005 หมู่บ้านรักษาศีล 5
หมู่บ้านรักษาศีล ๕
ที่ มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา
วันอาทิตย์ที่ ๑๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐
ตอนที่ ๕
ท่านอาจารย์ ภิกษุ อุบาสก อุบาสิกา ที่เข้าใจถูกต้องในพระธรรมวินัย ที่สมควรจะร่วมแรงร่วมใจกัน ดำรงรักษาพระศาสนา สิ่งใดที่ผิดก็ต้องกล่าวว่าผิด อย่างหมู่บ้านศีล ๕ เสียเงินงบประมาณ ใครจะรับรองได้ว่า คนที่อยู่ในหมู่บ้านศีล ๕ รักษาศีล ๕
อ.อรรณพ ตัวเองก็ยังรับรองไม่ได้
ท่านอาจารย์ รับรองไม่ได้ แล้วมีประโยชน์อะไร แทนที่จำกัดเพียงแค่หมู่บ้าน คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สำหรับโลก ทุกหนทุกแห่ง ไม่ได้จำเพาะเจาะจงเฉพาะหมู่นี้ หรือหมู่นั้น เพราะฉะนั้นอยู่ที่ไหนก็ตาม สามารถที่จะเข้าใจธรรม แล้วก็ละเว้นทุจริต เป็นผู้ที่มีศีล ๕ ขัดเกลากิเลส จนกว่าจะถึงความเป็นผู้ที่สมบูรณ์หรือบริบูรณ์ในศีล ๕ ไม่ต้องมีการประกาศ ไม่ต้องมีการไปปักป้ายที่ไหน เพราะว่ากุศลเกิดที่ไหน ขณะนั้นก็เป็นกุศลศีล
อ.อรรณพ ท่านอาจารย์ครับ ทำไมความไม่รู้ จึงมองไปในลักษณะที่จะขยายโดยจำนวน
ท่านอาจารย์ ต้องการอะไรหรือเปล่า เห็นไหม ต้องการ ตัวนี้แหละ บวชต้องการอะไรหรือเปล่า
อ.อรรณพ จำนวนคนบวชเยอะๆ
ท่านอาจารย์ แม้แต่บวช ต้องการอะไรหรือเปล่า แล้วก็รักษา คือมีหมู่บ้าน ศีล ๕ ต้องการอะไรหรือเปล่า ลองไปถึงจุดว่า ต้องการอะไร จะมีคำตอบ ต้องการให้มีคนเยอะๆ แน่นอน บอกแล้วนี่ ประกาศแล้วนี่ กี่เปอร์เซ็นต์ นั่นก็แสดงว่าต้องการให้มีคนเยอะๆ
คุณทวีศักดิ์ เป็นเรื่องของปริมาณ ไม่ใช่คุณภาพ
ท่านอาจารย์ แล้วเอาคนเหล่านั้นไปทำอะไร
คุณทวีศักดิ์ ใช่
อ.อรรณพ มีความเห็นคล้อยตามกัน
ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้นเป็นธรรมหรือเปล่า เพื่อพระศาสนาหรือเปล่า เพราะฉะนั้นจุดประสงค์ก็ไม่ใช่ พฤติกรรมก็ไม่ใช่ เพราะพฤติกรรมต้องการจำนวน
คุณทวีศักดิ์ สิ่งที่กำลังสนทนากัน เป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะเกี่ยวข้องกับการพัฒนาคน พัฒนาบ้านเมือง ยกกรณีตัวอย่างว่า รัฐบาลชุดนี้ กระตุ้นในเรื่องความคิดของคน คำว่าไทยแลนด์ ๔.๐ นั้นหมายถึงว่า การนำเอาองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาพัฒนา ให้เกิดประโยชน์กับเศรษฐกิจของบ้านเมือง แต่พลเมืองของเราเอง เราก็ยังงมงาย ยังเชื่อในไสยศาสตร์ เอาง่ายๆ แค่วันหวยออก เงียบกันทั้งบ้านทั้งเมือง เงี่ยหูฟัง หวยออกอะไร คำว่า เงี่ยหู เราก็คุ้นเคยกันดี เราฟังธรรม เราต้องเงี่ยหูฟัง แต่นี่เขาเงี่ยฟังหวยออกอะไร ไม่เคยคิดพึ่งตนเอง หวังลมๆ แล้งๆ แล้วก็ไม่เข็ด ๑๕ วันก็หมุนกลับมาใหม่ ปีแล้วปีเล่า เป็นอย่างนี้โดยตลอด
ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้นทุกคนหาคำตอบ หาหนทางแก้ ทำไมหาช้า หายากอย่างนั้น ที่แท้หนทางก็คือ คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งมีอยู่ เพียงแต่ว่าเห็นคุณค่า เพราะรู้ว่าชาติ ถ้ามีแต่ประเทศ ภูมิประเทศ ไม่มีคน ก็ไม่มีชาติ ศาสนาหลักของการที่จะให้คนในชาติเป็นคนดี ถ้าไม่ใช่คำสอนที่ถูกต้อง ชัดเจน เป็นคนดีไม่ได้ ไม่ว่าจะนับถือศาสนาอะไร แต่เมื่อมีความเข้าใจถูกต้อง ชัดเจน ในเรื่องธรรม กุศลธรรม อกุศลธรรม ปัญญานำไปในกิจทั้งปวง ทุกปัญหาแก้ไม่ได้ด้วยกิเลส ด้วยความไม่รู้ ด้วยความอยาก แต่ทุกปัญหาแก้ได้ด้วยคุณความดี ไม่ใช่อยาก แต่สละ การละต่างหาก ที่จะทำให้ความดี ที่จะทำให้ประเทศเจริญได้
คุณทวีศักดิ์ ถ้าเกิดขึ้นจริงได้ แล้วก็เกิดขึ้นโดยวิธีการที่ถูกต้อง ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศชาติเรานี้ ก็จะลดน้อยไปเยอะทีเดียว โดยเฉพาะเรื่องคดีอาชญากรรมทั้งหลาย เรื่องของการเบียดเบียน เรื่องของการทุจริตคอร์รัปชั่น ก็เพิ่งผ่านมา วันป้องกันต่อต้านทุจริตคอร์รัปชั่นสากล ก็ศีลข้อ ๒ แท้ๆ
ท่านอาจารย์ ก็หาไปเถอะ แต่ว่าไม่ตระหนักเลยว่า ทุกอย่างแก้ได้ด้วยพระธรรม คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อมีความเข้าใจ ทุกอย่างเรียบร้อย ไม่ต้องมีป้ายว่าหมู่บ้านศีล ๕ แต่มีผู้ที่เข้าใจธรรม ศึกษาธรรม และเป็นกุศลเพิ่มขึ้น ไม่ว่าตรงไหน ไม่ใช่เฉพาะป้ายที่มีคำว่า หมู่บ้านศีล ๕
อ.อรรณพ หรือว่าจะบัญญัติให้วันที่จะไม่คอร์รัปชั่น ต่อต้านคอร์รัปชั่น ให้ ๓๖๕ วัน เป็นวันต่อต้านคอร์รัปชั่น ต้องแก้แบบนี้
ท่านอาจารย์ จะมีวันนั้นหรือ
อ.อรรณพ ต่อให้ตั้งทุกวันเลย ให้เป็นวันต่อต้านคอร์รัปชั่น ก็ไม่สามารถจะช่วยอะไรได้ เราคิดแบบเอาสลากมาแปะ สลากมาแปะหมู่บ้าน ยกป้ายไว้ กำหนดวันให้เป็นอย่างนี้ แต่ไม่ได้แก้ไขที่เหตุ
ท่านอาจารย์ ตราบใดที่ไม่เข้าใจพระธรรม ตราบนั้นไม่มีทางที่จะแก้ไขกิเลสอกุศลได้
อ.อรรณพ เหมือนน้ำเสียสักขวดหนึ่ง แล้วเราจะแก้ให้น้ำสะอาด โดยการที่เราเอาสลากไปแปะว่า เป็นน้ำสะอาดบ้าง เป็นน้ำอมฤตบ้าง เป็นน้ำโน่น น้ำนี่ ก็แก้ไม่ได้ ต้องเอาน้ำนั้นมาบำบัดให้สะอาด
ท่านอาจารย์ น่าแปลก ชื่อก็ชัดเจน ประเทศไทย ชาวพุทธ แต่หายาที่จะรักษากิเลสไม่เจอ
อ.อรรณพ ก็เลยเป็นโรครุมเร้ามากมาย
ท่านอาจารย์ น่าจะเป็นผู้ที่ฉลาด เพราะมีคำว่า พุทธะ ผู้รู้ ก็ต้องรู้ว่าอะไรจริงๆ ที่สามารถจะทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เลวร้าย ดีขึ้นได้ ต้องด้วยปัญญาความเข้าใจถูกจริงๆ และความเข้าใจถูก ไม่สามารถจะหาได้จากนักปราชญ์คนใดทั้งสิ้น นอกจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งเรากล่าวอยู่ว่า มีพระองค์เป็นที่พึ่ง
คุณทวีศักดิ์ ที่ท่านอาจารย์กล่าวถึงสำคัญยิ่ง อ.วิชัยนึกถึงสภาพอดีตในสังคมไทยเราว่า เราเองก็อยู่กันโดยสุขสงบพอสมควร ต่อเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงของโลก จะเรียกว่าโลกาภิวัตน์ เรื่องของการปฏิวัติเศรษฐกิจ อุตสาหกรรมอะไรต่างๆ กิเลสก็เพิ่มพูนขึ้น ผลกระทบเกี่ยวกับประเทศไทย เมื่อก่อนก็ไม่ได้มากมายขนาดนี้ แต่ภายหลังคนไทยเรา การเห็นแก่ตัวก็มากขึ้น เอารัดเอาเปรียบกันมากขึ้น กิเลสก็มากขึ้นกว่าที่เคยมีอยู่ด้วยซ้ำ อ.วิชัยคิดว่าเรื่องราวต่างๆ เหล่านี้ ตามที่ท่านอาจารย์สุจินต์ได้กล่าวถึงนั้น ก็คือต้องแก้ด้วย ธรรมโอสถ ใช่ไหม
อ.วิชัย เพราะฉะนั้นความรู้ ความเข้าใจ ความสนใจ ที่จะศึกษาพระธรรมมากน้อยแค่ไหน บางครั้งเราเห็นความประพฤติ แม้พระภิกษุเองในยุคนี้ ก็มีความประพฤติที่ไม่ได้เป็นไปตามธรรมวินัยเลย ถ้าบุคคลที่มีความเข้าใจธรรมวินัยเป็นอย่างดี ก็มีแต่ภิกษุ ซึ่งเป็นหัวหน้าบริษัท ไม่ได้มีความประพฤติตามธรรมวินัย แล้วก็มีการที่จะกล่าวคำสอน ก็ไม่เป็นไปตามพระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วย
ดังนั้นบุคคลที่ได้เห็นพฤติกรรมต่างๆ ได้ฟังในสิ่งที่ไม่ถูกต้องต่างๆ ความเห็นแทนที่จะมีความเข้าใจที่ถูกต้อง ก็มีการเริ่มที่จะไม่เลื่อมใส ในการที่จะเห็นคุณของพระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะคิดว่า หรือเข้าใจว่า นั่นเป็นคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งก็เป็นเหตุให้คน เริ่มที่จะไม่ได้สนใจ ก็ไม่ได้ใส่ใจ ไม่ได้เห็นคุณของธรรม ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้อย่างแท้จริง
ดังนั้นเมื่อไม่มีการที่จะละเลย ไม่มีการที่จะใส่ใจ สนใจที่จะฟังธรรม อกุศลที่เคยสะสมมาในแต่ละบุคคล เมื่อได้ปัจจัยต่างๆ สิ่งแวดล้อมต่างๆ ที่เป็นเหตุให้มีความติดข้อง มีความยึดถือ มีความที่จะแสวงหา มีการที่จะประทุษร้ายอย่างที่กล่าวในช่วงแรกๆ ที่มีความประพฤติ ที่มีความรุนแรง หรือมีการที่จะประพฤติทุจริตมากมาย เพราะว่าทั้งหมดอยู่ที่พื้นฐานคือ ความไม่เข้าใจ คือไม่รู้นั่นเอง เพราะไม่ได้มีการที่จะได้ฟังพระธรรมคำสอน ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างแท้จริง
คุณทวีศักดิ์ กรณีที่ว่าในเมื่อฝ่ายอาณาจักร มองโจทย์ไม่ออก มองโจทย์ไม่ออก ก็ตีโจทย์ก็ไม่ออกเช่นเดียวกัน เพราะไม่รู้ว่าโจทย์คืออะไร ถ้านำเอาพระธรรม เพื่อให้ชาวพุทธได้มีโอกาสศึกษา เรียนรู้ ทำความเข้าใจให้ถูกต้อง ส่วนแต่ละคนนั้น จะได้รับประโยชน์มากน้อยเพียงใด ก็ขึ้นอยู่กับอัตภาพของแต่ละบุคคล การสะสมการให้ความสำคัญ เอาใจใส่
ถ้าเราสามารถนำพระธรรม มาขับเคลื่อนสังคม มาแก้ปัญหาของบ้านเมือง ปัญหาอะไรต่างๆ ที่มันมากมายเหลือเกินแล้ว รัฐเองก็คงจะสูญเสียงบประมาณน้อยลง เพราะว่าปัญหากระทบนั่นก็คือ ทั้งทางกาย ทางใจ คนเป็นโรคจิตก็มากขึ้น ตัวเลขก็สูงขึ้นเป็นนับล้านคน เดินสวนกัน ๑๐ คน คนมีปัญหาทางจิตสัก๑-๒ คนแล้ว แล้วผู้ที่เจ็บป่วยทางกายอะไรต่างๆ ก็เยอะ แล้วก็ยังการประทุษร้าย อาชญากรรมอะไรต่างๆ ทั้งหลาย ถ้านำพระธรรมอย่างที่ท่านอาจารย์ได้กล่าวถึง มาดำเนินการขับเคลื่อนสังคม ให้เกิดประโยชน์สูงสุด งบประมาณที่มีมหาศาล ไม่ต้องไปใช้จัดการกับเรื่องราวต่างๆ เหล่านั้น มาทำประโยชน์ให้กับบ้านเมืองในด้านอื่นๆ ได้มากมาย
ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้นผู้ที่มีความเข้าใจถูกต้อง มั่นคง ทุกคนกำลังทำหน้าที่นี้ เท่าที่จะทำได้
คุณทวีศักดิ์ ในขณะนี้เอง ถ้าพูดถึงว่าความรู้ทางพระพุทธศาสนา ที่เรียกว่าถูกต้องตรงตามพระไตรปิฎกแล้ว ท่านอาจารย์ก็ได้ดำเนินปฏิบัติมา เป็นเวลาเกือบ ๗๐ ปี หรืออาจจะมากกว่านั้น ซึ่งขณะนี้ท่านอาจารย์จะอยู่ในวัยสูงวัย แต่ท่านอาจารย์ก็ยังมีพละกำลัง ยังมีเจตนารมณ์ ยังมีปณิธานอยู่ จะสร้างคนมารองรับ มาช่วยให้อาจารย์ได้ทำงานต่อไป
ท่านอาจารย์ สร้างใครไม่ได้ ทุกคนเป็นหนึ่ง แม้แต่จิตหนึ่งขณะดับแล้ว ไม่กลับมาอีกเลย แต่จิตที่เกิดแล้วนั้น เป็นสภาพธรรมที่ปรุงแต่งให้จิตต่อไป ดีหรือชั่วอย่างไร ตามจิตแต่ละขณะที่เกิดดับสืบต่อ เพราะฉะนั้นผู้ที่มีความเข้าใจธรรม ก็มีความหวังดี แล้วก็ทำทุกอย่างเหมือนกับอุทิศชีวิต เพราะเห็นว่าสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตก็คือ การเข้าใจธรรม เพราะฉะนั้นเมื่อเข้าใจธรรมแล้ว ความเป็นมิตรที่ดี ก็ทำทุกอย่าง ที่จะให้คนอื่นได้เข้าใจถูกต้องด้วย แต่ใครจะสนใจฟัง ไม่สนใจฟัง ไม่สามารถที่จะบังคับบัญชาได้
คุณทวีศักดิ์ ในชีวิตจริงบางที เราก็จะเรียกว่ามีความรู้สึกที่เห็นใจผู้คน ยิ่งเวลาเขาเกิดมีการสูญเสีย มีการพลัดพราก ก็อยากจะให้ผู้ล่วงลับไปสู่สุคติ ไม่อยากให้ไปเกิดในภพภูมิที่ทุคติ แล้วตัวเองก็อยากจะอยู่ในภพภูมิที่สุคติเช่นเดียวกัน เมื่อล่วงลับไปแล้ว แต่เขาไม่ได้สร้างเหตุ ไม่ได้ศึกษาทำความเข้าใจอะไรเลย
ท่านอาจารย์ เพราะเป็นธรรม เป็นธาตุแต่ละหนึ่ง ซึ่งเป็นอนัตตา ถ้าเข้าใจคำนี้แล้ว ก็ทำทุกอย่างที่ดีที่สุด ที่จะทำได้ในชีวิต
คุณทวีศักดิ์ ก็คงไม่มีคำพูดอะไรที่จะกล่าวกับท่านผู้ชม ยังไม่พูดถึงดวงตาเห็นธรรม เอาเพียงแต่ว่า สนใจ เห็นประโยชน์ ของพระธรรม แล้วก็ศึกษาตามกาล โดยการฟัง แต่ต้องเป็นการฟังพระธรรมที่ถูกต้องตรงตามพระไตรปิฎก ไม่ใช่ของท่านผู้ใดผู้หนึ่ง แล้วก็กล่าวขึ้นมาลอยๆ หรือว่าสร้างความน่าเชื่อถือ ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้ก็สามารถที่จะเทียบเคียงได้ ว่าอะไรถูกต้อง ไม่ถูกต้อง
แต่ที่สำคัญก็คือว่า ท่านเอง ท่านจะต้องมีจิตใจ ซึ่งบังคับบัญชาไม่ได้เช่นเดียวกัน เราก็กล่าวไปด้วยความปรารถนาดี โดยความมุ่งดี แต่ท่านเอง ท่านจะเห็นประโยชน์ หรือจะเห็นคุณค่าอะไรต่างๆ มากน้อยหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณา การใช้ดุลยพินิจของท่าน ก็มีคำพูดที่สะท้อนถึงความรู้สึกของปุถุชนเหมือนกัน มีคำหนึ่งที่กล่าวถึง คำกล่าวนี้ก็เป็นข้อเขียนอยู่ในนวนิยายกำลังภายในจีน ซึ่งคนอ่านกันมาก มีศัพท์คำหนึ่ง ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา ถ้าจะปล่อยให้มันถึงเวลานั้น มันก็สายเสียแล้ว ฉะนั้นเองก็ควรจะศึกษาพระธรรม ตั้งแต่เนิ่นๆ ตราบใดที่ยังมีลมหายใจอยู่
ท่านอาจารย์ คำที่ดูเหมือนจริง ดูเหมือนไพเราะ ดูเหมือนถูก ต้องพิจารณา ถึงไม่เห็นโลงศพ ก็หลั่งน้ำตากันอยู่
อ.อรรณพ แต่ผมว่าถึงเห็นโลงศพ ก็ยังไม่หลั่งน้ำตา ถึงจะเห็นความวิบัติอะไรต่างๆ ก็ยังมีความโลภ ความไม่รู้ เพราะฉะนั้นหนักยิ่งกว่าไม่เห็นโลงศพ แม้เห็นโลงศพ และเห็นแล้วความวิบัติ ใครไม่รู้ว่าประเทศชาติวิบัติ เห็น แต่ไม่รู้เหตุ ก็ยังไม่ตระหนัก
ท่านอาจารย์ แล้วคนที่มีเหตุ จะหลั่งน้ำตา ไม่ต้องเห็นโลงศพ ก็หลั่งน้ำตา เพราะฉะนั้นคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น พระองค์เดียว ที่เป็นคำจริงถึงที่สุด คำอื่นฟังดูเหมือนดี มีเหตุมีผล แต่ไม่ถึงที่สุด
คุณทวีศักดิ์ นั่นเป็นเรื่องของทางโลก ที่เขาสื่อสารกันไป แต่จริงๆ แล้วก็คือ ต้องของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้นเอง
อ.อรรณพ แม้ภัยเกิดขึ้นก็ยังไม่สลด เพราะไม่รู้ถึงความเป็นภัยนั้น อย่างภัยพิบัติที่เกิดขึ้นกับพระศาสนา กระทบไปยังชาติบ้านเมืองที่ก็รู้กันอยู่ แต่ก็ยังไม่สลด ที่จะหันมาศึกษาพระธรรมวินัย
คุณทวีศักดิ์ การดำเนินชีวิตอยู่บนความประมาท อยากให้ท่านอาจารย์ได้กล่าวถึง
ท่านอาจารย์ ละเอียดมาก คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สำหรับทุกวัน มีชีวิตอยู่โดยการประมาท ที่ไม่ฟังพระธรรมให้เข้าใจ หรือว่าฟังแล้วไม่ไตร่ตรองให้ละเอียด ให้ลึกซึ้ง ให้ถูกต้อง เช่น ได้ยินคำว่าศีล ๕ ก็จะมีหมู่บ้าน ศีล ๕ นั่นคือความประมาท ในคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะไม่มีหมู่บ้านศีล ๕ ในพระไตรปิฏกก็ไม่มี
เพราะเหตุว่าทำไมจะต้องเฉพาะหมู่บ้าน ทั้งโลกสิ่ คำสอนของพระองค์ไม่ได้จำกัดเฉพาะหมู่บ้านกี่หลัง ว่าจำนวนคนกี่คน แต่คำสอนของพระองค์สำหรับสัตว์โลกทั้งหมด รวมทั้งเทวดา สวรรค์ด้วย พรหมด้วย กว้างไกลกว่านั้น ที่จะนำคำสอนมาเพียงแค่หมู่บ้าน
คุณทวีศักดิ์ ไม่ได้เลือกปฏิบัติ ให้สำหรับทุกคน
ท่านอาจารย์ ทั่วโลก ตรงไหนที่รักษาศีล ตรงนั้นไม่ต้องมีชื่อว่าหมู่บ้าน
คุณทวีศักดิ์ เรื่องความเห็นผิด ความเข้าใจผิด ในพระพุทธศาสนานี้มีมากมายเหลือเกิน กล่าวเท่าไรก็ไม่หมด เพราะตัวอย่างเห็นมากเหลือเกิน
ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้นผู้ที่มีเหตุผล ผู้ที่ได้ฟังคำจริง ก็ควรที่จะไตร่ตรองว่า สมควรไหมที่จะศึกษาธรรมให้เข้าใจ ไม่ใช่ตามคำผิดๆ หรือเหตุการณ์ เรื่องราวผิดๆ เหมือนคนตาบอด ใครจูงไปทางไหนก็ไป จูงไปที่หมู่บ้านศีล ๕ ก็ไป โดยไม่รู้ว่าตัวเองรักษาได้หรือ
คุณทวีศักดิ์ ซึ่งก็ผิดมาตั้งแต่ผู้ที่คิดโครงการ ผู้ดำเนินโครงการ
ท่านอาจารย์ และเงินทองนั้น น่าจะใช้ให้เป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติมากกว่า ที่จะละลายไป โดยที่ไม่สำเร็จ ถ้าตราบใดที่ไม่เข้าใจพระธรรม ไม่มีใครสามารถที่จะบังคับกิเลสไม่ให้เกิดขึ้น ไม่ให้ประพฤติผิดได้ เพราะฉะนั้นต้องเป็นปัญญา ความเข้าใจที่ถูกต้อง ในคุณ และโทษ ด้วยการฟังพระธรรม ตั้งแต่คำแรก ธรรมคืออะไร
คุณทวีศักดิ์ ก่อนจะจบรายการสนทนากัน อยากให้ท่านอาจารย์ ให้แนวทาง ให้อนุสสติ ให้ข้อคิดกับชาวพุทธ ที่เรายังประมาทในการดำเนินชีวิตอยู่ทุกวันนี้
ท่านอาจารย์ ไม่ประมาท แม้ในกาลที่ฟังธรรม เพราะฉะนั้นไม่ฟังธรรมก็คือประมาทแน่นอน บอกได้เลย ใครก็ตามที่ไม่ฟังธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นผู้ประมาท
คุณทวีศักดิ์ เพราะเป็นชาวพุทธ ที่ไม่มีทางที่จะเป็นชาวพุทธที่มีปัญญา
ท่านอาจารย์ ประมาท คิดว่าเป็นชาวพุทธแล้ว คิดว่าตั้งหมู่บ้านศีล ๕ ก็เป็นชาวพุทธแล้ว นั่นคือความประมาท
คุณทวีศักดิ์ การที่จะทำลายอวิชชา ให้ชาวพุทธมีปัญญา ถ้าจะพูดในลักษณะที่ตรงไปตรงมา ก็คือทีละหนึ่งขณะ อย่างที่ท่านอาจารย์กล่าวถึง ไม่มีใครบังคับบัญชาได้ อ.อรรณพ จะฝากอะไรถึง
อ.อรรณพ มีความไม่รู้ แน่นอน แต่ว่าจะค่อยๆ รู้ขึ้น ก็ต้องอาศัยพระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นที่อาศัย อบรมบ่มความรู้ในจิต ให้เริ่มรู้ขึ้น จากความมืดสนิท ก็ค่อยๆ สะสมความสว่าง ซึ่งสว่างนิดหนึ่ง ความมืดก็คลายไปหน่อย ด้วยอาศัยพระธรรมคำสอนในแต่ละคำ ที่จะทำให้สว่างทีละนิดทีละหน่อย ในแต่ละคำ
คุณทวีศักดิ์ อ.วิชัย จะมีอะไรฝากถึงท่านผู้ชมด้วยครับ
อ.วิชัย เพราะว่าทั้งหมด ที่เราสนทนาตั้งแต่ต้นว่า การที่จะให้บุคคล เป็นคนที่ดี ที่จะประพฤติเป็นไปในศีล ๕ ที่กล่าวถึง แต่ไม่รู้ว่าเหตุคืออะไร ดังนั้นทั้งหมดนี้ ที่จะมีโครงการ หรือว่าการที่จะให้คนเป็นคนดีได้ ถ้าไม่มีการที่จะฟังธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ไม่รู้หนทาง เพราะหนทางที่จะเป็นธรรม ฝ่ายดีงาม ที่จะให้เป็นไปในการที่จะให้เกิดความดีงาม ที่เรากล่าวถึงปัญหาของสังคม ถึงประเทศชาติทั้งหมด ที่มีการกระทำต่างๆ ที่เป็นทุจริต หรือว่าเป็นการประมาทโดยประการต่างๆ เพราะสืบเนื่องมาจากความไม่รู้ ไม่เข้าใจธรรมนั่นเอง หนทางเดียวที่จะให้ปัญหาต่างๆ ซึ่งเกิดจาก อกุศลคือความไม่ดีให้เบาบางลงได้ ก็คือ ต้องเป็นผู้ที่มีปัญญา เมื่อมีปัญญา ธรรมฝ่ายดีงามก็ค่อยๆ เจริญขึ้น ที่จะเป็นไปในการที่จะละธรรมฝ่ายไม่ดี คือ อกุศลให้เบาบางจนหมดในที่สุด
คุณทวีศักดิ์ ท่านผู้ชมครับ ในเรื่องของสังคมชาวพุทธ ก็คงเป็นหน้าที่ของพุทธบริษัททุกหมู่ ภิกษุ อุบาสก อุบาสิกา ที่ศึกษาพระธรรม ด้วยความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้อง มีการพิจารณาไตร่ตรอง จนเป็นปัญญาของตนเอง จะต้องลุกขึ้นมาช่วยกันผลักดัน ช่วยกันขับเคลื่อน เพื่อนำพาประเทศชาติของเรา เพื่อรักษาพระพุทธศาสนา ดำรงพระพุทธศาสนา ให้อยู่ด้วยความมั่นคง มีความเจริญรุ่งเรือง สิ่งที่ท่านอาจารย์สุจินต์ ได้กล่าวถึงว่า ความไม่ประมาทในการดำเนินชีวิต ก็ด้วยการศึกษาพระธรรม แล้วก็ศึกษา เพื่อทำความเข้าใจ อย่างค่อยเป็นค่อยไป พิจารณาไตร่ตรอง แล้วท่านผู้ชมก็คงจะได้รับประโยชน์สุข ทั้งในโลกนี้ และโลกหน้า
วันนี้เวลาหมดลงแล้ว กราบขอบพระคุณ ท่านอาจารย์สุจินต์ อ.อรรณพ อ.วิชัย รายการสนทนาพิเศษของ มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา จะได้กลับมาสนทนาพิเศษกัน ในหัวข้อต่างๆ เพื่อเกิดประโยชน์ต่อท่านผู้ชม เพื่อจะได้มีความเห็นถูก มีสัมมาทิฏฐิ แล้วก็เห็นความสำคัญ คุณค่าของพระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์
ทางมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา ท่านอาจารย์สุจินต์ อ.อรรณพ และอ.วิชัย ขอลาไป ณ โอกาสนี้นะครับ สวัสดีครับ