ความหวัง


    ความหวังมีมากมายมหาศาลทั้งที่หยาบ และละเอียดเหมือนห้วงน้ำใหญ่ หวังแม้กระทั่งปัญญา แต่ปัญญาก็สะสมไปที่จะละคลายความหวังได้ เพราะมีความเข้าใจโดยไม่หวัง


    ท่านอาจารย์ เข้าใจโดยไม่หวัง ได้หรือไม่ เพราะว่าต่อท้ายก็คือหวังทั้งนั้นเลย เมื่อไรรู้ว่าห้ามหวังไม่ได้ มาอีกชั้นหนึ่งแล้ว ถึงจะหวังอย่างไรก็หมดแล้ว เป็นเรื่องที่ความไม่รู้ทั้งหมดเลย ที่ปัญญาค่อยๆ รู้จริงๆ ทีละเล็กทีละน้อย นี่คือปัญญา

    อ.วิชัย ความติดข้องเหมือนกับรอบด้านไปหมดเลย แม้แต่จะฟังอย่างนั้น ถ้ามุ่งหวังอย่างเพียงนิดหน่อยก็เป็นโลภะแล้ว

    ท่านอาจารย์ เดี๋ยวนี้ คุณวิชัย และทุกคนอยู่ที่ไหน

    อ.วิชัย อยู่ที่มูลนิธิ

    ท่านอาจารย์ เมื่อสักครูว่ารอบข้าง ก็ต้องอยู่ท่ามกลางมหาสมุทร ถูกหรือไม่ ทิฏโฐฆะ เห็นไหม ทุกคำจริง แต่ว่าเราก็ผ่านทุกคำไป แปลได้ จำได้ เรียกได้ นับได้ แต่พอพูดอย่างนี้ ย้อนถามว่าคืออะไร อยู่ที่ไหน ก็อยู่ท่ามกลางทะเลของความเห็นผิด โอฆะ ห้วงน้ำใหญ่ของความเห็นผิด ยาก ยากจริงๆ เมื่อเข้าใจพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ และทรงแสดง ให้เห็นถึงพระปัญญาคุณของพระองค์ ใครจะคิดออก ไม่มีทาง

    เพราะว่าแม้แต่จะเพียงเข้าใจธรรมที่ทุกคนกำลังมีอยู่ขณะนี้ ฟังเท่าไรก็ยังยาก แค่นี้ปริยัติ ปฏิปัตติจะเท่าไร กว่าจะถึงปฏิเวธ เป็นเรื่องละ ไม่ใช่ว่าฟังแล้วหวัง ทั้งๆ ที่หวังเกิด ก็ต้องรู้อีกว่า ขณะนั้นก็แค่เป็นธรรมอย่างหนึ่ง กำลังเข้าใจไม่หวัง แต่ว่าแล้วก็หวัง และความหวังนี้จะตามไปตลอด ไม่ว่าระดับไหนทั้งสิ้น คิดว่ามีปัญญามากแล้ว จะไม่มีความหวัง ไม่ใช่เลย ความหวังยิ่งละเอียดลงไปอีก

    อ.วิชัย เหมือนกับว่าเป็นการสะสม จนเป็นการเสพคุ้น จนเป็นความเคยชินเหมือนกับที่พระธรรมคำสอนที่จะแสดงถึง ห้วงน้ำที่แวดล้อมบุคคลนั้นไว้ทั้งหมดเลย

    ท่านอาจารย์ สะสมก็ถูกต้องแล้ว พูดแต่ละคำก็จริงทั้งนั้น แต่ก็ต้องรู้ว่าการสะสมก็ไม่ใช่เรา กำลังสะสม ไม่รู้ตัวเลย ว่าแท้ที่จริงทุกคำที่เข้าใจกำลังสะสม ไม่มีใครไปทำอะไรได้เลยสักนิดเดียว เป็นเรื่องของสภาพธรรมทั้งหมด สะสมเมื่อไร ก็เมื่อกำลังเข้าใจ แต่ละหนึ่งๆ ขณะนั้น สะสมแล้ว หรือใครจะไปสะสม ทั้งหวัง ทั้งผิด อยู่ตลอดเวลา ทิฏโฐฆะ อวิชโชฆะ กาโมฆะ ภโวฆะ หมด ปัญญาต้องละเอียดแค่ไหน ไม่ว่าจะปัญญาระดับไหน หวังระดับไหน ถ้าไม่รู้ ปัญญาก็ไม่สามารถที่ละได้

    อ.อรรณพ เพราะความหวัง หวังได้แม้กระทั่งปัญญา

    ท่านอาจารย์ มากๆ เลย คำถามทั้งหมดเมื่อสักครู่นี้ หวังอะไร

    อ.อรรณพ สำหรับคนที่เขาไม่ได้ฟังธรรม เขาก็มีความหวังในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ส่วนผู้ฟังธรรมแล้ว ก็ยังมีความหวังในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ แล้วก็ยังแถมมีความหวังในกุศล ในปัญญาเข้าไปอีก แล้วอย่างนี้ จะไม่แย่กว่าคนที่เขาไม่ฟังธรรมหรือ

    ท่านอาจารย์ อะไรสะสม

    อ.อรรณพ ความหวังก็สะสม ปัญญาก็สะสม

    ท่านอาจารย์ ถูกต้องหรือไม่

    อ.อรรณพ ใช่

    ท่านอาจารย์ ดีกว่า ไม่มีปัญญาสะสมเลย ถ้าไม่หวังจะเห็นได้เลยว่าไม่มีเครื่องกั้น เพียงแค่ฟังเข้าใจเท่านั้น แล้วทุกอย่างก็เป็นปกติ ตามเหตุตามปัจจัย ไม่ต้องทำอะไรเลย ความหวังจะเกิดหรือว่าปัญญาจะเกิด หรือว่าจะคิดอย่างไร อะไรทั้งหมด ไม่ต้องห่วงใยอะไรทั้งสิ้น ต้องมีปัจจัยเกิดก็เกิด จะหวังไม่ให้เกิดก็ไม่ได้ จะหวังให้เกิดก็ไม่ได้ เดี๋ยวนี้ทั้งหมดทุกขณะ เกิดเพราะเหตุปัจจัย ไม่เว้นเลยสักขณะเดียว แล้วยังทรงแสดงปัจจัยไว้มากมายด้วย เพื่ออะไร เพื่อให้ค่อยๆ ละความติดข้อง แม้ในขั้นปริยัติว่าใครก็ทำอะไรไม่ได้ ฟังทั้งหมดแล้วก็เพื่อมีความเข้าใจเมื่อไร ละความหวัง ไม่ต้องหวังนิพพาน ไม่ต้องหวังวิปัสสนาญาณ ไม่ต้องหวังสัมมาสติ ไม่ต้องหวังอะไรหมด เข้าใจ เป็นปัจจัยที่จะทำให้สิ่งนั้นๆ เกิดขึ้นเอง เพราะเหตุปัจจัยที่ได้สะสมไว้

    อ.อรรณพ ความหวังเฉพาะหน้า หรือความหวังในขณะนี้ อยากจะเข้าใจธรรมที่ฟัง ขั้นฟังให้มากๆ

    ท่านอาจารย์ เมื่อไรจะรู้ว่าขณะนั้นไม่ใช่เรา เท่านั้นเอง ไม่มีหน้าที่อื่นใดทั้งสิ้น จะไปคิดอย่างไร จะไปขวนขวายอย่างไร จะพยายามวิธีไหนก็ตาม เป็นไปไม่ได้ นอกจากขณะนั้นละความหวัง เพราะเข้าใจขึ้น แล้วอะไรก็ละไม่ได้ ยังคงหวังไป จนกว่าปัญญาค่อยๆ เข้าใจขึ้น ก็จะเป็นปกติ ก็แล้วแต่สภาพธรรมใดจะเกิดขึ้น

    อ.อรรณพ ปัญญาที่ละเอียดขึ้น ที่จะค่อยๆ ละคลายความหวังจนไปถึงการดับความหวังนั้น ปัญญาละเอียดขึ้นอย่างไร จึงเป็นลักษณะของปัญญาที่ละเอียดขึ้น

    ท่านอาจารย์ ได้ยินคำว่าความอดทนหรือไม่

    อ.อรรณพ ได้ยิน

    ท่านอาจารย์ ความอดทนแค่นี้ กับการอดทนของขันติญาณ ระดับของถึงขั้นปัญญา ที่อดทนต่อการที่จะเข้าใจหมดเลย ในสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ เว้นได้หรือไม่ แต่ละหนึ่ง ใครบอกให้เว้น ใครมาบอกให้เว้นก็ผิดแล้วใช่หรือไม่ การฟังธรรมจึงต้องละเอียดรอบคอบ ลึกซึ้งอย่างยิ่ง ใครมาบอกให้เว้นเป็นไปไม่ได้ เดี๋ยวนี้ไม่ต้องรู้ว่าได้ยินไม่ใช่เรา เป็นนามธรรม เดี๋ยวนี้แม้คิดแม้อะไรทั้งหมดทุกอย่างในชีวิตประจำวัน ถ้าไม่มีความเข้าใจทั้งหมด ดับกิเลสไม่ได้ เพราะดับทิฏฐานุสัย ทิฏฐิซึ่งเกิดจากการเข้าใจผิด ว่าเป็นเราหรือว่าเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดมานานแสนนาน ยังคงติดตามไปจนถึงวิปัสสนาญาณ จนกว่าขันติญาณอย่างอ่อน ยังไม่ถึงอย่างกลาง ยังไม่ถึงอย่างคมกล้า ที่มีกำลัง เป็นเรื่องของการฟังเพื่อละความไม่รู้ แล้วก็ไม่ต้องหวังอะไรเลย เพราะว่าถ้ามีความเข้าใจจริงๆ ความเข้าใจจริงๆ นั้นไม่หวัง เพราะรู้ว่าหวังไม่ได้ แล้วแต่ขณะไหนมีปัจจัยอะไรจะเกิด ก็กำลังเกิดเดี๋ยวนี้


    หมายเลข 11143
    27 มี.ค. 2567