กุศลที่ประกอบด้วยปัญญา


    ผู้ถาม ถ้าพูดถึงเรื่องสภาพธรรมในชีวิตประจำวันจริงๆ เป็นอย่างไร และก็จะรู้จักตัวจริงเขาได้อย่างไร

    สุ. วันนี้เราก็พูดกันถึงเรื่องกุศลจิตซึ่งนานๆ ก็จะเกิด นานๆ ที่นี่ไม่ได้หมายถึงว่าไม่ได้เกิดเลย แต่หมายถึงว่าเกิดน้อยกว่าอกุศล แม้อย่างนั้นก็ไม่รู้ใช่ไหมว่าขณะไหนเป็นกุศล ขณะไหนเป็นอกุศล

    ผู้ถาม ถ้าโดยรวมแล้วรู้

    สุ. โดยรวมหมายความว่ายังไงคะ

    ผู้ถาม ในขณะที่ผมหยิบแก้วน้ำหรือตักน้ำไปให้ใครรับประทาน รู้ว่าการกระทำอย่างนี้เป็นกุศล เป็นสิ่งที่ดี เป็นประโยชน์กับผู้รับ

    สุ. เรียกชื่อหรือเปล่าขณะนั้น

    ผู้ถาม ถ้าพูดถึงสภาพธรรมที่อาจารย์ได้อธิบายให้ผมได้เข้าใจเป็นพื้นฐาน ในขณะที่เรียกชื่อ ขณะนั้นไม่ใช่สภาพธรรมตัวจริง

    สุ. แต่ขณะที่คุณประทีปช่วยเอาแก้วน้ำไปให้คนอื่นจะต่างกับขณะซึ่งไม่ได้ทำอย่างนั้นหรือเปล่า

    ผู้ถาม ต่างครับ

    สุ. เพราะฉะนั้นเป็นลักษณะของสภาพจิตซึ่งต่างกัน และก็เป็นประโยชน์กับคนรับไหม

    ผู้ถาม ป็นประโยชน์

    สุ. เพราะฉะนั้นเป็นสิ่งที่ดีหรือเปล่า

    ผู้ถาม เป็นสิ่งที่ดี

    สุ. นี่คือการที่เราจะเข้าใจลักษณะของสภาพธรรมซึ่งเป็นกุศล เป็นสิ่งที่ดี ขณะนั้นมีความเป็นมิตร มีการที่จะให้ประโยชน์สุขแก่บุคคลอื่น ขณะนั้นก็เป็นจิตที่เป็นกุศลประเภทหนึ่ง

    ผู้ถาม ถ้าอย่างนั้นในชีวิตประจำวัน เรื่องราวที่เป็นคนนั้นดี คนนี้ไม่ดี เราทำกุศล เราทำบาป ทำบุญ ขณะนั้นก็เป็นเรื่องราวของสภาพธรรมที่กำลังคิดใช่ไหมครับ

    สุ. ค่ะ เพราะฉะนั้นคุณประทีปจะรู้ได้ถ้ามีคนบอกว่าคุณประทีปทำอย่างนั้นไม่ดี คุณประทีปเชื่อหรือเปล่าว่าไม่ดี หรือว่าสภาพจิตที่ดีเกิดขึ้นจึงได้เป็นอย่างนั้น

    ผู้ถาม ลักษณะของสภาพธรรมที่ไม่ดีเกิดขึ้นจึงกระทำอย่างนั้นหรือไม่ทำอย่างนั้น

    สุ . ขณะที่ช่วยเป็นสภาพธรรมหรือเป็นจิตที่ดีงามหรือเปล่า

    ผู้ถาม ถ้าพูดถึงขณะที่ช่วยก็เป็นสภาพธรรมเป็นจิตที่ดีงาม

    สุ. เพราะฉะนั้นถ้ามีความเข้าใจอย่างนั้น คุณประทีปก็สามารถที่จะเข้าใจได้ว่าวันนี้มีกุศลอะไรบ้าง หรือว่าต้องไปเรียนเรื่องทานเรื่องศีลมาก่อนถึงจะรู้ว่าขณะนั้นเป็นกุศล

    ผู้ถาม ในขณะที่พูดถึงว่าการกระทำที่เอาน้ำไปให้ผู้อื่นทานเพื่อเป็นประโยชน์ของผู้อื่นเป็นสิ่งที่ดีจริง แต่มันเป็นเรื่องเป็นราวยาว

    สุ. แล้วมีจิตไหมขณะนั้น

    ผู้ถาม มีครับ

    สุ. เป็นจิตที่ต่างขณะกับที่ไม่ทำอย่างนั้นหรือเปล่า

    ผู้ถาม มีครับ

    สุ. เพราะฉะนั้นจิตทั้งสองขณะนี้ต่างกัน อย่างไหนเป็นประโยชน์กับคนอื่น อย่างไหนไม่เป็นประโยชน์กับคนอื่น แล้วเราก็ใช้คำว่า “เป็นกุศล” เพราะเหตุว่าเป็นจิตที่ดีงาม เพราะฉะนั้นเราไม่ได้ไปนึกถึงชื่อเสียก่อน แล้วก็มาตัดสินว่าขณะนั้นจิตเราเป็นกุศลเพราะว่าเรากำลังทำสิ่งที่เป็นประโยชน์กับบุคคลอื่น จิตนี่เราสามารถที่จะเข้าใจได้แม้ในขณะที่กำลังทำสิ่งนั้นว่าทำด้วยจิตที่ดีงาม หรือทำด้วยจิตที่ไม่ดีงาม ถ้าใช้คำว่า “กุศล” นี่ดูจะยาก แต่ถ้าใช้ภาษาไทยว่าดีหรือไม่ดีอาจจะเข้าใจได้ อย่างความดีกับความชั่ว ถ้าเราคิดถึงกุศลหรือใช้คำว่า “กุศล” บางคนอยากจะได้กุศล แล้วถ้าถามว่าจิตขณะนั้นดีหรือเปล่า อาจจะตอบไม่ได้ หรืออาจจะไม่ต้องการให้จิตที่ดีเกิดขึ้น แต่อยากได้กุศล

    เพราะฉะนั้นจริงๆ ก็คือว่าให้เข้าใจสภาพของจิตว่าจิตที่เป็นกุศลต่างกับจิตที่เป็นอกุศล แล้วจะรู้ได้อย่างไร โดยชื่อเราฟังมาว่าขณะใดที่เป็นการให้สิ่งที่เป็นประโยชน์สุขแก่บุคคลอื่น เป็นทานกุศล แต่สภาพของจิตในขณะที่ให้ เราต้องรู้ด้วยว่าขณะนั้นต่างกับขณะที่ไม่คิดถึงประโยชน์สุขของบุคคลอื่น ด้วยเหตุนี้การให้เพื่อประโยชน์สุขแก่บุคคลอื่นจึงเป็นกุศล หมายความถึงว่าเป็นจิตที่ดีงาม ญาณสัมปยุตต์ก็ประกอบด้วยความเห็นถูก ความเข้าใจถูก กุศลนั้นประกอบด้วยปัญญา ถ้าไม่ประกอบด้วยปัญญาก็เป็นอีกคำหนึ่งคือญาณวิปยุตต์ไม่ประกอบด้วยปัญญา แต่ไม่ต้องกังวล ถ้ามีความเข้าใจแล้วจะค่อยๆ จำได้

    เพราะฉะนั้นขณะนี้ขอถามว่ามีใครมีกุศลจิตที่ประกอบด้วยปัญญาบ้าง ก็แสดงให้เห็นว่าขณะที่กำลังฟังก็เป็นผู้ที่ตรงที่จะรู้จักคำที่ได้ยินได้ฟังเพิ่มขึ้นด้วยความเข้าใจ ไม่ใช่เพียงแต่จำว่ามีเท่าไหร่ และก็ชื่ออะไร เพราะฉะนั้นขณะใดที่มีความเข้าใจ ขณะนั้นไม่ใช่เราก็เป็นจิตประเภทที่ไม่ใช่เห็น ไม่ใช่ได้ยิน เพราะเห็นได้ยินเข้าใจอะไรไม่ได้ เป็นจิตที่เพียงมีสิ่งที่กำลังปรากฏให้เห็นเท่านั้นเอง แต่ว่าเมื่อมีการฟัง และก็มีความเข้าใจขณะนั้นต้องเป็นจิตที่ดีงาม ไม่มีอกุศลเจตสิกเกิดร่วมด้วย ถ้าจะใช้เป็นภาษา เป็นเรื่องราวก็มีเรื่องอีกเยอะ แต่ว่าตามความเป็นจริงความเข้าใจเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ความเข้าใจถูกต้องในสิ่งที่มีจริงๆ จากการฟัง ขณะนั้นจะเป็นจิตที่ไม่ดีได้ไหม ไม่ได้ เป็นจิตที่ดีนี่แน่นอน เริ่มเข้าใจความหมายของกุศล แล้วเมื่อมีความเข้าใจๆ นั้นไม่ใช่เรา เป็นสภาพธรรมอย่างหนึ่งซึ่งไม่ได้เกิดบ่อย ขณะที่ให้ทานก็เป็นกุศลจิต เป็นจิตที่ดีงาม แต่มีความเข้าใจอะไรในขณะนั้นหรือเปล่า ถ้าไม่มี ขณะนั้นก็เป็นกุศลที่ไม่ได้ประกอบด้วยปัญญา แต่ขณะนี้กำลังฟังเรื่องธรรม เป็นกุศลจิตผ่องใส ไม่ได้มีโลภะ โทสะ ในรูป ในเสียง ในกลิ่น ในรส ในโผฏฐัพพะ ไม่ได้อยากได้อะไร ไม่ได้โกรธอะไร แต่ว่ากำลังฟัง และมีความเข้าใจด้วย เพราะฉะนั้นขณะใดก็ตามที่มีความเห็นถูก ความเข้าใจถูก ขณะนั้นต้องเป็นกุศล และต้องประกอบด้วยปัญญาด้วย


    ที่มา ...

    พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 223


    หมายเลข 11048
    31 ส.ค. 2567