001 ธรรมสำหรับข้าราชการและทุกชีวิต *
ทั้งโลก ทุกอาชีพ คนดี ทำดี คนดี ทำชั่วได้ไหม ไม่ได้เลย แล้วคนชั่ว ก็ทำดีไม่ได้ แต่ทำไมทำชั่ว ทำไมทำดี เห็นได้เลยว่า ไม่ใช่เขาไม่อยากจะเป็นคนดี แต่ทำไมเขาทำชั่ว เพราะความไม่รู้ ที่สำคัญที่สุด ก็คือว่า ทั้งหมดเพราะไม่รู้
ถ้าไม่รู้ว่าอะไรดี อะไรชั่ว ยังไม่ได้ศึกษาธรรมเลย ไม่รู้ว่าอะไรดี อะไรชั่ว เขาก็ทำสิ่งที่ไม่ดี เพราะเขาไม่รู้ว่า นั่นคือชั่ว จึงกล้าที่จะทำชั่ว เพราะฉะนั้น ถ้าเห็นโทษ และรู้ ใครจะทำชั่ว แต่เพราะไม่เห็นโทษ และไม่รู้ จึงทำชั่ว เพราะอะไร จึงไม่รู้? เพราะไม่ได้ฟังความจริงเลยว่า แท้ที่จริงแล้วเป็นธรรม ที่ไม่ใช่เขาเลย
อ.อรรณนพ เราก็พูดกันในทุกๆ อาชีพ ทุกอาชีพก็ควรจะสุจริต ไม่ว่าจะเป็นศาล ไม่ว่าจะเป็นแพทย์ เป็นตำรวจ เป็นอะไร ก็ควรจะสุจริต ไม่ควรที่จะเห็นแก่ตัว ไม่ควรที่จะอะไร เหมือนกับคำเตือน หรือคำกล่าวนี้ กับการที่จะได้เข้าใจความเป็นธรรมจริงๆ จะมีประโยชน์ต่างระดับกันอย่างไร เพราะเราก็เตือนกันอยู่ อย่าทุจริต ให้คิดถึงสังคม ให้คิดถึงอะไร
ท่านอาจารย์ ทั้งโลก ทุกอาชีพ คนดีทำดี คนดีทำชั่ว ได้ไหม
ผู้ฟัง ไม่ได้
ท่านอาจารย์ ไม่ได้เลย ใช่ไหม แล้วคนชั่วก็ทำดีไม่ได้ แต่ทำไมทำชั่ว ทำไมทำดี เห็นได้เลยว่า ไม่ใช่เขาไม่อยากจะเป็นคนดี แต่ทำไมเขาทำชั่ว เพราะความไม่รู้ เพราะฉะนั้นที่สำคัญที่สุดก็คือว่าทั้งหมด เพราะไม่รู้ ถ้าไม่รู้ว่าอะไรดีอะไรชั่ว ยังไม่ได้ศึกษาธรรมเลย แต่ไม่รู้ว่าอะไรดี อะไรชั่ว เขาทำสิ่งที่ไม่ดีเพราะเขาไม่รู้ว่า นั่นคือชั่ว จึงกล้าที่จะทำ
เพราะฉะนั้นถ้าเห็นโทษ และรู้ ใครจะทำ แต่เพราะไม่เห็นโทษ และไม่รู้ จึงทำ เพราะอะไรจึงไม่รู้ เพราะไม่ได้ฟังความจริงเลยว่า แท้ที่จริงแล้ว เป็นธรรม ซึ่งไม่ใช่เขาเลย สิ่งที่มีจริงซึ่งเป็นเหตุ เป็นปัจจัยหนึ่ง ที่จะทำให้เกิดผลข้างหน้า ผลข้างหน้าจะเกิดได้อย่างไรลอยๆ โดยไม่ตามเหตุที่ได้กระทำแล้ว เพราะฉะนั้นเป็นเรื่องที่ เพราะไม่รู้ทั้งหมดเลย
เพราะฉะนั้นถ้าใครก็ตาม รู้ความจริง เข้าใจความจริง ของสัมมาสัมพุทธเจ้า ดีขึ้นทุกคน ทุกอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ เป็นลูก เป็นข้าราชการ เป็นทหาร เป็นตำรวจ เป็นอะไรก็ตามแต่ทั้งหมด เพราะเหตุว่านั่นเป็นธรรม แล้วจะดีได้อย่างไร จากความไม่รู้ เพราะรู้ขึ้น ถูกต้องขึ้น และจะเอาความรู้ ความถูกต้องมาจากไหน คิดเองก็ไม่ได้ เห็นว่ามีเงิน ดี มีลาภ ดี มียศ ดี ต้องการแต่เงิน เท่าไรไม่พอ ลาภทั้งหลายนอกจากเงิน เครื่องประดับต่างๆ หรืออะไรก็แล้วแต่ ยศ ชื่อเสียง ทั้งหมดสรรเสริญ ต้องการ แต่ไม่รู้ว่าแท้ที่จริง นั่นเป็นสิ่งที่เกิดจากอะไร ถ้าเกิดจากคุณความดี ถึงแม้ว่ามีตำแหน่งหน้าที่ใหญ่โต เป็นข้าราชการดำรงตำแหน่งสูง คนก็ติดทั้งประเทศ เพราะเขาไม่ดี เพราะฉะนั้นต้องเข้าใจให้ถูกต้อง ว่าความดีก็เป็นธรรม ความชั่วก็เป็นธรรม
เพราะฉะนั้นพระธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้คนเข้าใจตั้งแต่ต้น ไม่สามารถที่จะไปรู้แจ้งอริยสัจธรรม ดับกิเลสได้ เป็นคนดีได้ โดยไม่ได้เข้าใจธรรมตามลำดับ ตั้งแต่ต้นว่า จริงๆ แล้วไม่มีเรา แต่มีธรรม ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นสิ่งนั้น สิ่งนี้ เพราะเหตุว่าสิ่งนั้นเกิดดับสืบต่อ โดยปัจจัยต่างๆ เร็วสุดที่จะประมาณได้ เเล้วก็ดับไป โดยไม่มีใครรู้เลย แต่ถ้ารู้ว่าไม่มี แค่คำนี้แต่ละคำไม่มี แล้วจะติดไหม ติดข้องในสิ่งที่ไม่มี แต่เข้าใจผิดว่ามีต่างหาก เพราะว่าสิ่งที่มีเดี๋ยวนี้ ดับแล้วไม่กลับมาอีกเลยในสังสารวัฏฏ์ ไม่รู้ แต่มีสิ่งอื่น ซึ่งเกิดสืบต่อ เหมือนเดิม เพราะปัจจัยที่เหมือนกัน คล้ายๆ กัน ทำให้สืบต่อ เหมือนกับเป็นสิ่งนั้นอยู่ตลอดเวลา ก็ยึดมั่นว่าเป็นเราตั้งแต่เกิดจนตาย แล้วระหว่างที่เกิดจนตาย ก็ไม่เข้าใจว่า เป็นแต่เพียงสิ่งที่เกิดขึ้นตามเหตุตามปัจจัย เลือกไม่ได้ ทำไม่ได้ เพราะไม่มีเรา ถ้าเข้าใจอย่างนี้ จะมั่นคงในธรรมที่เป็นกุศล ซึ่งเป็นเหตุที่จะนำสิ่งที่ดีมาให้ ไม่ได้นำทุกข์โทษภัยมาให้เลย และธรรมที่เป็นอกุศล ไม่ว่าใคร เหมือนกลิ่นเน่าหรือกลิ่นเหม็น เกิดเมื่อไรฟุ้งแล้ว กระจายไปแล้ว ตามพฤติกรรมที่เกิดขึ้น
อ.คำปั่น ท่านอาจารย์ก็ได้กล่าวถึงโทษภัยของความไม่รู้ ในชีวิตประจำวันที่พอจะเข้าใจถึงความร้ายกาจของอกุศล คือ ความชั่วทั้งหลาย ก็จะมุ่งไปที่ความติดข้อง ความโลภบ้าง หรือว่าความโกรธ ความไม่พอใจบ้าง แต่ท่านอาจารย์ได้กล่าวลึก ถึงโทษภัยของความไม่รู้หรืออวิชชา ที่จะกล่าวให้เข้าใจในเบื้องต้น ว่าร้ายอย่างไร ยิ่งกว่าโลภะ โทสะ อย่างไร
ท่านอาจารย์ เพราะมีความยึดมั่นว่าเป็นเรา ถูกไหม หรือว่าเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่เที่ยง ก็ติดข้องในสิ่งนั้น ถ้ามีเราแล้ว ต้องการอะไรสำหรับเราเยอะเลย ใช่ไหม
อ.คำปั่น ใช่
ท่านอาจารย์ ตั้งแต่เกิดก็แสวงหาเพื่อเรา แต่ถ้ารู้ว่าไม่มีเรา แค่เกิดมาแล้วต้องจากโลกนี้ไป วันหนึ่งวันใด ซึ่งรู้ไม่ได้เลย อาจจะเป็นพรุ่งนี้ก็ได้ แสนสั้น เด็กเพิ่งเกิดก็ตายได้ คนที่อายุมากจนกระทั่งถึงร้อยปี ร้อยกว่าปีก็ตาย ก็ต่างกันไป ทำได้ไหม บังคับได้ไหม แล้วก่อนนั้นดีชั่วที่เกิดขึ้น เพราะไม่รู้ เพราะความเป็นเรา
อ.อรรณพ ท่านอาจารย์ได้กล่าวถึง ก้นบึ้งของเหตุ ที่ทำให้เกิดการทำไม่ดี ท่านอาจารย์กล่าว ทีแรกก็ฟังดูง่ายๆ พอต่อไปก็ลึก ว่า คนดีก็ทำดีในทุกอาชีพ คนชั่วก็ทำชั่วไม่ว่าจะอยู่ในอาชีพใด หาเรื่องทำชั่วได้ทั้งสิ้น แต่ว่าที่ชั่วเพราะอะไร ก็เพราะว่าความไม่รู้ ไม่รู้ความจริง แล้วก็ไม่รู้โทษของความชั่วต่างๆ ท่านอาจารย์กล่าวว่า ถ้ารู้ตามความเป็นจริง ของสิ่งที่เป็นโทษนั้นจริงๆ จะไม่ทำชั่ว ท่านอาจารย์ช่วยขยายตรงนี้
ท่านอาจารย์ คุณอรรณพ หรือใครก็ตามแต่ ที่แสวงหาทรัพย์สินเงินทอง ได้มาแล้วก็ตาย แล้วแสวงหามาทำไม
อ.อรรณพ ตอนนี้ยังไม่ตาย
ท่านอาจารย์ ก็พูดถึงว่า เราไม่รู้ว่าจะตายเมื่อไร เรารู้หรือ ถ้าเรารู้ว่าเราไปแสวงหามาแล้ว เราตายทันทีที่เราได้มา แต่เพราะประมาท คิดว่ายังมีชีวิตอยู่ต่อไป หารู้ไม่ว่าจะจากโลกนี้ไปเมื่อไร และความชั่วที่ได้ทำแล้ว ก็ติดตามไปด้วย ทรัพย์สมบัติไม่ได้ติดตามไปเลย
อ.อรรณพ หมายความว่าจะทำชั่ว จะทำทุจริต แล้วก็คิดว่าจะได้ลาภ ได้ตำแหน่ง ได้อะไรมา เพราะว่าก็เพื่อลาภ เพื่อตำแหน่ง ถ้ามีความคิดที่ไม่ดีนั้น แล้วขณะนั้นลืมไปเลย ขณะนั้นคิดว่าเพราะการกระทำทุจริตอย่างนั้น ถ้าไม่ถูกจับได้ไม่รู้ ก็จะได้รับลาภสักการะ ชื่อเสียง ตำแหน่งอะไรต่างๆ แล้วก็ลืมตาย ลืมไปเลยว่าจะตาย แต่พอท่านอาจารย์มาเตือนตรงนี้ ว่าจากการที่คิดชั่ว ทำชั่วนั้น แล้วคิดว่าจะได้ลาภ ได้ตำแหน่ง ได้อะไรมา แล้วก็ต้องตายไปด้วยการที่ทำชั่วนั้นทันทีเลย
ท่านอาจารย์ หรือว่าผลของความชั่วปรากฏ ติดคุก ได้มาก็จริงมากมายเงินทอง แต่ว่าอยู่ในคุก สมที่อยากไหม เอามาทำไมเงินทอง ในเมื่อตัวเองก็ต้องติดคุก หรือมิฉะนั้นก็เกิดพิการก็ได้ ใครจะรู้ เงินทองช่วยอะไรได้ เพราะฉะนั้นก็เป็นสิ่งที่ไม่รู้ๆ ๆ ทั้งหมดเลย ทั้งเหตุ และผล แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพระมหากรุณา ให้ได้เข้าใจความจริง เมื่อรู้จักความจริงแล้ว เมื่อนั้น คือ ความรู้ที่ประเสริฐสุด ที่สามารถจะละคลายความยึดถือ ในสิ่งซึ่งไม่เที่ยง ชั่วคราวแสนสั้น และก็ไม่ใช่ของเราจริงๆ ตัวคุณอรรณพเวลานี้ เป็นของคุณอรรณพ ใช่ไหม
อ.อรรณพ คิดว่าอย่างนั้น
ท่านอาจารย์ พอตายแล้ว เป็นอย่างไร ก็อยู่ตรงนั้น คุณอรรณพอยู่ไหนก็ไม่รู้ ไม่มีอีกต่อไป ใช่ไหม จริงๆ แล้วก็ไม่มีคุณอรรณพ ตั้งแต่เกิด
อ.อรรณพ ท่านอาจารย์ครับ ความยึดถือ ยึดมั่น ว่าเป็นตัวเรา ก็ค้านได้ ว่ามาฟังก็ไม่ต้องทำงานทำการอะไรกันแล้ว ใช่ไหม แล้วสังคมประเทศชาติ วงงานราชการ จะเป็นอย่างไร เพราะเขาคิดผิด เป็นอย่างไร
ท่านอาจารย์ เพราะเขาคิดว่า เขาทำ
อ.อรรณพ เขาคิดว่า เขาทำ
ท่านอาจารย์ ผิดหรือถูก เห็นไหม แค่นี้ ถ้าไม่ได้ฟังธรรม ก็เขาทำแน่ ฉันทำแน่ แต่ว่าความจริงอะไรทำ
อ.อรรณพ ธรรมแต่ละอย่าง
ท่านอาจารย์ แต่ละหนึ่งขณะ เดี๋ยวนี้ๆ ๆ เป็นธรรมทั้งหมด
อ.อรรณพ ถ้าพอจะรู้อย่างนี้แล้ว แล้วก็ยังจะคงปฏิบัติหน้าที่ ของอาชีพต่างๆ ไปได้อย่างไร ถ้ารู้ว่าเป็นธรรมแต่ละอย่างๆ ไม่มีเขา ไม่มีเรา ไม่มีอะไรเลยอย่างนี้
ท่านอาจารย์ เกิดมา มีความพอใจด้วยหรือเปล่า
อ.อรรณพ มี
ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้นพอใจอย่างไร ก็เลือกอาชีพอย่างนั้น หมายความว่าที่เลือกอาชีพ ก็ไม่ใช่เรา เป็นความพอใจของธรรม
ท่านอาจารย์ แน่นอน ทุกคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ลืมไม่ได้ ลืมเมื่อไรก็ไม่รู้เมื่อนั้น ไม่ใช่ความจริงเมื่อนั้น ธรรมไม่ใช่เรา ธรรมทั้งหลายไม่เว้นเลยเป็นอนัตตา เกิดขึ้นไม่ใช่ไม่เกิด แต่เกิดแล้วดับ เพราะฉะนั้นเราอยู่ไหน อะไรเป็นเรา เกิดแล้วดับ ไม่กลับมาอีกเลยด้วย ต้องเข้าใจความจริงทีละคำอย่างมั่นคง ไม่ใช่เผินๆ