วิกฤต (เสื่อมอย่างหนัก) เพราะไม่เข้าใจพระธรรม *


    ผู้ฟัง ผมชื่อสุรสาร เดินทางมาจากจังหวัดสิงห์บุรี ตั้งใจที่จะมาฟัง สิ่งที่เป็นประโยชน์จากท่านอาจารย์โดยตรง ก็รับทราบว่าท่านอาจารย์จะมาบรรยายที่นี่นานแล้วครับ ก็ตั้งใจที่จะมา ตั้งแต่วันที่ทราบว่า ท่านอาจารย์จะเดินทางมาบรรยายเรื่องนี้ที่นี่ คำถามที่ท่านอาจารย์ถามตั้งแต่ตอนแรก ถามว่าพระพุทธศาสนาวิกฤติหรือไม่ ผมนั่งฟังท่านอาจารย์อยู่ ถ้าจับประเด็นที่บอกว่า ชาวพุทธเราไม่รู้จักองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เนื่องจากว่าไม่เข้าใจธรรมของพระองค์ ด้วยเหตุผลนี้ ผมคิดว่า ณ ช่วงเวลานี้ ศาสนาพุทธอยู่ในขั้นวิกฤตแน่นอนในประเทศไทย

    เพราะว่าเริ่มที่จะมีคนไทยที่เป็นชาวพุทธตั้งแต่กำเนิด ไม่รู้จักพระพุทธองค์เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากไม่เข้าใจธรรมของพระองค์ ซึ่งมันอาจจะเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจ ว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น มันจะสวนทางกับผู้คนในอีกซีกโลกหนึ่งหรือไม่ ที่ถึงแม้เขาไม่ได้ถือกำเนิดเกิดมาเป็นชาวพุทธโดยตรง แต่ในบางเรื่องบางครั้ง เขากลับรู้จักพระพุทธเจ้ามากกว่าเราที่เป็นชาวพุทธ

    เพราะฉะนั้นประเด็นคำถาม ที่ผมอยากจะเรียนถามท่านอาจารย์ ถ้าเรื่องนี้เป็นวิกฤติของพระพุทธศาสนา เราจะแก้วิกฤตินี้ได้อย่างไร

    ท่านอาจารย์ ต้องรู้ว่าเหตุมาจากอะไรที่วิกฤต เพราะไม่เข้าใจธรรม เพราะฉะนั้นจะแก้วิกฤติได้ ก็ต่อเมื่อเริ่มเห็นประโยชน์ และเข้าใจธรรม และรู้คุณค่าว่า วิกฤตทั้งหมดมาจากความไม่รู้ แต่ผู้รู้ได้ทรงแสดงธรรม ให้รู้ให้เข้าใจ ซึ่งจะไม่เป็นเหตุให้วิกฤต ถ้าเข้าใจธรรมของพระองค์

    ผู้ฟัง การจะแก้ปัญหา แก้วิกฤตินี้ได้ก็คือ ต้องให้เข้าใจธรรมของพระพุทธองค์ ปัญหาก็คือ ในประเทศเราขณะนี้ ใครที่จะมาเป็นผู้นำในการที่จะสร้างความเข้าใจนี้ ให้กับชาวพุทธทั้งหลาย

    ท่านอาจารย์ ที่จริงไม่ใช่ใครเลย นอกจากตัวเอง ทุกคน เราจะฝากคนอื่นได้อย่างไร ให้คนโน้นให้คนนี้ ให้คนนั้น ทุกคนก็หมุนเวียนกันไป โดยไม่มีใครรู้ธรรมเลย แต่ว่าแต่ละคน เริ่มเห็นประโยชน์ เริ่มเห็นคุณค่า และเริ่มพิจารณาคำที่ได้ฟังว่า ถูกต้องไหม เพราะว่าผู้ที่จะเข้าใจธรรม บารมีคือความเป็นผู้ตรง สัจจบารมี ถูกคือถูก ผิดคือผิด ปัญญาที่รู้ว่าอะไรถูก จะไม่นำไปสู่ทางที่ผิด

    เพราะฉะนั้นเป็นความเข้าใจถูกต่างหาก ที่ทำให้พฤติกรรมทั้งหลายจะพ้นวิกฤติได้ แต่ถ้าไม่มีความเข้าใจถูก เอาความไม่รู้ไปแก้ไขอย่างไร ก็ไม่มีทางที่จะเป็นไปได้ นอกจากสัจจบารมี อธิษฐานบารมี พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบำเพ็ญบารมีนานเท่าไร เกินกว่าที่ใครจะคิด กว่าพระองค์จะทรงตรัสรู้ และแสดงธรรม แต่ละคำลึกซึ้งอย่างยิ่ง ให้คนที่เห็นคุณค่า ค่อยๆ ไตร่ตรอง ค่อยๆ เข้าใจ และความเข้าใจนั้น จะทำให้เป็นคนดี เพราะปัญญารู้ว่าอะไรถูก อะไรผิด อะไรเป็นโทษ อะไรเป็นประโยชน์

    เพราะฉะนั้นหนทางนี้เท่านั้นที่ว่า ถ้าเราสามารถที่จะมีความเข้าใจที่ถูกต้อง และเริ่มแก้ไข ก็สามารถที่จะพ้นวิกฤติได้ แต่ต้องค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป เพราะเหตุว่าวิกฤตินี้มากมาย นาน แล้วก็ยิ่งเพิ่มขึ้น เพราะฉะนั้นหนทางที่จะแก้ไข ประการแรก ไม่ให้พระภิกษุรับเงิน และทอง ถ้าคฤหัสถ์ไม่ให้ พระภิกษุจะเอามาจากไหน และข้อสำคัญก็คือว่า ชีวิตคฤหัสถ์มีกิจธุระการงานต่างๆ มากมายอย่างชาวโลก แต่ก็ศึกษาธรรมได้ เข้าใจธรรมได้ ไม่ทำลายพระวินัยแต่ถ้าเป็นพระภิกษุแล้ว แล้วไม่เข้าใจธรรม ก็ต้องทำลายพระวินัย และก็ชาวบ้านก็คิดว่า ถ้าไม่มีพระภิกษุ ประเทศไทยจะอยู่ได้อย่างไร ถ้ามีความเข้าใจธรรม ประเทศไทยอยู่ได้ แต่ถ้ามีผู้ที่ไม่เข้าใจธรรม ประเทศไทยก็อยู่ไม่ได้ อยู่ได้อย่างนี้ อย่างวิกฤติ

    ผู้ฟัง หัวข้อที่เราตั้งไว้คือ วิกฤตพระพุทธศาสนากับประเทศชาติ เรียนถามท่านอาจารย์ว่า ถ้าประเทศไทย ศาสนาพุทธอยู่ในขั้นวิกฤต ตามความหมายที่ได้เรียนให้อาจารย์ทราบเมื่อครู่นี้ จะส่งผลกระทบอย่างไรต่อประเทศชาติ

    ท่านอาจารย์ กระทบมาก ตั้งแต่เพราะไม่รู้ จึงมีการใช้คำว่าระดมบวชได้ไหม ตามจำนวน มากมายมหาศาล ที่เข้าใจว่ายิ่งบวชมากเท่าไร ยิ่งดี ถึงกับเกณฑ์หรือจ้างคน ถูกต้องไหม ไม่มีความสนใจในธรรมเลย แต่ไม่ทราบจะเอาปริมาณไปทำไม เพราะเหตุว่าต้องเข้าใจธรรมต่างหาก ไม่ใช่ว่ามีผู้ที่บวชเยอะๆ และอีกอย่างหนึ่ง แม้แต่สามเณรก็ไม่รู้ว่า สามเณรคือใคร พระภิกษุคือใคร เพราะเหตุว่าไม่ได้ศึกษาพระวินัยบัญญัติ

    เพราะฉะนั้นผู้ที่เริ่มฟังธรรมเข้าใจ เขาก็บอกว่า ชาวบ้านก็ไม่รู้จักพระ พระก็ไม่รู้จักพระ ถ้ารู้จักก็ต้องประพฤติตามพระธรรมวินัย แต่ถ้าไม่ประพฤติตามพระธรรมวินัย เป็นพระภิกษุได้อย่างไร ด้วยเหตุนี้ ก็คือว่าทุกคนต้อง รู้เหตุว่ามาจากไหน และแก้เหตุ คือว่า เริ่มสนใจ และเข้าใจพระธรรม นอกจากนั้นสามเณรเห็นไหม เป็นใคร เป็นเด็กเล็กๆ เอาไปบวชน่ารัก ทำอะไรก็ได้ เดินตามชายหาด หรือว่ามาเล่นเกมส์ อะไรก็ได้ แต่ว่าในพระธรรมวินัยไม่ใช่ เพราะเหตุว่าสามเณร คือ ผู้ที่ยังไม่ถึงกาลเวลาที่จะบวชเป็นภิกษุ ยังไม่มั่นคงพอ ใช่ไหม

    เพราะฉะนั้นสามเณรก็คือ ผู้ที่ดำเนินรอยตามภิกษุ ซึ่งดำเนินรอยตามพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อีกประการหนึ่ง วัดคืออะไร อารามะ ที่รื่นรมย์ยินดี ไม่ใช่ด้วยเสียงดนตรี แต่ด้วยความสงบ ซึ่งหายาก เพราะเหตุว่าปกติธรรมดา เราอยู่ในโลก ยังไม่ได้เข้าวัด ในครั้งโน้น เราก็ไม่มีความรู้อะไร ชีวิตดำเนินไปด้วยกิเลสต่างๆ แต่ขณะใดก็ตาม ไปสู่อารามะ อย่างพระเชตวัน เป็นต้น ได้มีความเข้าใจ ขณะนั้นรื่นรมย์ ในการที่สงบจากอกุศล

    เพราะฉะนั้นวัดไม่ใช่เป็นตลาดนัด หรือไม่ใช่เป็นที่ทำขนมปัง หรือเป็นที่อะไรต่างๆ แต่วัดต้องสงบ วัดวาอารามต้องสงบ แต่ถ้าเข้าไปในนั้นแล้ว ไม่สงบเป็นวัดหรือ เพราะฉะนั้นวิกฤตทุกประการ

    ผู้ฟัง ครับ ขอบคุณอาจารย์


    หมายเลข 11366
    24 ต.ค. 2567