002 หมู่บ้านรักษาศีล 5
หมู่บ้านรักษาศีล ๕
ที่ มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา
วันอาทิตย์ที่ ๑๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐
ตอนที่ ๒
ท่านอาจารย์ แต่ละคำๆ เช่นคำว่า ศีลคำเดียว ถ้าไม่ศึกษาก็จนปัญญาที่จะตอบ ใช่ไหม เช่น ถามว่ากำลังนั่งอยู่เดี๋ยวนี้เป็นศีลหรือเปล่า ทุกคนได้ยินคำว่า ศีล ชาวพุทธ แต่ถ้าถามว่า เป็นศีลหรือเปล่า ที่กำลังนั่งอยู่เดี๋ยวนี้ ถ้าไม่ศึกษาเลย ตอบได้ไหม
คุณทวีศักดิ์ ไม่ได้
ท่านอาจารย์ ไม่ได้ฟังสักคำ ก็ไม่ได้
คุณทวีศักดิ์ ไม่รู้
ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้นก็ไม่รู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กลับมาที่ศีล ๕ ศีล ๕ คือเดี๋ยวนี้ หมายความถึง กุศลศีล มีไหม
คุณทวีศักดิ์ มี
ท่านอาจารย์ ศีลอะไร
คุณทวีศักดิ์ ศีล ๕ ขณะนี้ ใช่ไหม ก็คือพูดความจริง ไม่พูดโกหก
ท่านอาจารย์ พูดความจริง ถูกต้อง และอะไรอีก
คุณทวีศักดิ์ ขณะนี้ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ว่า อยู่ในบริบทอะไร ในสิ่งแวดล้อมอะไร
ท่านอาจารย์ ที่จริงก็เป็นการเริ่มเข้าใจธรรม ว่าขณะนี้ก็มีสถานการณ์ต่างๆ จิตก็เปลี่ยนแปลงไปต่างๆ เป็นกุศลบ้าง เป็นอกุศลบ้าง เฉพาะขณะที่เป็นกุศลเท่านั้น ที่เป็นกุศลศีล แต่ขณะอื่นทั้งหมด ก็เป็นอกุศลศีล
เพราะฉะนั้นกุศลศีล เป็นไปในอะไร เป็นไปในกุศลแต่ละประเภท เป็นไปในการละเว้นทุจริตก็ได้ ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ประพฤติผิดในกาม ไม่พูดเท็จ ไม่ดื่มสุรา
คุณทวีศักดิ์ ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ก็คือทั้งทางกาย ทางวาจา ทางใจด้วย
ท่านอาจารย์ ทั้งหมด ถ้าไม่มีใจ กาย วาจาจะเป็นไปได้ไหม จะฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ได้ไหม
คุณทวีศักดิ์ ต้นเหตุก็มาจากใจก่อน
ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้นรูป ไม่ใช่ศีล ร่างกาย ไม่ใช่ศีล แต่ใจที่มีความประพฤติเป็นไปให้กายกระทำ ไหวไปกระทำสิ่งต่างๆ หรือแม้แต่คำพูดก็เป็นคำพูดในทางทุจริต หรือในทางสุจริต ก็เป็นกุศลศีล เมื่อเป็นคำพูดที่ถูก ไม่ผิด ถ้าเป็นอกุศลศีล เมื่อเป็นคำพูดที่ไม่ตรง เป็นคำพูดที่เท็จ เพราะฉะนั้นเราจะคิดอย่างไร เรามีศีล ๕ ตลอดเวลาหรือเปล่า
อ.วิชัย เป็นไปได้
ท่านอาจารย์ เป็นไปไม่ได้ เพราะฉะนั้นรักษาศีล ๕ หมู่บ้านศีล ๕ หมายความว่าอย่างไร
คุณทวีศักดิ์ เท่าที่ทราบมา เขาเริ่มต้นกันอย่างนี้ เขาใช้กลไกของวัด กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน คือองค์กรหรือหน่วยงานที่เรียกว่า มีการขับเคลื่อนในเรื่องนี้ ก็มีมหาเถรสมาคม แล้วก็มีสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ว่าวิธีการปฏิบัติ เท่าที่ดูจากเว็บไซต์ ดูจากข้อมูลก็คือว่าให้วัด ให้กำนัน ให้ผู้ใหญ่บ้าน เปิดรับสมัครกับประชาชน ในแต่ละหมู่บ้าน ถ้าหมู่บ้านไหนมีประชาชน มีจำนวนมากกว่าร้อยละ ๕๐ ที่อาศัยอยู่ ก็ให้แจ้งไปที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติก็จะลงทะเบียน ขึ้นทะเบียนไว้ แล้วก็จะมีป้ายหมู่บ้านรักษาศีล ๕ ก็จะมีป้ายไปติดไว้หมู่บ้านนั้น แต่ถ้าขยับขึ้นมาว่า มากกว่าร้อยละ ๘๐ มากกว่าร้อยละ ๕๐ มาเป็นร้อยละ ๘๐ ก็จะมีการมอบโล่เกียรติคุณให้
อ.อรรณพ ร้อยละ ๕๐ ร้อยละ ๘๐ ของอะไร
คุณทวีศักดิ์ ของประชากรในหมู่บ้าน ที่สมัคร
ท่านอาจารย์ สมัครรักษาศีล ๕
อ.อรรณพ สมัครเฉยๆ แล้วจะทราบได้อย่างไรว่า จิตขณะนั้นเป็นกุศลศีล
คุณทวีศักดิ์ เป็นการแจ้งความจำนง
อ.อรรณพ ดูจากการแจ้งความจำนงเท่านั้นเอง แต่ก็ไม่สามารถที่จะเป็นกุศล อะไรที่จะเป็นศีล
คุณทวีศักดิ์ มีเรื่องการศึกษาทำความเข้าใจอะไรกัน แต่ถึงแม้จะมี เขาก็จะแบบกว้างๆ เช่นจะเป็นเรื่องศีลธรรม และวัฒนธรรม เป็นเรื่องของสุขอนามัย เป็นเรื่องของสาธารณูปการ อะไรต่างๆ ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการได้เพิ่มพูนความรู้ในเรื่องของพระพุทธศาสนาอย่างถูกต้อง ที่เรากำลังสนทนากันอยู่
อ.วิชัย เราต้องมีความเข้าใจว่า เหตุที่จะให้ล่วงละเมิดศีล ๕ คืออะไร แล้วก็เหตุที่จะงดเว้น การที่จะไม่ประพฤติล่วงละเมิดศีล ๕ คืออะไร เพราะว่าเรากล่าวถึงความเป็นจริงถึงที่สุด ก็คือธรรมนั่นเอง ดังนั้นถ้าบุคคลใดก็ตาม ถ้าอกุศลเกิดขึ้น อย่างเช่น ยกตัวอย่างเรื่องของการฆ่าสัตว์ หรือเบียดเบียนสัตว์ เกิดจากจิตอะไร พระองค์ก็แสดงตามความเป็นจริงว่า ต้องเกิดจากอกุศลจิต เป็นอกุศลศีล เป็นโทสะที่มีการที่จะคิดประทุษร้ายบุคคลอื่น
เมื่อธรรมเหล่านี้เกิด แล้วแต่กำลังว่าจะมากน้อยแค่ไหน อาจจะขุ่นใจเล็กๆ อาจจะคิดประทุษร้าย โดยที่ยังไม่มีการกระทำทางกาย วาจาก็มี หรือมีกำลังมาก จนที่จะให้ล่วงออกมาทางกาย วาจาก็มี ถึงกับฆ่าก็มี ดังนั้นลึกที่สุด ที่จะเป็นเหตุให้มีการล่วงละเมิดศีล แม้แต่ข้อที่หนึ่ง ก็คืออกุศลจิตที่เกิดขึ้น ซึ่งเกิดจากความไม่รู้
เพราะฉะนั้นต้องเข้าใจความเป็นจริงของธรรม ซึ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแสดงไว้ และการที่จะละได้ ต้องมีธรรมฝ่ายดีงามที่ตรงกันข้ามกัน คือต้องมีความรู้ มีความเห็นถูก มีความเข้าใจถูก ที่จะเห็นว่าสิ่งที่เป็นอกุศลมีโทษ สิ่งที่เป็นกุศลเป็นธรรมที่ดีงาม ดังนั้นการที่จะให้บุคคลอื่น ได้เกิดปัญญา ให้เกิดกุศลจิต ที่จะมีการวิรัติงดเว้น ซึ่งก็ไม่ใช่ตัวเขาเลย แต่ว่าเป็นธรรมที่ดีงาม ถ้าแต่ละบุคคลมีปัญญา มีกุศลธรรม รับรอง เพราะว่าธรรมที่เป็นกุศล จะเป็นไปในการเบียดเบียน หรือเป็นไปในการที่จะฆ่าบุคคลอื่น เป็นไปไม่ได้ ดังฉะนั้นจุดหลักนี้ก็คือว่า ให้บุคคลอื่นได้เกิดความรู้ เกิดปัญญาที่จะเห็นโทษของสิ่งนั้นจริงๆ ที่จะละได้
คุณทวีศักดิ์ ท่านอาจารย์ จุดนี้ยังไม่มีการเริ่มต้นเลย เขาไปเป็นเรื่องเป็นราวแล้ว จะเรียกว่า เพื่อจะให้โครงการเกิดความสำเร็จ หรือบรรลุวัตถุประสงค์ แต่ว่าไม่ได้เกิดจากแท้จริงจากภายในบุคคล หรือว่าในชุมชนนั้นๆ เนื่องจากขาดความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง
ท่านอาจารย์ แล้วเป็นสิ่งที่จะเป็นไปได้ไหม เพราะเหตุว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงธรรม แล้วผู้ที่รักษาศีล ๕ ประพฤติตามก็มี ผู้ที่ไม่ประพฤติตามก็มี และจะไปสมัครกัน พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ไม่ได้รับสมัครใคร มารักษาศีล ๕ แล้วเราเป็นใคร เราจะไปให้ใครมาสมัครรักษาศีล ๕ ทั้งๆ ที่รู้ว่าธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา บอกเขาว่าไม่ให้โกรธ สมัครที่จะไม่โกรธหรือ หรือว่าสมัครที่จะไม่โลภ
เพราะเหตุว่าตราบใดที่ยังมีโลภะ มีความติดข้อง มีความต้องการ ทุจริตคอร์รัปชั่นทั้งหลายทุกวงการ ก็เกิดเพราะความโลภ ความติดข้อง เพราะฉะนั้นจะรับสมัคร ไม่ให้โลภ เป็นไปได้หรือ หรือว่าการเบียดเบียนคนอื่นเพราะโทสะ ไม่ได้มีความเมตตา กรุณา เบียดเบียนเขาได้ ใจขณะนั้นก็ต้องเป็นใจที่เป็นอกุศลอย่างแรง เพราะว่าปกติอกุศลมีทุกวัน แต่ว่าจะถึงระดับที่ทำประพฤติผิดทางกาย ทางวาจาหรือเปล่า ถ้าถึงระดับนั้นแล้ว ใครยับยั้งได้ เพราะเหตุว่าสะสมมาที่จะเป็นอย่างนั้น
มีใครเคยคิดว่าจะฆ่าพ่อ ฆ่าแม่บ้าง แต่ฆ่า เมื่อมีเหตุ เมื่ออกุศลนั้นเกิดขึ้น ใครยับยั้งได้ จะไปสมัครไหม ฆ่าพ่อ ฆ่าแม่ จะสมัครไหม ทุจริตในราชการ สมัครอย่างนั้นหรือ เป็นไปได้ไหม
คุณทวีศักดิ์ เป็นไปไม่ได้
ท่านอาจารย์ เป็นไปไม่ได้ เพราะฉะนั้นก็ไร้ประโยชน์ ถ้ามีงบประมาณที่ต้องใช้ ก็เสียงบประมาณ
คุณทวีศักดิ์ ก็รู้สึกจะมากทีเดียว เพราะว่าโครงการนี้ไปเชื่อมโยง ไปเกี่ยวข้องกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี ตั้งแต่ ๒๕๖๐ ถึง ๒๕๘๐ ซึ่งขณะนี้ก็ผ่านกระบวนการ รวบรวมความคิดเห็นแล้วขั้นที่หนึ่ง ขั้นที่สองก็กำหนดแผนกันแล้ว แล้วก็ขั้นที่สามกำลังดำเนินการอยู่ ถ้าโครงการในลักษณะนี้ไปอยู่แผนใหญ่ของชาติ ๒๐ ปี งบประมาณจะต้องสูญเสียไปเท่าไร แล้วชาวพุทธหรือว่าคนไทย ที่ว่าอยู่ในหมู่บ้านรักษาศีล ๕ ได้รับประโยชน์อะไร
ท่านอาจารย์ เพราะเหตุว่าไม่เข้าใจความเป็นไปของธรรม ว่าทุกสิ่งทุกอย่างไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใคร ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา ถ้าไม่เข้าใจคำนี้ตั้งแต่ต้น ก็ไม่รู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีความคิดของตัวเอง ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลย ที่จะให้มีการสมัครเป็นผู้ที่มีศีล ๕
อ.อรรณพ สมัครกับสมาทาน ต่างกันหรือไม่ บางคนอาจจะบอกว่าคือการสมาทาน
ท่านอาจารย์ มีใครบังคับหรือเปล่า
คุณทวีศักดิ์ เมื่อสมัครโดยความเข้าใจของคนทั่วไป ที่เราถนัดกันในสังคมไทย ก็คงล่ารายชื่อ ก็ยื่นๆ กันไป
อ.อรรณพ นี่คือความเป็นจริง
คุณทวีศักดิ์ ในความเป็นจริง การปฏิบัติจริงจะเป็นอย่างนั้น
อ.วิชัย ท่านอาจารย์กล่าวถึงว่า เหตุที่จะให้มีการกระทำทุจริต หรือประทุษร้ายคนอื่น ก็มาจากอกุศล ไม่ว่าจะเป็นโลภะก็ตาม และโทสะก็ตาม แต่ถ้าผู้ที่มีความคิดแล้วก็ อาจจะไม่มีความรู้ในพระธรรมคำสอน การเริ่มต้นที่จะเกื้อกูลบุคคลอื่นให้ประพฤติในสิ่งที่ดีงาม ที่จะไม่กระทำทุจริต หรือไม่ประทุษร้ายบุคคลคนอื่นอย่างไร
ท่านอาจารย์ ก็ต้องรู้สาเหตุว่าอกุศลเกิดจากอะไร ถ้ายังมีเหตุที่จะให้เกิดอกุศล อกุศลก็ต้องเกิด โลภะเกิดจากอะไร การเบียดเบียนเกิดจากอะไร ทุกอย่างเกิดจากอะไร ถ้าไม่ดับเหตุนั้น ใช่ไหม ก็ยังจะต้องมีเหตุที่จะให้กระทำสิ่งนั้น
อ.วิชัย ก็เกิดจากความไม่รู้
ท่านอาจารย์ เกิดจากความไม่รู้
คุณทวีศักดิ์ เป็นจุดเริ่มต้นของทุกสิ่งทุกอย่าง
ท่านอาจารย์ ที่เป็นอกุศลทั้งหมด
อ.วิชัย ดังนั้นการที่จะอบรมให้เป็น เหมือนอย่างที่เรากล่าวในช่วงแรก ที่จะเป็นปกติของบุคคลนั้นที่จะมีอัธยาศัย เป็นไปในความดีงามต่างๆ จะเริ่มต้นจุดไหน ในเรื่องของความรู้ น่าจะรู้อะไรอย่างไร
ท่านอาจารย์ เดี๋ยวนี้มีสิ่งที่กำลังปรากฏไหม รู้ไหม
อ.วิชัย ถ้าไม่ฟัง ก็ไม่รู้ไม่มีทางรู้
ท่านอาจารย์ ไม่มีทางเลย เพราะฉะนั้นไม่รู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่คิดวิธีที่นอกจากคำสอนของสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าเป็นอย่างนั้นได้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ทรงบัญญัติ ว่าให้มีการสมัครหมู่บ้านศีล ๕ ใช่ไหม
คุณทวีศักดิ์ ท่านอาจารย์กล่าวตั้งแต่ตอนต้นรายการแล้วว่า ในสมัยครั้งพุทธกาล ไม่เคยมีหมู่บ้านศีล ๕
ท่านอาจารย์ ไม่มี แล้วก็เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้แน่นอน ใครไปห้ามใจใครได้ ใครรู้ใจใครว่าจะทำอกุศลเมื่อไร สมัครไปแล้ว แต่อกุศลเกิดขึ้นทำอะไร ก็ทำทุจริต แล้วสมัครทำไม เสียงบประมาณไหม ในเมื่อสมัครแล้วก็กระทำทุจริต ถ้าทุกคนรู้ว่าอกุศลไม่ดี กุศลดี แต่ก็ยังมีอกุศล เพราะมีเหตุที่จะให้เป็นไป เป็นอกุศล เพราะฉะนั้นถ้าไม่เข้าใจเหตุ และดับที่เหตุ ไม่มีทางสำเร็จได้ เป็นการกระทำซึ่งไม่ใช่เป็นความรู้ ความเข้าใจในพระพุทธศาสนา แล้วก็เป็นการกระทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลย ต่อให้มีหมู่บ้านศีล ๕ ทุกหย่อมหญ้า จิตเป็นอกุศลเมื่อไร ก็เกิดทุจริตแน่ๆ
อ.อรรณพ ความละเอียดลึกซึ้งของการที่จะมีศีล ๕ บริบูรณ์ ที่เป็นพระโสดาบัน พระโสดาบันนี้คือใคร แล้วบางคนคิดว่า แค่ทำศีล ๕ ให้ครบ แล้วก็จะไปเชื่อมโยงกับโครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕ ด้วย บางคนก็หลงผิดไปว่า ถ้าเขารักษาศีล ๕ ให้ได้ ๕ ข้อนี้ ก็จะเป็นคุณธรรมของพระโสดาบัน
ท่านอาจารย์ จากพระโพธิสัตว์ถึงวันที่ตรัสรู้ เป็นพระโสดาบันหรือเปล่า
อ.วิชัย เป็นไปตามลำดับ
ท่านอาจารย์ ต้องเป็นพระโสดาบันก่อน ไม่ใช่ว่าจะเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทันที เพราะฉะนั้นก็แสดงให้เห็นถึงว่าความรู้ที่ได้สะสมมาทั้งหมด ดับกิเลสตามลำดับอย่างรวดเร็ว เพราะว่าบารมีที่ทรงบำเพ็ญไว้มาก แต่คนที่ไม่เข้าใจ ก็คิดว่าจะไม่มีกิเลส โดยไม่ต้องมีปัญญา เป็นไปได้อย่างไร เพราะไม่รู้จักกิเลส เพราะฉะนั้นจะเห็นโทษของกิเลสก็ต่อเมื่อ ได้ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา ไม่ใช่เรา โลภะเป็นโลภะ ไม่อยากมีโลภะมากๆ โลภะมากๆ ก็เกิด เป็นโลภะที่สะสมมา ไม่อยากมีโทสะ ไม่อยากที่จะกล่าวคำไม่ดี ประพฤติไม่ดี ก็ประพฤติเป็นไปตามกำลังของเหตุปัจจัยที่ได้สะสมมา ยับยั้งไม่ได้ จึงจะเข้าใจถูกต้องว่าธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา ไม่ใช่ว่าเราจะคิดตั้งหมู่บ้านศีล ๕ อัตตาหรืออนัตตา
คุณทวีศักดิ์ ในชีวิตจริงของคนเรา ก็เริ่มมาตั้งแต่แรก ก็คือไม่รู้อะไรเลย ก็ต้องฟัง การหล่อหลอม ทางโลกก็คือเรียนหนังสือ อ่านออกเขียนได้อะไร หาก เรียนตัวหนังสือเป็นคำๆ กันไป ความรู้ความเข้าใจก็ไม่ได้เกิดขึ้น เนื่องจากผู้สอนเอง ก็ไม่ได้มีความรู้ความเข้าใจ ก็เหมือนกับมาอ่านให้ฟังกัน มันก็เป็นอย่างนี้ ในลักษณะของกระบวนการเรียนการสอนการศึกษาของในบ้านเรา ที่จะเข้าใจตัวหนังสือ เข้าใจความหมาย เข้าใจอรรถ เห็นอะไรเป็นประโยชน์ เห็นอะไรเป็นโทษ อะไรต่างๆ มันไกลเหลือเกิน
ท่านอาจารย์ ทางโลกยังต้องศึกษา แล้วทางธรรมไม่ศึกษาเลย เพราะฉะนั้นถ้าไม่ศึกษาก็ผิด เหมือนทางโลกคิดจะทำอะไรสักอย่าง แต่ถ้าไม่ศึกษา ที่จะให้มีความรู้ ความสามารถ ที่จะทำได้ ก็ทำไม่ได้ เพราะฉะนั้นจะละกิเลส จะเป็นผู้ที่สมบูรณ์ด้วยศีล ๕ จนถึงกับสมัครเป็นผู้มีศีล ๕ คิดดู
คุณทวีศักดิ์ สมัครเป็นโสดาบัน
อ.อรรณพ เหมือนกับจะสร้างหมู่บ้านโสดาบัน
อ.วิชัย ถ้ากล่าวถึงปัญญา คือความรู้ถูก แล้วก็เป็นธรรมที่เป็นมูล หรือเป็นเหตุให้ความดีงามทั้งหลายเกิดขึ้น นอกจากการที่จะฟังธรรมให้เข้าใจความจริงแล้ว การที่จะเป็นเบื้องต้นให้เขาได้มีการที่จะรู้ว่า สิ่งไหนเป็นสิ่งที่ดีงาม ที่ควรเจริญ หรือว่าสิ่งไหนที่เป็นทุจริต อย่างเช่น ถ้ากล่าวถึงศีลข้อหนึ่ง ฟังดูแล้วก็เป็นสิ่งที่นำมาซึ่งโทษ ไปเบียดเบียนคนอื่น เมื่อผลตนเองก็อาจจะต้องถูกดำเนินคดีอะไรต่างๆ ก็มีเหมือนกัน ความเข้าใจเหตุผลตามความเป็นจริง จะเป็นความรู้เบื้องต้นหรือไม่ หรือว่าต้องเข้าใจถึงตัวสภาพธรรม
ท่านอาจารย์ ใครไม่รู้ รู้กันทุกคนไม่ใช่หรือ เราอยากถูกคนฆ่าหรือทำร้ายหรือเปล่า
อ.วิชัย ไม่อยาก
ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้นคนอื่นเขาก็ไม่อยากที่จะถูกใครทำร้ายหรือฆ่า ใช่ไหม เพราะฉะนั้นการฆ่า การทำร้าย การทำลาย เป็นสิ่งที่ไม่ดี นำความทุกข์มาให้ ทุกคนรู้ ใช่ไหม เพราะไม่มีใครอยากถูกฆ่า ไม่มีใครอยากถูกทำร้าย เพราะฉะนั้นตัวเองไปทำร้ายคนอื่นได้ เพราะอะไร
อ.วิชัย เพราะว่ายังมีเหตุที่เป็นความโกรธ ที่เป็นความที่ใจจะประทุษร้ายคนอื่น
ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้นคนที่ไปสมัครเป็นสมาชิกหมู่บ้านศีล ๕ ไม่มีกิเลสหรือ
อ.อรรณพ ไม่รู้ว่ามีกิเลส
ท่านอาจารย์ เขาไม่รู้อะไรเลย เขาเพียงแต่ได้ยินว่า สมัครแล้วจะดี ถูกชักชวนให้สมัคร แต่ประมาณตนเองหรือเปล่า ว่าสามารถที่จะรักษาศีล ๕ ได้จริงๆ ถึงไหน แค่วันเดียว ไม่ฆ่าสัตว์ได้ ไม่พูดปดได้ มีคนหนึ่ง เขาก็พยายามที่จะประพฤติเหมือนพระอรหันต์ในวันหนึ่ง หลอกคนอื่น คนอื่นก็คิดว่าคนนี้มีความรู้มาก ไม่มีกาย วาจาที่ไม่ดีเลย แต่ตัวเองรู้
เพราะฉะนั้นเป็นเรื่องตรง เป็นเรื่องจริง เป็นเรื่องที่จะต้องเข้าใจถูกต้องว่า ความประพฤติทางกาย ทางวาจา เกิดจากจิต ถ้าจิตยังไม่รู้จริงๆ ว่าแท้ที่จริงแล้วไม่มีอะไรเลย มีแต่สิ่งที่เกิดแล้วก็ดับไป จะค่อยๆ ละคลายความติดข้อง จนกระทั่งไม่สามารถที่จะมีปัจจัย ที่จะทำให้เบียดเบียนคนอื่นได้ เพราะรู้ว่าเบียดเบียนใคร ในเมื่อไม่มีใคร เป็นแต่เพียงธรรม ซึ่งเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป นี่คือปัญญาที่สามารถจะรักษาศีล ๕ ได้
อ.วิชัย แสดงว่าเป็นการละที่ต้นเหตุจริงๆ ของความไม่ดีทั้งหมด ก็คือความไม่รู้
ท่านอาจารย์ แล้วคนที่รับสมัครศีล ๕ แล้ว ประกันได้ไหม ว่าคนที่สมัครแล้วจะไม่ทำผิด
คุณทวีศักดิ์ พูดถึงเรื่องนี้แล้ว ผมเองก็ตั้งเครื่องหมายคำถามใหญ่ๆ เลยว่า องค์กรอะไรก็แล้วแต่ ที่ไปขับเคลื่อนเรื่องต่างๆ เหล่านี้ ทางคณะสงฆ์ก็ดี ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติก็ดี บุคลากรต่างๆ เขาอยู่ในระดับไหน เข้าใจศีล ๕ มากน้อยเพียงไร แล้วเขาจะอยู่ในฝ่ายกุศลจิตมากกว่าอกุศลจิตหรือเปล่า
ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้นถ้าถามเขา ว่าประกันได้ไหม ว่าคนที่ไปสมัครเป็นหมู่บ้านศีล ๕ จะไม่ทำทุจริต ถ้าประกันไม่ได้ มีไว้ทำไม ไร้ประโยชน์ มีไว้เพียงชื่อ
คุณทวีศักดิ์ คือตัวเองรับรองตัวเองยังไม่ได้เลย ประกันตัวเองยังไม่ได้
ท่านอาจารย์ แล้วจะไปเชื่อคนที่มาสมัครหรือ ว่าเขาจะไม่ทำทุจริต ในเมื่อเขามีกิเลส เขาจะไม่เสพยาเสพติด เขาจะไม่ลักขโมย อย่างนั้นหรือ
อ.วิชัย เพราะว่าถ้ายังมีเหตุที่ให้ล่วงอย่างนั้น ก็ล่วงได้
ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้นจะมีประโยชน์อะไร ในการมีหมู่บ้านศีล ๕ เพราะว่าไม่ใช่ของจริง เป็นของปลอม เพราะเขาไม่รู้จักว่า เดี๋ยวนี้ศีลอะไร ทุกคนเดียวนี้ศีลอะไร ต้องเป็นปัญญาของคนนั้นเองที่รู้ ไม่ใช่คนอื่นมารู้ นั่งเฉยๆ มีศีลดี ได้อย่างไร อกุศลจิตกำลังเกิดในขณะนั้น แล้วบอกว่าคนนี้ศีลดี ไม่ไปทำทุจริต ได้อย่างไร สภาพธรรมละเอียดกว่านั้นมาก ต้นเหตุที่จะทำให้ความประพฤติทางกาย ทางวาจา เป็นไป ใครจะรู้ เพราะว่าสะสมกันมานานมาก ถ้าไม่มีคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่มีทางที่จะรู้จักธรรม ไม่มีทางที่จะรู้จักตัวเอง ไม่มีทางที่จะรู้จักคนอื่น
อ.วิชัย ดังนั้น ถ้าเข้าใจตามความเป็นจริงว่า พระองค์ทรงแสดงอกุศลธรรมมาก ก็เริ่มจากเล็กๆ น้อยๆ ที่เกิดเป็นปกติ จนมีกำลัง แล้วแต่ว่าจะมีการกระทำทุจริต ในการที่จะหลอกลวงคนอื่น หรือว่าประทุษร้ายคนอื่น ก็เริ่มจากความที่ไม่เข้าใจว่า ปกติก็จะมีอกุศลมากในชีวิตประจำวัน
ท่านอาจารย์ ถ้ารู้อย่างนี้ จะไม่แสดงเหตุให้เขาเกิดความรู้ ความเข้าใจ เพื่อที่จะละกิเลส และประพฤติตามศีล ๕ หรือ อยู่ที่ความรู้ ความเข้าใจว่าใครจะประพฤติได้ ถ้าไม่รู้เลย ไม่มีทาง
คุณทวีศักดิ์ ไหนๆ ได้พูดถึงเรื่อง โสดาบันบุคคลกันแล้ว เมื่อสักครู่พูดถึงว่าเรื่องศีล ๕ นั้นที่บริสุทธิ์ ก็ต้องระดับโสดาบันบุคคล
ท่านอาจารย์ ไม่ล่วงอีกต่อไป
คุณทวีศักดิ์ ไม่ล่วงอีกต่อไป นั่นก็เป็นคุณสมบัติประการหนึ่ง ซึ่งยากมาก ที่ปุถุชนทั่วๆ ไป ที่มีกิเลสหยาบหนา
ท่านอาจารย์ ต้องเพราะปัญญาที่ถึงระดับขั้น ที่สามารถจะไม่ประพฤติเป็นไปในอกุศลระดับนั้น
คุณทวีศักดิ์ แม้แต่คนทั่วไปทุกวันนี้ ความหลงผิด ความเข้าใจผิดมาก ที่ว่ามักจะอวดอุตริ หรือว่าอ้างความเป็นโสดาบันของตนเอง หรือผู้อื่นก็แล้วแต่ ขนาดศีล ๕ ที่บริสุทธิ์ ไม่ล่วงอีกแล้ว ซึ่งก็มีความละเอียด แล้วก็ต้องทำได้อย่างบริสุทธิ์ ถึงจะเป็นคุณสมบัติข้อหนึ่ง ใช่หรือไม่
ท่านอาจารย์ ต้องเป็นอุปนิสัยที่สะสมความเข้าใจ ที่สามารถจะดับเหตุ ที่จะให้ประพฤติล่วงศีล ๕ เพราะเป็นธรรม ไม่ใช่เป็นใครที่สามารถจะบังคับบัญชาได้
คุณทวีศักดิ์ นอกจากนั้นก็ยังมีการละ ในเรื่องทิฏฐิอีกหลายประการ หรือว่าสังโยชน์อะไรต่างๆ ด้วยใช่ไหม
ท่านอาจารย์ อกุศลที่ยึดถือสภาพธรรม ว่าเป็นเรา
อ.อรรณพ ไม่ใช่อยู่ดีๆ มีแต่ศีล ๕ บริสุทธิ์ โดยที่ไม่ได้เข้าใจอะไรเลย ท่านอาจารย์ครับ เมื่อสักครู่นี้สนทนากันนิดหนึ่ง ผมขอย้อนไปว่า ศีลธรรมทั่วๆ ไป แม้คนที่ไม่ได้นับถือศาสนาพุทธ หรือในการที่เว้นจากพุทธศาสนา ก็มีในเรื่องของการสอนในทางที่ดี ไม่ให้มีการเบียดเบียนฆ่า เป็นต้น