ธรรมกับชาวนา


    อ.อรรณพ แม้ชีวิตจะทุกข์ยากเพียงใด แต่ถ้าได้สะสมความเข้าใจพระธรรมมา เมื่อได้ฟัง พระธรรมแล้วเข้าใจ จึงเห็นประโยชน์ และแสวงหาการฟังสัจจะความจริง สะสมปัญญาเป็นสาวกโพธิสัตว์


    ท่านอาจารย์ ใครก็ตามที่เป็นสัตวโลก ก็คือผู้ที่ข้องอยู่ในโลก จนกว่าจะเป็นโพธิสัตว์ ข้องอยู่ในการที่จะรู้ความจริง ที่เป็นโลกขณะนี้ แต่ละคำไม่ใช่ให้เราผ่านไป แล้วก็ฟังเเล้วก็อยากรู้ อยากทำตาม แต่ว่าแต่ละคำต้องชัดเจน มีสิ่งที่กำลังปรากฏจริงๆ และก็รู้ได้หรือไม่ เกิดปรากฏให้เห็นว่ามีจริง จะไปรู้อย่างอื่นได้หรือ ไม่มีทางที่จะรู้อย่างอื่นที่ไม่ปรากฏ แต่สิ่งที่ปรากฏนี่แหละเท่านั้น ที่จะรู้ได้ เห็นเป็นสิ่งที่รู้ได้ คิดเป็นสิ่งที่รู้ได้ ชอบ ไม่ชอบเป็นสิ่งที่รู้ได้ แต่ไม่ใช่เรารู้ ต้องเป็นความเห็นถูก ความเข้าใจถูก ลองคิดดู ถ้าไม่มีการได้ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเลย ใครสามารถจะรู้ว่า แท้ที่จริงแล้ว มีแต่ธรรมเท่านั้น ไม่มีทางที่จะคิดเลย มีคน มีสัตว์ มีวัตถุ มีสิ่งของ มีพ่อแม่ มีเพื่อนฝูง มีทุกสิ่งทุกอย่างที่มี แล้วจะบอกว่าไม่มีอะไรเลยทั้งสิ้น นอกจากธรรม

    ธรรมคืออะไร ข้องหรือไม่ โพธิไหม ที่จะเข้าใจขึ้น แสดงให้เห็นว่าเราอยู่ในโลกเพื่อที่จะได้เข้าใจ สิ่งที่มีในโลกเมื่อไร เมื่อนั้นเราก็เป็นโพธิสัตว์ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบำเพ็ญพระบารมีนานสุดที่จะประมาณได้ เมื่อสักครู่นี้เราก็กล่าวถึงพระโพธิสัตว์ ที่เป็นพระมหาสัตว์ ๓ ประเภทคือ ผู้ที่ยิ่งด้วยปัญญา จะต้องอบรมนานเท่าไร พระโพธิสัตว์ที่ยิ่งด้วยศรัทธา หมายความว่าปัญญาอ่อนกว่าศรัทธา ก็ต้องเพราะปัญญาต่างหาก จึงสามารถที่จะรู้ความจริงของสิ่งที่มีได้ ก็ต้องเพิ่มความอดทนบารมีขึ้นอีกที่จะรู้ความจริง จนกระทั่งถึงผู้ที่ยิ่งด้วยวิริยะ ปัญญาก็น้อยกว่าศรัทธา และมีความเพียรที่ว่า ถึงยาก แต่ก็รู้ได้ นี่คือผู้ที่ยิ่งด้วยความเพียร ก็ต้องอาศัยกาลเวลา ที่จะต้องอดทน เช่นคุณปทุม เงินที่ได้มาไม่ได้เอาไปทำอย่างอื่นเลย นอกจากซื้อวิทยุเพื่อฟังธรรม มีใครเป็นอย่างนี้บ้าง แล้วก็อยู่ตั้งแสนไกล ไม่ได้มีเพื่อนฝูงมิตรสหาย ที่จะมาสนทนาธรรมกันเลย แต่สิ่งใดที่ได้สะสมมาแล้ว ไม่ได้หายไปไหนเลย เราไม่สามารถที่จะรู้ได้เลย ว่าชาติก่อนคุณปทุมเป็นใคร ชาติโน้นสมัยพระโพธิสัตว์บำเพ็ญบารมี คุณปทุมเป็นใคร แล้วจะเป็นเพียงแค่ชาติชาติเดียว ตามเหตุตามปัจจัย พอหมดชาตินี้ เป็นคนนี้ต่อไปอีกไม่ได้เลย แต่ก็ยังจะต้องเป็นตามปัจจัย ที่จะต้องเกิดขึ้น แล้วแต่ว่าสุขบ้าง ทุกข์บ้าง แต่ละชาติก็ต่างกันไป แต่ใครจะไปทำลายสิ่งที่คุณปทุมสะสมมาที่จะสนใจ เพียงได้ยินธรรม ก็แสวงหาที่จะฟัง แม้ว่าไม่มีไฟฟ้า ก็จะเห็นได้จริงๆ ว่า แต่ละหนึ่งเป็นแต่ละหนึ่ง ซึ่งคุณความดีทั้งหมด เป็นสิ่งที่ควรชื่นชม สะสม เพราะว่าไม่ได้ให้โทษกับใครเลยทั้งสิ้น แต่กลับนำมาซึ่งความเจริญทุกประการ คนที่กำลังทุกข์ แต่มีปัญญา กับคนที่กำลังสุขแต่ไร้ปัญญา คนที่มีปัญญาก็เห็นความต่าง ว่าอะไรจะเป็นประโยชน์กว่ากัน นี่คือโพธิ ปัญญาที่ยังถูกต้องตามความเป็นจริงว่า อะไรมีค่า สิ่งที่เพียงเกิดแล้ว ดับไปแล้ว ไม่กลับไปอีกทุกชาติ มีค่าหรือ ในเมื่อไม่เหลือเลย กับสิ่งที่สามารถจะเข้าใจถูกต้องตามความเป็นจริง เพื่อที่จะรู้จริงๆ ว่าแท้ที่จริงแล้วมีแต่ความหลง อวิชชา เริ่มต้นความไม่รู้ เกิดมาก็ไม่รู้ ไม่ได้ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ไม่รู้

    การที่มีโอกาส ที่จะได้ยิน ได้ฟัง แล้วก็มีศรัทธา ผู้นั้นก็รู้ว่า การเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายากกว่าการที่เรา ซึ่งเป็นสาวก จะรู้ความจริงของสิ่งที่กำลังปรากฏ เพราะว่าเพียงฟังว่ามีจริง เห็นมีจริง เราเข้าใจได้ และรู้ว่ารู้ได้ แต่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงตรัสรู้ยิ่งกว่านี้ ประมาณไม่ได้เลย ด้วยเหตุนี้พระบารมีที่สะสมมาทั้งหมด เราก็รู้ได้ว่า เพื่อที่จะรู้สิ่งซึ่งแม้สาวกก็รู้ได้ แต่ไม่เท่าพระองค์ก็จริง แต่ยังรู้ได้ว่า เห็นขณะนี้เกิดแล้วดับ ความจริงที่มีอยู่ทุกขณะเป็นสิ่ง ซึ่งผู้ที่ได้ยินได้ฟังพระธรรมแล้ว มีความเข้าใจที่ถูกต้อง มั่นคง เป็นโพธิสัตว์ เป็นแบบไหน คุณวิชัยจะเป็นแบบไหน

    อ.วิชัย เป็นสาวก

    ท่านอาจารย์ สาวกโพธิสัตว์ จะถึงพระปัจเจกโพธิสัตว์ไหม หรือว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นี่ก็เป็นสิ่งที่ยาก ตามอัธยาศัย แต่ไม่ละทิ้ง สิ่งที่มีค่าที่สุด ที่ได้ยิน ได้ฟังว่า ปัญญาสามารถเข้าใจถูก ถ้าไม่เข้าใจก็คือ ไม่ใช่โพธิสัตว์ ไม่ว่าโดยประเภทไหนทั้งสิ้น ก็แสดงให้เห็นว่าสิ่งที่มีขณะนี้รู้ยาก แล้วเรายังจะเป็นตัวตนที่ไปวางแผน คิดอย่างโน้น อย่างนี้ ทำอย่างโน้น อย่างนี้ โดยไม่ได้เข้าใจเลยจริงๆ ว่า ทั้งหมดพระธรรมเพื่อละความไม่รู้ เห็นขณะนี้ก็มี ก็ได้ยินมาตลอด เห็นมีจริงๆ ไม่ใช่เรา เห็นเกิดขึ้น และดับไป ดับแล้วไม่กลับมาอีก จะเป็นเราได้อย่างไร สิ่งที่ปรากฏ ถ้าไม่เกิดขึ้น จะปรากฏได้หรือ พอปรากฏเกิดแล้วก็ดับไป ไม่มีอะไรเหลือเลย ตลอดทุกขณะในสังสารวัฏฏ์

    ก็สะสมความเข้าใจ ไม่ใช่ว่าให้ใครเป็นเตรียมแผนการณ์เป็นคนดี อยากจะทำอย่างนั้น อยากจะทำอย่างนี้ ด้วยความเป็นตัวตน แต่เพื่อละความไม่รู้ แล้วก็เป็นปกติด้วย ถ้าไม่เป็นปกติ เราจะรู้ถึงการสะสมไหม แต่ละหนึ่ง ไม่เหมือนกันเลย นักร้องฟังธรรมได้หรือไม่ ก็ได้ใช่ไหม ไม่มีอะไรที่ไม่ใช่ธรรม ทุกคนไม่ว่าจะอาชีพใด สะสมมาอย่างไร แม้แต่คุณปทุม ชาวนาใช่ไหม อาชีพชาวนา ในครั้งพุทธกาลก็มีชาวนาที่รู้แจ้งอริยสัจจธรรม ไม่ได้จำกัดเลยว่า อาชีพใดทำอะไรอยู่ แต่ว่าความเข้าใจที่สะสมไปแต่ละชาติ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม เพียงได้ยินธรรม

    รู้ค่าของธรรม และก็ฟังเพื่อที่จะเข้าใจ ตามที่กล่าวว่า ทุกคำควรเข้าใจ ไม่ใช่เข้าใจว่า ให้เราไปทำ แต่ว่าเข้าใจว่า เป็นสิ่งที่มีโดยไม่ต้องทำ และก็ไม่ใช่เราด้วย


    หมายเลข 11392
    15 มี.ค. 2567