกขาบทอะไร เพราะว่าไม่ได้เป็นพระภิกษุถูกไหม ก็มีการศึกษาเผยแพร่ คุณสุคินช่วยเล่าว่า ในกลุ่มชาวต่างประเทศที่ศึกษาพระพุทธศาสนากัน เขาศึกษาแต่อย่างไรในกลุ่ม คงมีหลายชาติ
คุณสุคิน มีหลายชาติ อย่างผมคือโชคดีที่อยู่ที่นี่ มีโอกาสมาฟังอาจารย์อย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง แต่ก็มีคนต่างชาติ ซึ่งได้โอกาสฟังหรือว่าเคยได้ฟังจากท่านอาจารย์โดยตรง เมื่อยี่สิบสามสิบปีก่อน พวกเขาไม่สามารถเดินทางมาได้สะดวก หรือมาได้นานๆ ครั้ง สำหรับพวกเขา เขาก็มีกลุ่มสนทนาในอินเตอร์เน็ต ที่ข้อความเขียนไว้ตรงหัวเลยว่า ไปตามพระไตรปิฎก ความเข้าใจของเถรวาท และมีอาจารย์สุจินต์ พวกเขาที่มอดูเรเตอร์ก็มีความเข้าใจแล้วก็มาฟังอาจารย์อยู่เรื่อยๆ และเวลานี้ก็มาฟังที่เมืองไทยอยู่
อย่างเขาก็ทำส่วนของเขา โดยการมีเว็บไซต์นี้ ให้โอกาสคนอื่นที่อาจจะมีการสะสม ได้เผยแพร่ธรรม และผมก็เชื่อว่าเขาก็ทำหน้าที่เขาได้ดีพอสมควร ตัวผมเองมารู้จักอาจารย์ ไม่ใช่ผ่านคนรอบตัวอย่างนี้ ก็ผ่านอินเตอร์เน็ต ขนาดอยู่เมืองไทยก็ผ่านอินเตอร์เน็ต ผมจึงมารู้จักอาจารย์
อ.อรรณพ ก็อาจมีท่านผู้ชมผู้ฟัง ที่ได้ฟังรายการนี้ อาจมีญาติพี่น้อง หรือคนรู้จัก ที่เป็นชาวต่างประเทศ ก็อยากให้คุณสุคินช่วยแนะนำเว็บไซต์ของกลุ่มต่างประเทศสักนิดหนึ่ง
คุณสุคิน ชื่อหลักก็คือ ดัมมะสตาดี้กรุ๊ป dhammastudygroup แล้วก็เขามี dhammastudygroup.org ที่เขาเก็บ hosting ที่สำคัญๆ ที่มีอยู่ในหัวข้อต่างๆ ที่ควรกับการศึกษา และเราเข้าไปดูได้ ชื่อว่า dhammastudy.org ส่วน dhammastudygroup เป็น live discussion เราสามารถส่งคำถาม และรอให้ผู้รู้ให้คำตอบ จึงจะมีการสนทนากันได้ ก็มีตรงนี้
อ.อรรณพ คุณสุคินมีความคิดเห็นอย่างไร ในการที่จะช่วยกันรักษาพระศาสนาเพิ่มเติมอีกไหม ตอนนี้ก็ในเรื่องของการศึกษาธรรม การเผยแพร่ในสื่อต่างๆ ซึ่งเป็นพระธรรมวินัยที่ถูกต้อง
คุณสุคิน ชีวิตเรา การที่เราศึกษาธรรมก็เป็นโชคของเรา เป็นบุญของเรา มาเจอท่านอาจารย์ เราได้ประโยชน์ ชีวิตเราวันๆ เราก็เจอคนเยอะๆ มีอะไรที่เราให้เขาได้ที่เป็นประโยชน์มากกว่าการให้ธรรม เพราะฉะนั้นได้โอกาสเมื่อไร ก็สื่อความเข้าใจตัวเองให้คนทราบ ก็ไม่มีอะไรมีประโยชน์มากกว่านี้แล้ว
อ.อรรณพ ก็ตรงตามพระพุทธพจน์เลย อาจารย์วิชัย ที่พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ถ้าผู้ที่เข้าใจธรรม บอก แสดงธรรมที่เข้าใจนั้น ก็เป็นการที่จะทำให้พระสัทธรรมดำรงอยู่ประการหนึ่ง ถ้าผู้ที่เข้าใจแล้วไม่บอก ไม่แสดง ไม่เผยแพร่ไป ก็เป็นเหตุให้พระธรรมลบเลือนเสื่อมสูญ อาจารย์จักรกฤษณ์ครับ ในการที่เราจะรักษาพระพุทธศาสนาในประเทศไทย จากที่เรารู้ว่าสถานการณ์เป็นอย่างนี้
อ.จักรกฤษณ์ เริ่มอย่างนี้ว่า เริ่มที่ตัวเองก่อนเลยสำหรับผู้ชม ผู้ฟัง เริ่มที่ตัวเองอย่างไร ก็คือหาโอกาสที่จะศึกษาพระธรรมคำสอนที่ตรงตามพุทธพจน์ หรือตรงตามพระไตรปิฎก เราจะรู้ข้อมูลที่ถูกต้องที่สุด เริ่มจากตัวเองว่า ศึกษาให้ละเอียด พิจารณาให้ถี่ถ้วน แล้วเวลาสดับตรับฟัง ก็ต้องใช้เหตุ และผลมากๆ มากกว่าใช้อารมณ์ หรืออุปนิสัย หรือจริตตัวเอง
ซึ่งตรงนี้ในสังคมปัจจุบันจะเป็นเยอะ เพราะอย่างที่เราได้มีโอกาสสนทนาพระธรรมวินัย มีหลายเรื่องที่สังคมส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย ไม่คล้อยตาม แล้วก็อาจจะเกิดความไม่พอใจ แล้วก็กล่าวหาอะไรอย่างนี้ มีเยอะ อย่างเช่นเจอบ่อยว่า การที่เราไปตำหนิภิกษุ ไปตำหนิสงฆ์ นี่คือการทำร้ายพระศาสนา เพราะว่าไปทำให้ท่านเสื่อมเสียชื่อเสียง บางทีก็กล่าวหาว่า นี่เป็นพวกศาสนาอื่น ที่จะมาทำร้ายพระพุทธศาสนา ไปถึงขนาดนั้น
วันนี้เป็นโอกาสที่ดี ที่เราได้คุณสุคิน ซึ่งท่านนับถือศาสนาอื่นมาก่อน ท่านก็ได้ให้ความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้อง นี่คือการช่วยสืบทอดพระสัทธรรมของพระพุทธศาสนา เพราะว่าเป็นการให้ความเห็นที่ถูกต้องที่สุด ความเห็นนั้นอาจจะไม่ถูกใจ หรือว่าไม่ถูกจริต หรือว่าอาจจะไปขัดผลประโยชน์อะไรกับบางกลุ่มบางฝ่าย แต่นั้นเป็นการเกื้อกูลกัน เพราะว่าการที่ละเมิดพระธรรมวินัย โดยเฉพาะท่านที่ปฏิญาณตัวเป็นสมณะ แต่ว่าไม่ได้ประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมวินัย โทษเยอะ โทษมหาศาล ดังนั้นในวันนี้ที่ได้มีการสนทนาก็อธิบายรายละเอียดต่างๆ ให้ได้เข้าใจ ให้ถูกต้อง ก็ไม่ได้ที่จะมาโจมตี หรือจะไม่ได้ที่จะทำให้เกิดความเสียหายกับใคร ผู้ใด แต่เป็นการจรรโลงความถูกต้องของพระพุทธศาสนา ที่ตรงที่สุด
เพราะเท่าที่เราคุยกับคุณสุคิน ก็ได้เนื้อหาที่ตรงมากๆ แล้วท่านอาจารย์สุจินต์ ท่านก็ได้ให้ประเด็นที่ละเอียดลึกซึ้งของพระธรรมวินัย ความเป็นภิกษุอย่างชัดเจน นี้เป็นสิ่งที่มีคุณค่ามากที่สุด ดังนั้นเราชาวพุทธก็ควรที่จะพิจารณาในเนื้อหาที่ถูกต้อง แล้วก็ใช้เหตุใช้ผลเป็นหลักสำคัญ เราก็เริ่มจากตรงนี้ แล้วถ้ามีโอกาสเราก็ช่วยกันเผยแพร่สิ่งที่ถูกต้อง ทำความเข้าใจกับท่านที่ยังเห็นผิด ให้ได้เข้าใจได้ถูกต้อง ก็เป็นการเกื้อกูลเป็นการดำรงพระสัทธรรมให้สืบทอดต่อไป ตรงนี้จะเป็นจุดที่สำคัญเราเริ่มที่ตัวเราเองก่อน
อ.อรรณพ อาจารย์จริยา มีความเห็นอะไรเพิ่มเติม
อ.จริยา ดิฉันคิดว่าทุกคน ที่เมื่อไรเริ่มศึกษาพระธรรม เริ่มที่จะเข้าใจ ก็จะ ศึกษา ตั้งใจศึกษาพระธรรม การที่เราตั้งใจศึกษาพระธรรมแล้ว เมื่อเราเข้าใจว่าเป็นสิ่งที่ดีงาม เราก็ต้องเพียรที่จะให้คนรอบข้าง แล้วก็คนที่เราพบเห็น แล้วเขาสนใจที่จะเข้าใจ ค่อยๆ ให้ความรู้ ดิฉันคิดว่าสิ่งที่เริ่มเป็นประโยชน์มากที่สุดก็คือ เริ่มจากคนที่เราใกล้ชิด และก็เริ่มจากคนที่เราพบปะ เมื่อไรที่เราพบปะคนที่เขาเริ่มสนใจพระธรรม เราก็จะค่อยๆ ให้ความรู้เขา
ซึ่งคิดว่าการให้ความรู้ ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องไปให้ความรู้อะไรกับเขามากมาย เพียงแต่ค่อยๆ สอบถามความเข้าใจของเขา ซึ่งส่วนใหญ่ก็คือเรื่องแรกที่เราพบเป็นประจำ ก็เรื่องการรับเงินรับทองของพระภิกษุ เมื่อไรที่เราพบกับใครที่เขาเริ่มที่จะเห็นว่า น่าที่จะมีประโยชน์ เราก็จะบอก หรือว่าเราทุกคนต้องไปงานศพ เราก็จะเห็นพฤติกรรมอะไรต่างๆ ซึ่งไม่ถูกต้องตามพระธรรมวินัย ถ้าเราสามารถจะเกื้อกูลได้ เราก็ค่อยๆ บอก
ดิฉันคิดว่าพระทุกรูปเท่าที่ดิฉันประสบมา ท่านทราบ เพียงแต่ว่าท่านก็กระทำตามๆ กันอย่างที่คุณจักรกฤษว่า คนส่วนใหญ่ทำอะไร คนส่วนน้อยก็คิดว่าก็ดี แล้วก็อาจจะต้องอัธยาศัยด้วย ก็ไม่มีใครทราบได้ เพราะฉะนั้นสิ่งที่ท่านอาจารย์อรรณพถามก็คือ สำหรับดิฉันเอง ศึกษาพระธรรมให้เข้าใจแล้ว กลุ่มทุกๆ คนที่เห็นว่าพอที่จะเกื้อกูลได้
อ.อรรณพ แล้วก็มุ่งมั่นในการศึกษาพระธรรม เรื่องความเห็นประโยชน์ แล้วก็ไม่ละเลยที่จะอนุเคราะห์สิ่งที่ดีที่สุด สำหรับคนที่เราใกล้ชิดเขาหรือเกื้อกูลได้ ผมก็อนุโมทนาอาจารย์มาก แม้กระทั่งสมาชิกในบ้าน ผมก็เห็นว่าอาจารย์ก็เกื้อกูลเปิดโอกาสให้ได้ยินได้ฟัง ทั้งได้ยิน ได้เห็น ได้ฟัง ทางทีวีบ้าง ทางการฟัง ทางเสียงบ้าง ก็ทำกันไป ส่วนอาจารย์วิชัยเอง ก็เป็นวิทยากร เป็นเจ้าหน้าที่มูลนิธิ ทำเต็มที่หรือยัง
อ.วิชัย การที่จะรักษาพระพุทธศาสนาก็คือ ให้ความจริง และความถูกต้อง ดังนั้นการกล่าวความจริง ไม่ได้เป็นการโจมตีใคร ใช่ไหม แต่ว่าเป็นการชี้แจงว่า สิ่งใดเป็นสิ่งที่ถูกต้อง หรือว่าสิ่งใดเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม กล่าวถึงว่าภิกษุในธรรมวินัย ไม่รับ และไม่ยินดีในเงิน และทอง ก็คือแสดงความจริงว่าภิกษุในธรรมวินัย ไม่รับ และไม่ยินดีในเงิน และทอง แสดงตามความเป็นจริง เพื่อให้คนได้เกิดความเข้าใจว่า พระภิกษุเป็นเพศที่สละ แล้วจะมากลับรับเงิน และทองไม่ได้อีกต่อ
นี่คือการที่จะรักษาความถูกต้อง และเป็นความจริง มิเช่นนั้นพระธรรมคำสอน ก็จะค่อยๆ อันตรธานไป ในยุคต่อๆ ไปการล่วงละเมิดสิกขาบท ก็จะมีมากขึ้น เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อย่างที่เราสนทนากันผ่านมา ใช่ไหม บุคคลคิดว่าสิกขาบทเล็กน้อย ล่วงได้ไม่เป็นไร เดี๋ยวมาปลงอีก แล้วต่อๆ ไปความคิดอย่างนี้เมื่อเกิดแล้ว เห็นไหม แสดงถึงความไม่เคารพในพระศาสดา ถ้าเกิดอย่างนี้เล็กน้อยเพิ่มขึ้นอีก มากขึ้นอีก ต่อๆ ไปก็เพิ่มขึ้นอีกเรื่อยๆ
ดังนั้น ถ้าการที่จะรักษา คือกล่าวให้เกิดความรู้ ความเข้าใจให้ถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นพระภิกษุก็ตาม เริ่มที่จะเห็นคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เริ่มจะเห็นคุณของพระธรรม เริ่มที่จะเห็นคุณของพระอริยสงฆ์สาวก ที่ท่านเหล่านั้น ได้ประพฤติตามพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และบวชเพื่อการที่จะพ้นจากกิเลส เพราะเหตุว่าเป็นสิ่งที่มีโทษ ประทุษร้ายใจของแต่ละบุคคล ก็ต้องด้วยพระธรรมที่สามารถจะนำกิเลสทั้งหลายออกไปได้ และพระวินัยด้วย
ดังนั้นทั้งหมดเป็นการกล่าวคำจริง เพื่อประโยชน์แก่บุคคลที่ฟัง ใครฟังก็ตามเป็นคำจริง ก็พิจารณาดูว่า คำนั้นเป็นคำถูกต้องหรือเปล่า เทียบเคียงกับพระธรรมคำสอนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าแสดงไว้ ว่าถูกต้องไหม เมื่อเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ควรที่จะเปิดเผย ควรที่จะดำรงรักษาไว้ไหม นี่ก็ให้ท่านผู้ชมได้พิจารณาไตร่ตรอง
อ.อรรณพ ผมเชื่อมั่น ไม่ว่าใครจะมาขอร้องอาจารย์ หรือขู่อาจารย์บอกให้พูดสิ่งที่ไม่เป็นวินัยว่าเป็นวินัย อะไรอย่างนี้ หรือสิ่งที่เป็นธรรม ไม่ใช่ธรรม มั่นคง ไม่สามารถที่จะกล่าวเช่นนั้นได้ และที่เรากล่าวแสดงอยู่ทุกวันนี้ ก็คือตามพระธรรมวินัยเท่านั้น ไม่ได้มีจิตที่จะไปมุ่งทำร้ายใคร หรือหวังผลประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น
อ.วิชัย เพราะถ้าเป็นปัญญา ไม่ว่าเกิดกับบุคคลใดก็ตาม จะไม่ผิดเลย ถ้าผิดก็คือไม่ใช่ปัญญา
คุณสุคิน แล้วไม่เห็นแก่ตัวด้วย
อ.อรรณพ เห็นแก่ตัวคือ ไม่อยากจะยุ่งอะไร ปล่อยๆ ไป ชั่วช่างชี ดีช่างสงฆ์ พุทธศาสนก็แล้วแต่ เราก็ศึกษาตัวเองไปละกัน อย่างนั้นก็เป็นความเข้าใจผิด
ท่านอาจารย์ครับ เมื่อสักครู่ อาจารย์จักรกฤษกล่าวถึง การที่มีคนบอกว่า อย่ามาวิพากษ์วิจารณ์กันเองในศาสนาพุทธเลย เดี๋ยวก็เลยไปโทษ เดี๋ยวจะมีศาสนาอื่นเขาก็จะมาทำลายเรา หรืออะไร ไปโทษศาสนาอื่น เพราะฉะนั้นกราบเรียนท่านอาจารย์ว่า แล้วใครที่จะทำลายพระพุทธศาสนาได้ และใครที่จะเป็นผู้รักษาพระพุทธศาสนาได้ และจะรักษาได้อย่างไร
ท่านอาจารย์ คนที่ไม่เข้าใจธรรม เป็นผู้ที่ทำลายพระพุทธศาสนา
อ.อรรณพ ใครก็ตาม
ท่านอาจารย์ แล้วคนที่จะรักษาพระธรรมวินัยไว้ได้ คือเห็นคุณค่าสูงสุดของพระธรรมวินัย
อ.อรรณพ การเห็นคุณค่าสูงสุดของพระธรรมวินัยอย่างไร ท่านอาจารย์จึงได้มุ่งมั่นในการที่จะเผยแพร่
ท่านอาจารย์ สำหรับพระธรรม ก็คือทุกคนรู้ว่า ก่อนที่จะได้ฟังพระธรรม ไม่มีความรู้อะไรเลยทั้งสิ้น ในสิ่งที่มีจริงในชีวิตตั้งแต่เกิดจนตาย แล้วก็จะไม่รู้อย่างนั้นไปตลอด ไม่มีใครที่สามารถที่จะให้ความจริง ให้ความเข้าใจได้เลย แต่อานุภาพของธรรม ธรรมเตชะ แต่ละคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทำให้เกิดสิ่งซึ่งไม่เคยเกิดในสังสารวัฏฏ์ คือความเข้าใจถูกต้องในสิ่งที่มี และรู้ว่าผู้ที่สามารถที่จะรู้ความจริง ที่สามารถจะทรงแสดงความจริงนี้ก็คือ พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
เพราะฉะนั้นไม่มีรัตนะใดเป็นที่เคารพสูงสุด เป็นสิ่งที่มีค่าเหนือสิ่งใด คือสามารถให้ความไม่รู้ ซึ่งเคยไม่รู้นานแสนนานในสังสารวัฎฏ์ แล้วก็มีความเข้าใจในสิ่งที่มี ค่อยๆ ละความไม่รู้ เพราะฉะนั้นประโยชน์สูงสุดก็คือว่า เมื่อมีความเข้าใจที่ถูกต้องแล้ว เห็นคุณค่าแล้วก็ควรที่จะให้สิ่งที่มีค่านั้นกับคนอื่น อย่างที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงพระมหากรุณา ทรงแสดงธรรม และพระภิกษุทั้งหลาย ท่านก็ศึกษาสืบทอด จนมาถึงผู้ที่เข้าใจธรรมได้ตามยุคตามสมัย
เพราะฉะนั้นก็สมควรอย่างยิ่ง ที่จะรักษาพระธรรมวินัยไว้ โดยการศึกษาด้วยความเคารพ ทั้งพระธรรม และพระวินัย เพราะฉะนั้นพุทธบริษัท ก็ร่วมกันที่จะศึกษาให้เข้าใจก่อน เพราะเหตุว่าไม่ใช่คิดว่า พระธรรมวินัยเป็นอย่างนั้นหรืออย่างนี้ โดยที่ว่าไม่รู้เลย แล้วจริงๆ พระธรรมคืออย่างไร และพระวินัยคืออย่างไร เพราะฉะนั้นเมื่อมีคนที่ได้ศึกษาเข้าใจแล้ว ก็ร่วมกัน ช่วยให้คนอื่นได้เข้าใจถูกต้อง กล่าวถึงทั้งพระธรรม และพระวินัย สิ่งใดที่มีความเห็นต่าง ก็นำมาพิจารณา สนทนากัน เพื่อที่จะได้เข้าใจถูกต้อง ว่าอะไรเป็นสิ่งที่ถูก มิฉะนั้นก็รักษาพระธรรมวินัยไว้ไม่ได้
อ.อรรณพ กราบเรียนท่านอาจารย์ได้กล่าวถึงความมั่นคง ไม่หวั่นไหวในการเผยแพร่พระธรรมวินัย แม้จะมีผู้ที่ไม่เห็นด้วย แล้วก็เห็นต่าง แล้วก็มีการแสดงความเห็นนั้นออกมา ก็จะเป็นประโยชน์แก่พวกผมด้วย
ท่านอาจารย์ ทุกคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นสัจจวาจา เพราะฉะนั้นคำที่เรากล่าว เราไม่ได้คิดเอง แต่เราได้ศึกษาแล้ว ฟังแล้ว เข้าใจแล้ว เพราะฉะนั้นก็สามารถที่จะรู้ว่า สัจจวาจาของพระองค์ ใครจะเข้าใจหรือไม่เข้าใจ ก็ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนวาจาของความจริงได้
ด้วยเหตุนี้ ผู้ที่เห็นคุณของการที่จะได้พ้นจากความไม่รู้ และความเข้าใจผิด คิดไปต่างๆ นานาด้วยตัวเอง ก็ควรที่จะเริ่มศึกษา แล้วก็เห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยการเข้าใจพระธรรม เพราะจริงๆ แล้ว ชาวพุทธนี้ที่ไม่เข้าใจธรรม ไม่เห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเลย ไม่รู้ว่าพระองค์เป็นใคร แล้วทรงแสดงธรรมอะไร จากการที่ได้ทรงตรัสรู้อะไร ไม่รู้จักเลยจริงๆ แต่เมื่อได้ศึกษาธรรมแล้ว เห็นพระองค์โดยการเข้าใจธรรม
เพราะฉะนั้นพระคุณมหาศาลของพระองค์ ก็ต่อเมื่อมีความเข้าใจธรรมละเอียดขึ้น ลึกซึ้งขึ้น เห็นพระองค์ ค่อยๆ เข้าใจในความเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อมีความเข้าใจที่ถูกต้อง แล้วความหวังดี ความเป็นมิตร ตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ได้ทรงบำเพ็ญมาตลอด บุคคลนั้นก็เห็นประโยชน์ของการที่จะดำเนินรอยตามพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อที่จะให้คนอื่นได้เข้าใจถูกต้อง ไม่ใช่เพื่ออย่างอื่นเลย แต่เพื่อความเข้าใจถูกต้อง
อ.อรรณพ การสนทนาพิเศษ ในเรื่อง พระพุทธศาสนาในประเทศไทย ที่เราสนทนากันไปนี้ ก็เป็นประโยชน์ที่จะได้เข้าใจว่า พระพุทธศาสนาที่แท้จริงคืออย่างไร แล้วการที่จะธำรงรักษาพระธรรมคำสอน ซึ่งมีคุณค่าสูงสุด เพราะเป็นไปเพื่อที่จะทำให้พ้นภัยทั้งหลาย ไม่ต้องมาพบกับภัยทั้งหลายอีกต่อไป เป็นสิ่งที่สุดจะล้ำค่า ด้วยการศึกษาพระธรรมวินัยที่ถูกต้อง แล้วก็เผยแพร่ตามฐานะที่เป็นไปได้ ก็จะเป็นการธำรงรักษาพระพุทธศาสนาให้ยืนยงเท่าที่จะเป็นไปได้ ไม่ใช่เฉพาะในประเทศไทย ในที่ต่างๆ ที่มีจิตที่ประกอบด้วยปัญญา ที่เข้าใจพระธรรม
วันนี้ก็ขอกราบอนุโมทนาขอบพระคุณท่านอาจารย์วิทยากรทุกท่านนะครับ และเราก็คงจะได้มีโอกาสกลับมาสนทนาพิเศษ ในหัวข้อที่เป็นประโยชน์อย่างนี้อีกต่อไปครับ สวัสดีครับ