ไม่ใส่ใจ ไม่ยึดติดในนิมิตอนุพยัญชนะ
ผู้ถาม คำพูดที่ว่าไม่นึกถึงนิมิต และอนุพยัญชนะ หลังจากสติเกิด คือหมายถึงถ้าตอนนี้เรามีสติเกิดระลึกถึงรูปร่างเพราะว่าเรามีการเห็น ขณะนั้นมีการคิดนึกในรูปร่าง และก็มีสติระลึกถึงรูปร่างอะไรที่มันเกิดตามความเป็นจริงในขณะนั้น แต่ว่าต่อไปถ้าปัญญาเกิดขึ้นมากๆ ขึ้นไป ความก้าวหน้าคือจะไม่เห็นนิมิต และอนุพยัญชนะใช่ไหม ตามที่มีพระสูตรหนึ่งที่กล่าวว่าพระภิกษุที่เห็นหญิงที่ทะเลาะกับสามีออกมาแล้วเห็นแต่ฟัน ที่เขายิ้มแล้วเห็นฟัน แต่พระไม่เห็นว่าเป็นหญิงหรือเป็นชาย
สุ. ไม่ใส่ใจ ไม่ยึดติดในนิมิตอนุพยัญชนะ แต่ว่าทุกอย่างต้องเป็นความจริง ถ้ากล่าวว่าสภาพธรรมเกิดดับสืบต่อเร็วมาก ในขณะนี้ก็คือว่ามีเห็น และมีการรู้หลังจากเห็นว่าสิ่งที่เห็นเป็นอะไร นี่ปฏิเสธไม่ได้ ถูกต้องไหม
ผู้ถาม ค่ะ
สุ. เพราะฉะนั้นเวลาที่สติสัมปชัญญะเกิด มีความค่อยๆ เข้าใจว่าสิ่งที่กำลังปรากฏขณะนี้ ความเป็นจริงก็คือว่าเป็นสภาพธรรมอย่างหนึ่ง เป็นธาตุชนิดหนึ่ง เป็นสิ่งที่มีจริงที่สามารถกระทบกับจักขุปสาท แล้วมีจิตเห็นเกิดขึ้น สิ่งนี้จึงปรากฏ นี่จะทำให้คลายการยึดติดในอนุพยัญชนะ ในนิมิตว่าเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด เมื่อใดที่เริ่มเข้าใจแม้ในขณะนี้ ไม่ได้มีตัวตนที่ไปสกัดกั้นยับยั้งเห็น ไม่ให้มีการรู้เลยว่าสิ่งที่ปรากฏเป็นอะไรนั่นผิด ใครจะไปยับยั้งการเกิดดับสืบต่ออย่างรวดเร็วของจิตได้ และความจริงก็คืออย่างนี้ แม้ขณะนี้สติปัฏฐานจะเกิดระลึกลักษณะของสภาพธรรมทางหนึ่งทางใด ไม่ได้หมายความว่าไม่มีทางอื่นเกิดดับสลับอย่างรวดเร็ว ที่จะปรากฏเหมือนเดิมเป็นปกติ แต่ขณะนั้นสติปัฏฐานเกิดจึงรู้ว่าขณะนั้นกำลังรู้ตรงลักษณะของสิ่งหนึ่งสิ่งใดเป็นปกติ และก็อย่างรวดเร็ว เพราะเหตุว่ามีปัจจัยเกิดแล้วก็ดับไป เพราะฉะนั้นการฟังธรรมต้องเข้าใจว่าเป็นปกติ ไม่ผิดปกติเลย ถ้าผิดปกตินั่นผิด มีเราทำอย่างนั้นได้ยังไง เพราะเหตุว่าจะไปกั้นไม่ให้มีการรู้เลยว่าสิ่งที่ปรากฏทางตานี่เป็นอะไร
ที่มา ...