ใครจะรับผิดชอบ *
ทุกคนเห็นแต่ภัยที่มองเห็น ใช่ไหม น้ำท่วมช่วยกันใหญ่ ไฟไหม้ก็ช่วยกัน แต่ภัยที่มองไม่เห็น มีแต่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์เดียว ที่จะให้คนอื่น ด้วยความถูกต้องว่าภัยนั้นยิ่งใหญ่กว่าน้ำท่วม ไฟไหม้ใดๆ ทั้งสิ้น ภัยที่เกิดจากความไม่รู้ และก็ทำให้กิเลสมากมายมหาศาล เกิดขึ้นกับความไม่รู้ ซึ่งเป็นเหตุของทุจริต
เพราะเหตุว่าถ้าเป็นปัญญา จะไม่มีทางกระทำสิ่งที่ไม่ดี แต่สิ่งที่ไม่ดี ที่เป็นทุจริตทุกประการ แม้อยู่ในบ้านก็ทุจริตได้ ใช่ไหม ไม่ต้องออกไปนอกบ้าน แต่ไม่ว่าจะอยู่ในบ้าน หรือนอกบ้าน เมื่อไม่มีความเข้าใจธรรม อกุศลเพิ่มพูนขึ้น ทุจริตก็มีทั่วหัวระแหง
เพราะฉะนั้นทางที่ไม่รู้เลยว่า นี่คือภัยที่ใหญ่กว่าภัยอื่น เพราะภัยอื่นนั้นเป็นผลของทุจริต เพราะฉะนั้นถ้าจะป้องกันไม่ให้มีภัยอย่างนั้นได้ ก็คือว่าต้องป้องกันทุจริตไม่ให้เกิดขึ้น เพราะเหตุว่าทุจริตเป็นเหตุ ที่จะให้เกิดภัยใหญ่ แล้วความไม่รู้จะป้องกันภัยได้ไหม
เพราะฉะนั้นมีหนทางเดียว คือ คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกคำ ไม่ว่าใครได้ยิน ได้ฟัง กาลไหน พระสูตร หรือพระวินัย หรือพระอภิธรรมเป็นประโยชน์ทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นยุคนี้สมัยนี้ ความที่พุทธบริษัทหรือชาวโลกทั้งหมด ไม่เข้าใจความจริง ไม่รู้ความจริง ซึ่งไม่ใช่ใครเลย นอกจากความเป็นจริง ของสิ่งที่มีจริง คือ ธรรม โลกก็ต้องเป็นอย่างนี้
เพราะฉะนั้นถึงเวลาหรือยัง ที่เราจะรู้เหตุของการนำมาซึ่งภัยจริงๆ ก็คือความไม่เข้าใจความจริง ทุกวันที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ทรงประกาศให้เห็นโทษ เห็นภัย โดยประการทั้งปวง ๔๕ พรรษา เพราะฉะนั้นถ้าไม่มีการฟัง ไม่มีการเข้าใจธรรมเลย ไม่มีทางที่จะแก้ไขอะไรได้เลยทั้งสิ้น คำถามอีกคำถามหนึ่ง น่าคิด แล้วใครจะรับผิดชอบ อยู่กันไปสบายๆ ทุกวันเลย ภัยก็มาสบายๆ ของภัย ไม่มีใครรู้เลย เงียบสนิทมาก แล้วใครจะรับผิดชอบ รับผิดชอบแทนคนอื่นได้ไหม ให้คนนี้มารับผิดชอบแทนตัวเองได้ไหม ไม่ได้
เพราะฉะนั้นแต่ละหนึ่งหนทางเดียว ที่จะนำความสว่าง ทำให้ความมืดด้วยความไม่รู้ และโทษภัยกิเลสทั้งหลาย ทุจริตต่างๆ ลดน้อยลง ก็คือว่า มีความเข้าใจเหตุ และผล ตรงตามความเป็นจริง ซึ่งคนอื่นจะคิดได้หรือ เต็มไปด้วยความไม่รู้ สภาพธรรมเกิดดับสืบต่อ สุดที่จะประมาณได้ รวดเร็ว ปรากฏเป็นนิมิตต่างๆ ให้หลง ให้ติด ให้ทำทุจริตต่างๆ แต่ว่าพระปัญญาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ทรงอนุเคราะห์ให้คนอื่นได้ฟังทุกคำ แม้แต่ภิกษุในธรรมวินัย เป็นเหตุหนึ่ง หรือกล่าวว่าเป็นเหตุใหญ่ ที่ทำให้เกิดภัยพิบัติได้ไหม เพราะความไม่รู้
เพราะฉะนั้น ก็ทำลายคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งประกาศความจริง คนอื่นก็หลงเชื่อตาม เพราะว่าไม่ศึกษาให้เข้าใจ ก็หลงทำผิดตามทุกประการ เพราะฉะนั้นภัยพิบัติ ใหญ่หลวงมาก มาจากใคร ก็ต้องมาจากพุทธบริษัท แล้วถ้าเป็นภิกษุ ซึ่งไม่ได้เข้าใจพระธรรม และก็ไม่ได้ประพฤติปฏิบัติตามพระวินัยด้วย ย่อมทำลายพระศาสนา เป็นภัยที่คนอื่นมองไม่เห็นเลย เพราะพอเห็นภิกษุก็กราบไหว้ อย่าไปยุ่งไปเกี่ยว แต่หน้าที่ของใคร ที่จะรู้ความจริงว่า อะไรถูก อะไรผิด ที่จะแก้ไข เพราะว่าพุทธบริษัทไม่ใช่มีแต่ภิกษุ พระองค์ไม่ได้มอบหมายให้ภิกษุเป็นศาสดาแทนพระองค์ แต่พระธรรมวินัยทั้งหมด ที่ได้ทรงแสดงแล้วแก่พุทธบริษัท
เพราะฉะนั้นหน้าที่ของพุทธบริษัทแต่ละคน ก็คือว่า ถ้าเราไม่เข้าใจธรรม มัวคิดว่าให้คนอื่นเข้าใจ ไม่มีทางแก้ไขได้เลย เพราะฉะนั้นจุดอยู่ที่พุทธบริษัทไม่ได้เข้าใจธรรม ไม่รู้จักภิกษุ และภิกษุก็ไม่รู้จักภิกษุด้วย เพราะฉะนั้นเมื่อไม่มีหลัก คือ ความเข้าใจถูกต้อง ที่จะทำให้จิตสุจริต เป็นไปในทางที่ดี ก็ต้องเป็นไปในทางทุจริต เพราะฉะนั้นก็ล่มสลาย เร็วหรือช้า แก้ไขได้ไหม ช่วยกันรับผิดชอบ ไม่ใช่ปล่อยปละละเลย ไม่ใช่ว่าเขามีหน้าที่ คนนั้นมีหน้าที่ คนนี้มีหน้าที่ แต่เราไม่มีหน้าที่หรือ ก็เป็นหน้าที่ของทุกคน ถ้าทุกคนตระหนักว่าเป็นหน้าที่ของทุกคน โดยทางส่วนตัว และโดยทางส่วนร่วม ก็สามารถที่จะแก้ไขได้