จะฟังใคร
อ.อรรณพ จะฟังคำของใครที่ทำให้ค่อยๆ เข้าใจขึ้นว่า เป็นธรรมไม่ใช่เรา นอกจาก คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
อ.คำปั่น ธรรมที่พระองค์ทรงแสดงมีมาก ตลอด ๔๕ พรรษา แต่ว่าเราเข้าใจกี่คำ
ท่านอาจารย์ ไม่ใช่หมายความว่า ฟังแล้วผ่านไป เข้าใจแล้ว แต่ว่าตามความเป็นจริง คำที่ได้ฟังกล่าวถึงสิ่งที่มีจริง ซึ่งตรงตามที่ได้ฟัง ถึงที่สุด
อ.คำปั่น ถึงที่สุด คืออย่างไร
ท่านอาจารย์ ถึงที่สุดคือ เห็นไม่ใช่เรา ฟังมาแล้วนานเท่าไร แล้วเห็นมาแล้วนานเท่าไร แล้วจะเห็นต่อไปอีกนานเท่าไร ถึงที่สุดหรือยัง
ผู้ฟัง ยัง
ท่านอาจารย์ ยังเป็นเรา แล้วจะไปฟังคำของใคร คำของใครอย่างไรก็ไม่สามารถที่จะทำให้เข้าใจจริงๆ ว่า เห็นขณะนี้เป็นธรรม แม้แต่คำว่าธรรม ซึ่งได้ยินมานานแสนนาน ก็ยังไม่ได้เข้าใจถูกต้อง ว่าหมายความถึง สิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้เอง ธรรมดาอย่างนี้แหละ แต่ที่ใช้คำนี้เพราะแสดงความจริงว่า ไม่ใช่ใคร ไม่ใช่ของใคร มีเหตุปัจจัยก็เกิดขึ้น ทำหน้าที่อย่างนี้แหละ คือกำลังเห็นเดี๋ยวนี้เอง แล้วก็ดับไป ฟังเท่าไร จึงสามารถที่จะรู้ว่า ขณะนี้ไม่ใช่เราที่เห็น ถึงที่สุดคือสามารถประจักษ์แจ้งความจริง เห็นเกิดแน่ๆ แล้วเห็นก็ดับไป โดยไม่มีการที่จะรู้เลย เพราะไม่ใช่คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่จะทำให้ค่อยๆ เข้าใจเห็น และเข้าใจสิ่งที่เกิดทั้งหมดในชีวิต เพราะไม่ใช่มีแต่เห็น ได้ยินก็มี คิดก็มี เกิดแล้ว ดับแล้วทั้งนั้น แต่ไม่ปรากฏการเกิดขึ้น และการดับไป การฟังคำที่จริง ก็ต้องรู้ว่าคำที่ได้ยิน ได้ฟัง สามารถที่จะเป็นจริงอย่างนั้นที่จะให้เข้าใจได้ถูกต้องถึงที่สุด ด้วยปัญญาของผู้ที่ฟังเอง มิฉะนั้นก็ไม่มีประโยชน์
อ.คำปั่น เพราะฉะนั้นคำแต่ละคำ ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัส ก็ส่องให้เข้าใจถึงตัวจริง ของสภาพธรรมทั้งหมดเลย ไม่ว่าจะได้ยินคำอะไรก็ตาม ก็กล่าวถึงสิ่งที่มีจริงทั้งหมด
ท่านอาจารย์ เพียงหนึ่งคำ ใช่ไหม
อ.คำปั่น ใช่
ท่านอาจารย์ แล้วทั้งหมดมีกี่คำ
อ.คำปั่น นับไม่ถ้วน
ท่านอาจารย์ แล้วยังจะไปฟังเรื่องอื่น แล้วจะเข้าใจหรือไม่ ถ้าไม่เข้าใจคำของสัมมาสัมพุทธเจ้า ทุกคำตรัสถึงสิ่งที่มีจริง เพื่อค่อยๆ ให้ความเข้าใจเพิ่มขึ้น ความเข้าใจซึ่งไม่มีมาก่อนเลย ที่จะได้ฟังธรรม คิดดู จริงหรือไม่ ก่อนฟังธรรมไม่ได้มีความเข้าใจเลย ในสิ่งที่กำลังมีจริงๆ ได้ยินแต่คำอื่นมากมาย น้อยครั้งที่จะได้ยินคำนี้ แต่คนอื่นกล่าว ก็ไม่เหมือนคำที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสแต่ละคำ ด้วยพระองค์เอง เพราะรู้ว่าแสนยาก ฟังแล้วไม่ใช่ไม่เคยฟัง ภาษาไทยก็รู้ เห็นมีจริงๆ แล้วก็กำลังเห็นด้วย แต่ความลึกซึ้งก็คือว่า ทุกคำของพระองค์สามารถที่จะทำให้ค่อยๆ เข้าใจขึ้นทีละน้อยทีละน้อย จนกระทั่งเห็นจริงๆ ว่าขณะนี้เป็นธรรม ที่เป็นธาตุรู้ ซึ่งเกิดขึ้นเห็น แล้วก็ดับไป ก็เห็นได้ไปฟังคำอื่นอีกร้อยคำ พันคำ จะสามารถทำให้เข้าใจเห็นขณะนี้หรือไม่ ถึงแม้ว่าเดี๋ยวนี้ยังไม่ได้ประจักษ์แจ้งการเกิดขึ้น และดับไปของเห็น แต่ก็มีเห็นจริงๆ ด้วย และเห็นนี่ก็ต้องเกิดจริงๆ แล้วเห็นนี่ก็ต้องดับจริงๆ และก็ไม่ใช่มีแต่เห็นเท่านั้น ยังมีคิดนึก มีทุกสิ่งทุกอย่างมากมายในชีวิต ตั้งแต่เกิดจนตาย แต่ละขณะเร็วสุดที่จะประมาณได้ ซึ่งถ้าขณะนั้นปัญญาไม่เกิด ไม่รู้ สิ่งนั้นก็หมดแล้ว ดับแล้ว โดยไม่รู้เลย
จะไปฟังคำของใคร ที่ไม่ทำให้ค่อยๆ เข้าใจขึ้น แม้ว่าจะน้อยมาก แต่มีประโยชน์ มหาสมุทรกว้างใหญ่ โอฆะ อวิชโชฆะ คำของใคร มีใครบ้างไหม ที่จะกล่าวถึงมหาสมุทรที่กว้างใหญ่ของความไม่รู้ แล้วก็ไปฟังคำของคนอื่น แต่ขณะนี้กำลังไม่รู้อะไรบ้าง เห็นกำลังเกิดดับก็ไม่รู้ อวิชโชฆะ ความไม่รู้มากมายมหาศาล ของสิ่งซึ่งเกิดดับสืบต่อ เร็วสุดที่จะประมาณได้ อาศัยคำของพระองค์ ผู้ที่เป็นสาวกทั้งหลาย ก็ค่อยๆ เข้าใจขึ้นๆ ที่จะละความยินดีในคำอื่นๆ แล้วก็สามารถที่จะรู้ได้ว่า ประโยชน์ที่สำคัญที่สุดในชีวิตคือ เข้าใจสิ่งที่มี ตั้งแต่เกิดจนตาย ซึ่งบางคนไม่เข้าใจเลยทุกชาติ เกิดแล้วตายไป แล้วมีอะไรเหลือ ไม่มีอะไรเหลือเลย
นี่เป็นคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีสิ่งที่เกิดแล้วก็ดับ แล้วไม่มีอีกเลย สิ่งนั้นหายไปไม่กลับมาอีกเลย เป็นอย่างนี้ทุกอย่างๆ เสียงเดี๋ยวนี้ เห็นเดี๋ยวนี้ คิดเดี๋ยวนี้ จำเดี๋ยวนี้ ทุกอย่างหมด แต่ละคำควรฟัง และก็ไม่ใช่ผู้ดื้อด้าน ที่ก็ยังเห็นว่าคำอื่นมีประโยชน์กว่า แต่คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าควรอย่างยิ่ง ที่จะฟังแล้ว ฟังอีก ฟังแล้ว ฟังอีก แล้วให้รู้ตามความเป็นจริงว่า แม้เข้าใจ ก็ไม่ใช่เรา เข้าใจในขณะที่กำลังฟัง เเล้วก็เวลาฟังอีก ความเข้าใจก็เกิดขึ้น ในขณะที่กำลังฟัง สิ่งอื่นไร้ประโยชน์ ไม่ว่าจะสนุกสนานสักเท่าไร หมดแล้วทั้งนั้นแม้แต่คำ และความเข้าใจ นั่นก็หมด แต่ความเข้าใจเป็นธรรม ซึ่งมีค่ายิ่งกว่าอื่น เพราะเหตุว่าสามารถที่จะรู้ความจริงของสิ่งที่กำลังมีในขณะนี้ได้ ก็จะเห็นได้จริงๆ แค่คำเดียว ต้องฟังนานเท่าไร และฟังแล้วก็รู้ได้เลยว่า เหมือนเกล็ดเกลือหนึ่งเกล็ดที่เข้าใจ ที่ลงไปสู่โอฆะ มหาสมุทรของอวิชชา ที่จะทำลายอวิชชา ความไม่รู้ จากน้ำขุ่น น้ำมืด ค่อยๆ เป็นน้ำใส จนกระทั่งสามารถที่จะดับอกุศลได้