พระคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงมีพระคุณอย่างไร และจะเห็นในพระคุณของ พระองค์ได้อย่างไร
ท่านอาจารย์ ถ้าไม่เข้าใจธรรม ไม่รู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่ได้ยินคำว่า เห็นขณะนี้มีจริง เกิดขึ้นจึงมีจริง เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป ถ้าไม่รู้ความจริงอย่างนี้ จะแสดงความจริงได้อย่างนี้หรือไม่ สิ่งใดที่ได้ตรัสแล้ว สิ่งนั้นเป็นความจริง ที่สามารถที่จะอบรมความเข้าใจถูกต้อง ตามพระองค์ ที่ได้ทรงบำเพ็ญพระบารมี ในครั้งที่เป็นพระโพธิสัตว์ ยังไม่มีการรู้แจ้งอริยสัจธรรมก็มีการฟังเข้าใจ
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นี้ เมื่อครั้งเป็นพระโพธิสัตว์ก็ออกบวช แต่ว่ายังไม่รู้แจ้งสภาพธรรมตามความเป็นจริง ทั้งๆ ที่เป็นพระโพธิสัตว์ พระโพธิสัตว์คือใคร โพธิคือปัญญา ความรู้ สัตว์คือผู้ข้อง คนอื่นข้องเรื่องอื่น ติดข้องเรื่องอื่น สัตวโลก แต่ว่านี่เป็นพระโพธิสัตว์ ข้องในการที่จะรู้ความจริง ต่างกับคนอื่นในปัจจุบันนี้ก็ได้ คนที่ไม่ได้สนใจอะไรเลย กับคนที่เริ่มคิด ซึ่งต่างกับคนอื่นที่คิดเรื่องอื่น แต่ท่านผู้นี้ คิดที่จะรู้ความจริงของสิ่งที่มีจริง ว่าสิ่งที่มีจริงต้องรู้ได้ เพราะมีจริงๆ และก็รู้ได้ เพราะเหตุว่าต้องมีการเกิดขึ้น และก็เปลี่ยนแปลง ตั้งแต่เกิด แก่ เจ็บ ตายอย่างหยาบๆ ให้รู้ว่าทุกอย่างไม่เที่ยง แต่ว่าถ้าไม่เที่ยงเพราะเกิด แล้วก็แก่ แล้วก็เจ็บ แล้วก็ตาย ทุกขณะนี้ต้องไม่เที่ยงด้วย นี่เป็นการไตร่ตรองการได้ฟังพระธรรม ชาติแล้วชาติเล่า กว่าจะถึงการรู้แจ้งเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระคุณมหาศาล ที่ว่าในสากลจักรวาลกี่โลกก็ตาม แม้แต่พรหมโลก กามโลก มนุษย์โลก โลกไหนๆ ทั้งสิ้นจะมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพียงพระองค์เดียว
นี่คือความยิ่งใหญ่ ของผู้ที่มีพระอัธยาศัยใหญ่ ผู้ที่ฟังเห็นความลึกซึ้ง ก็ขอเพียงได้เข้าใจธรรม แต่ไม่ใช่ผู้ที่จะตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะว่ายากแสนยาก ที่จะบำเพ็ญพระบารมี แม้แต่มีผู้บอกว่า ถ้าจักรวาลทั้งหมดเป็นไฟที่ลุกไหม้ จะข้ามไปไหม ข้าม เพื่ออะไร เพื่อคนที่ไม่รู้ อย่างที่เขาคือพระโพธิสัตว์ไม่รู้ จะได้รู้ เมื่อมีผู้ที่ตรัสรู้ความจริง ซึ่งรู้ยาก นี่คือพระมหากรุณาธิคุณ เมื่อครั้งที่บำเพ็ญพระบารมี แล้วก็เมื่อได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว พระมหากรุณาสมาบัติ เมื่อตื่นจากบรรทมแล้ว ตรวจดูสัตว์โลก ว่าใครที่สามารถจะเข้าใจธรรมได้ อยู่ไหน ไกลแค่ไหน ไม่ว่าจะลำบากสักเพียงไร ก็เสด็จไปเพื่อที่จะอนุเคราะห์ แม้เขาจะอยู่ในโรงวัวหรืออะไรก็ตามแต่ ซึ่งไม่เป็นที่ๆ ใครคิดว่าจะไปเลย ก็ไป ไม่คิดถึงพระองค์ เป็นพระมหากรุณายิ่งใหญ่ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แม้แต่สาวกคนสุดท้าย ที่เป็นพุทธเวไนย เมื่อได้ฟังคำของพระองค์แล้ว เขาจะได้ดับกิเลสถึงความเป็นพระอรหันต์ จากพระนครเวสาลีซึ่งประชวร เสด็จไปสู่เมืองกุสินารา ตลอดทางตามลำดับ แสดงพระธรรมให้คนที่มาเฝ้าได้เข้าใจ นี่ก็แสดงถึงว่าพระมหากรุณาเมื่อเริ่มที่ตรัสรู้ ทันทีที่ตรัสรู้นั้น ไม่น้อมพระทัยที่จะทรงแสดง เพราะความลึกซึ้ง เอาประโยคนี้ไปทิ้งไว้ที่ไหน ที่จะไม่ไตร่ตรองว่า ธรรมลึกซึ้งแค่ไหน ต้องเข้าใจแค่ไหน ต้องละความไม่รู้ และกิเลสทั้งหลายแค่ไหน กว่าสามารถที่จะรู้ความจริงของทุกคำ ที่ได้ฟังจากผู้ที่ได้ทรงตรัสรู้ ซึ่งสมควรอย่างยิ่ง ที่จะช่วยกันดำรงรักษาคำสอนนี้ให้ยั่งยืน สำหรับคนที่เขาสามารถจะเข้าใจได้ แม้เพียงเล็กน้อยก็ยังดีกว่า ที่จะไม่ได้ยิน ได้ฟังคำที่ถูกต้องเลย
ด้วยเหตุนี้ไม่มีใครสามารถที่จะกล่าวถึงพระคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เลย นอกจากพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น ต้องถึงความเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยกัน ถึงจะรู้คุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ ใครอื่นก็ตามที่จะรู้ ก็เพียงเล็กน้อยตามกำลังของปัญญา ผู้ที่เป็นปุถุชนหนาแน่นด้วยกิเลส ไม่เคยฟังธรรม ไม่เห็นค่าของพระธรรมแต่ละคำเลย ก็ไม่ฟัง แต่ผู้ที่เริ่มเห็นค่า เริ่มรู้ว่าเป็นคำที่ยากที่จะได้ฟัง เพราะเป็นความจริงซึ่งถูกปกปิด ใครจะรู้ว่าขณะนี้ธรรมเกิดดับอยู่ตลอดเวลา ในความมืดสนิท เพราะธาตุรู้มืด มีเพียงสิ่งเดียวที่เป็นธรรมที่ปรากฏให้เห็นได้ คือสิ่งที่กำลังปรากฏเดี๋ยวนี้ นอกจากนั้นสิ่งที่มีจริง ที่เป็นธรรมทั้งหมดอยู่ในความมืด ความโกรธไม่สว่างเลยใช่ไหม อยู่คนเดียวในถ้ำมืด ก็ยังโกรธ มืดสนิทก็ยังโกรธ ไม่มีอะไรที่จะทำให้เห็นได้ด้วยตา นอกจากสิ่งที่กำลังปรากฏ
ทุกคำมีประโยชน์มาก จะรู้จักพระคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อได้เข้าใจธรรม จากความเป็นผู้ที่ไม่เคยได้ยิน ได้ฟัง แล้วเริ่มได้ฟัง ฟังมากขึ้น เข้าใจมากขึ้น ก็รู้ถึงพระปัญญาคุณ พระบริสุทธิคุณ และพระมหากรุณาคุณ ที่ทำให้ผู้ที่ได้ฟังแล้ว รู้แล้วสืบทอดมาจนถึงเรา และต่อๆ ไปด้วย ถ้ายังมีผู้ที่เห็นคุณที่ยิ่งใหญ่ ไม่ทำลายโดยการที่จะแก้ไขพระธรรมวินัย
ด้วยเหตุนี้ก็สำนึกในพระบริสุทธิคุณ พระปัญญาคุณ พระมหากรุณาคุณ ทั้งหมดมาจากพระปัญญาคุณ จึงได้บริสุทธิ์ จึงทรงพระมหากรุณาด้วยความบริสุทธิ์อย่างยิ่ง ไม่ได้หวังอะไรตอบแทนเลยทั้งสิ้น เขาเป็นขอทานโรคเรื้อนจะไปหวังอะไรจากเขา ใช่ไหม ไม่ได้หวังอะไรเลยจากใครทั้งหมด แม้ดอกไม้ ธูปเทียน เครื่องสักการะ เพียงอย่างเดียวที่บำเพ็ญมา ก็เพื่อให้สัตว์โลกได้รู้ความจริง เพราะฉะนั้นบริสุทธิ์แค่ไหน ก็เป็นสิ่งซึ่ง ยิ่งเข้าใจพระธรรม ยิ่งรู้คุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ฟังมากเท่าไร ก็เข้าใจในความเป็นสัมมาสัมพุทธเจ้ายิ่งขึ้น ใครเป็นผู้ที่มีศรัทธายิ่งในพระศาสนา จะเห็นศรัทธายิ่ง ก็ด้วยความเป็นพระโสดาบัน ตามระดับขั้นของปัญญา จนสามารถที่จะดับกิเลสได้