มีเราที่จะออกนอกทาง


    ผู้ถาม ลักษณะของสิ่งที่ปรากฏนั้น ไม่ปรากฏเลย ท่านอาจารย์จะช่วยกรุณาแนะนำอย่างไรบ้าง

    สุ. ที่จริงต้องพิจารณาสิ่งที่ได้ยินได้ฟัง ฟังให้เข้าใจ อันนี้สำคัญที่สุด จริงอยู่กุศลดีกว่าอกุศล ทุกคนเห็นประโยชน์ของกุศลแต่ว่าบังคับไม่ได้ เพราะฉะนั้นทุกคนฟังให้เข้าใจ และเมื่อเข้าใจแล้ว ความเข้าใจก็เพิ่มขึ้น และเมื่อขณะใดที่เข้าใจขณะนั้นก็ละความไม่รู้ การที่เคยยึดถือสภาพธรรมนั้นว่าเป็นเรา ก็ค่อยๆ รู้ลักษณะ ซึ่งลักษณะที่แท้จริงไม่ใช่เราเลย ลองคิดดู เพียงเป็นสิ่งที่ปรากฏทางตา เป็นใคร เป็นเราหรือเป็นอะไรในเมื่อเพียงปรากฏ นี่แสดงให้เห็นความห่างไกลของความรู้กับความไม่รู้ซึ่งก็ต้องฟังไปเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นไม่ใช่ฟังแล้วให้ไปทำอะไรเลยทั้งสิ้น ขณะที่ฟังก็เข้าใจสิ่งที่ได้ฟัง เมื่อฟังอีก ปัญญาก็เข้าใจอีก ก็เป็นการอบรมเจริญปัญญา แต่ถ้าคิดที่จะไปทำอย่างอื่น หลังจากที่ฟังแล้วก็คือว่าไม่ได้มีความมั่นคงในความเห็นว่าสภาพธรรมเป็นอนัตตา มีตัวตนแทรกเข้ามาอีกไหม แล้วจะทำยังไงให้รู้จริงๆ เป็นอนัตตาก็คือฟังยังไงก็มีความเป็นเราที่จะทำให้รู้จริงๆ ว่าเป็นอนัตตา แต่ไม่ใช่ว่าเข้าใจจริงๆ ว่าเป็นอนัตตา แล้วก็ขณะนั้นอะไรจะเกิดก็เพราะอนัตตา ไม่ใช่มีเราไปจัดการอยากจะให้เป็นอย่างนั้นหรือเป็นอย่างนี้ ถ้าเป็นอย่างนั้นปัญญาไม่สามารถจะเห็นถูกเลยในลักษณะของสิ่งที่ปรากฏ เพราะมีตัวเรากำลังพยายามทำ ไม่ใช่เป็นการอบรมเจริญปัญญาความเข้าใจถูก ความเห็นถูกในลักษณะของสภาพธรรม เพราะฉะนั้นแม้ว่าจะเป็นเรื่องของกุศลที่เราจะรู้ว่ามีหลายประเภทระดับต่างๆ ก็จริงอยู่ แต่ขณะใดเป็นกุศล ขณะใดเป็นอกุศล นี่คือขณะที่กำลังฟังเข้าใจนี้แหละเป็นกุศลที่ประกอบด้วยปัญญา และถ้ามีความเข้าใจมั่นคงจริงๆ ก็ไม่หวั่นไหวเพราะรู้ว่าอกุศลต้องเกิดแน่นอน มีใครที่ไม่มีอกุศลเกิดแต่เพราะความไม่มั่นคง พออกุศลเกิดก็เดือดร้อน จะทำอย่างอื่น จะบังคับบ้างหรืออะไรบ้าง แต่ว่าความเป็นจริงขณะนั้นแสดงความเป็นอนัตตาให้เห็นไม่ใช่เพียงขั้นฟัง และก็จำว่าเป็นอนัตตา แต่ไม่ว่าเป็นสภาพธรรมใดปรากฏทั้งหมดนั่นคือกำลังแสดงความเป็นอนัตตา เพราะฉะนั้นปัญญาสามารถที่จะเข้าถึงความเป็นอนัตตาของสภาพธรรมที่ปรากฏเพราะเกิดแล้วมีลักษณะเฉพาะแต่ละอย่าง ด้วยเหตุนี้จึงต้องเป็นสติสัมปชัญญะเท่านั้นที่สามารถจะรู้ความจริงของสภาพธรรมได้

    ผู้ถาม เป็นความละเอียดของสภาพธรรมที่เกี่ยวกับเรื่องลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ เพราะว่ามันปรากฏสืบเนื่องอยู่ตลอดเวลา ทั้งๆ ที่หลีกเลี่ยงที่จะกล่าวว่าจงใจหรือตั้งใจที่จะอย่างนั้นอย่างนี้

    สุ. หลีกเลี่ยงอะไร หลีกเลี่ยงความจริง แต่ความจริงคือกำลังหลีกเลี่ยงซึ่งไม่ใช่เรา

    ผู้ถาม ตอนแรกก็คิดว่ากระผมเป็นคนดีมากพอสมควรเพราะว่าในขณะ นี้ที่จะว่ากล่าวคนอื่นตรงๆ ก็น้อยลง แต่ในใจก็ยังมีลักษณะของสภาพธรรมที่ขุ่นมัว ที่ขุ่นข้องเลย ไม่พอใจ ลักษณะนี้ห้ามไม่ได้เพราะเขาเกิด เขาปรากฏ

    สุ. มีใครบอกให้คุณประทีปห้ามหรือเปล่า

    ผู้ถาม ไม่มีครับ

    สุ. เพราะฉะนั้นเลิกคิดที่จะห้าม แต่รู้ว่าขณะนั้นเป็นธรรมที่เกิดแล้วเพราะมีเหตุปัจจัย และเป็นอนัตตาด้วย นี่คือสิ่งที่จะต้องเข้าใจไปทุกชาติให้มั่นคงขึ้น มิฉะนั้นก็จะมีเราที่จะออกนอกทางคือไปทำด้วยความเป็นตัวตน


    ที่มา ...

    พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 225


    หมายเลข 11112
    31 ส.ค. 2567