ศัตรูของจิต


    อ.อรรณพ ศัตรูของจิตคืออะไร อยู่ที่ไหน และอะไรจะมีอานุภาพที่สามารถขจัดศัตรูของจิตได้


    ผู้ฟัง คนพาล ทรามปัญญา ดำเนินชีวิตโดยมีตนนั่นแหละเป็นศัตรู

    ท่านอาจารย์ ช่วยอ่านอีกสักครั้ง

    ผู้ฟัง คนพาล ทรามปัญญา ดำเนินชีวิตโดยมีตนนั่นแหละเป็นศัตรู

    ท่านอาจารย์ รู้จักคนพาลหรือยัง

    ผู้ฟัง โมหเจตสิก

    ท่านอาจารย์ มีคนสองคน ใช่หรือไม่ คนหนึ่งพาล

    ผู้ฟัง ใช่

    ท่านอาจารย์ อีกคนหนึ่งบัณฑิต

    ผู้ฟัง ใช่

    ท่านอาจารย์ ใครเป็นคนพาล

    ผู้ฟัง ผู้ไม่รู้

    ท่านอาจารย์ ผู้ที่ยังต้องเกิด ใครเป็นบัณฑิต

    ผู้ฟัง ผู้รู้

    ท่านอาจารย์ สูงสุดคือพระอรหันต์ ผู้ที่ยังเป็นผู้ที่ไม่รู้อยู่ ก็ยังต้องเกิดอยู่ เพราะไม่รู้ใช่หรือไม่ จึงทำสิ่งต่างๆ

    ผู้ฟัง ใช่

    ท่านอาจารย์ ไม่ได้รู้เลย ว่าขณะนั้น ไม่ใช่เราเลยสักนิดเดียว แต่เป็นธาตุ หรือเป็นธรรม ซึ่งต้องเกิด อย่าลืม ต้องเกิด ยับยั้งไม่ได้ เดี๋ยวนี้ต้องเกิดหรือไม่ ต้องเห็น ต้องได้ยิน ต้องคิด ต้องทุกอย่างหมดเลย ใครก็ยับยั้งไม่ได้ เพราะมีเหตุปัจจัยที่จะให้เกิดขึ้นเป็นอย่างนั้น ก็เป็นอย่างนั้น กว่าจะเป็นบัณฑิต

    อ.วิชัย คนพาลที่ดำเนินชีวิต โดยมีตนเป็นศัตรูอย่างไร หมายถึงความเป็นพาลนั้นเป็นศัตรูหรืออย่างไร

    ท่านอาจารย์ แน่นอน เพราะเป็นอกุศล

    อ.อรรณพ เป็นศัตรูอยู่มากมาย อยู่เป็นส่วนใหญ่

    ท่านอาจารย์ ศัตรูอยู่ไหน

    อ.อรรณพ ศัตรูของจิต

    ท่านอาจารย์ อยู่ไหน

    อ.อรรณพ อยู่ที่จิต

    ท่านอาจารย์ ใกล้หรือไม่

    อ.อรรณพ อยู่ข้างในจิตเลย

    ท่านอาจารย์ อยู่กับจิตเลย

    อ.อรรณพ ประกอบพร้อมเข้ากันสนิทกับจิตเลย

    ท่านอาจารย์ แล้วจะเอาศัตรูนี้ออกไปได้อย่างไร อยู่มาตั้งนาน สะสมพวกพ้องไว้มากมายด้วย เต็มไปหมด ทำลายใคร

    อ.อรรณพ ทำลายจิต

    ท่านอาจารย์ เห็นหรือไม่ ไม่ใช่คนอื่นเลย และศัตรูก็ไม่ห่างด้วย แล้วจะไปละศัตรูไหน ไม่ใช่คนภายนอก คนภายนอกทำอะไรพระอรหันต์ไม่ได้เลย ผู้หมดจดจากกิเลส แต่คนที่มีกิเลส ไม่ต้องอาศัยคนภายนอกเลย ก็ถูกประทุษร้ายอยู่ตลอดเวลา อยากมีปัญญามากๆ หรือไม่

    อ.อรรณพ ยิ่งอยาก ก็ยิ่งแย่ ยิ่งช้า

    ท่านอาจารย์ ทุกอย่างต้องเกิดจากเหตุ ใช่หรือไม่

    อ.อรรณพ ต้องเกิดจากเหตุ

    ท่านอาจารย์ อะไรเป็นเหตุให้เกิดปัญญา

    อ.อรรณพ ฟังความจริง

    ท่านอาจารย์ เห็นอานุภาพของปัญญาหรือไม่ ธรรมเตชะ ความไม่รู้ที่มืดมิดมานาน ก็สามารถที่จะค่อยๆ หมดไปได้ ด้วยความเข้าใจ สิ่งที่กำลังมีในขณะนี้ ซึ่งไม่เคยปรากฏ พูดถึงจิต จิตก็ไม่ได้ปรากฏ แต่บอกว่าเห็น เพราะเห็นมี กำลังเห็น มีสิ่งที่ปรากฏให้เห็น แต่ธาตุรู้ซึ่งเห็น คำว่าธาตุรู้ ไม่มีรูปร่างใดๆ เลยทั้งสิ้น แต่เกิดขึ้นรู้ ถ้าไม่มีธาตุรู้ อะไรๆ ก็ไม่ปรากฏ

    อ.อรรณพ ขจัดศัตรู ด้วยความรู้

    ท่านอาจารย์ แล้วก็ไม่ใช่เราด้วย ต้องเป็นความเข้าใจ ตราบใดที่ไม่เข้าใจ ก็ไม่มีทางที่จะหมดกิเลสได้

    อ.อรรณพ ข้อความในพระไตรปิฎกที่คุณสุวินัยยกมา ก็เป็นสภาพธรรมที่เป็นจิต เจตสิกทั้งนั้นเลย

    ท่านอาจารย์ เดี๋ยวนี้ด้วย เดี๋ยวนี้มีผัสสเจตสิกหรือไม่ รู้ไหม ไม่รู้ นี่แหละคือคำตอบ จนกว่าสภาพธรรมทั้งหมดไม่ใช่เรา

    อ.อรรณพ แต่ว่าสภาพของผัสสะก็ไม่ได้ปรากฏลักษณะให้รู้ได้

    ท่านอาจารย์ อยากรู้หรือไม่

    อ.อรรณพ โลภะเกิด ก็ไม่รู้อะไร เพราะโลภะเกิดกับโมหะ ไม่มีทางจะรู้อะไรได้

    ท่านอาจารย์ ก็ตกหลุมตลอดเวลา แต่อย่าประมาทปัญญา แม้เพียงเล็กน้อย ขณะนี้ปัญญาที่เกิดจากความเข้าใจ สะสมทำหน้าที่ ที่จะปรุงแต่งต่อไปข้างหน้าอีก ๑๐ ปี ปัญญาจะเกิดขึ้นอีกมากเท่าไร ก็แล้วแต่ปัจจัย เพราะเหตุว่าเคยฟังมาแล้วในชาติก่อน ในชาตินี้ และต่อไป พอได้ยินอีกก็สามารถที่จะเข้าใจได้ ไม่เหมือนคนที่ไม่เคยได้ยินเลย ท้อถอยหรือไม่ ขันติบารมี วิริยบารมี สัจจบารมี อธิษฐานบารมี ไม่ใช่เกิดทีละอย่าง พร้อมๆ กันนั่นแหละ ข้อสำคัญก็คือว่า ฟังธรรมให้เข้าใจว่าเป็นธรรม ให้เข้าใจถูกต้องว่าเป็นธรรมทั้งหมดเลย อกุศลจะเกิด ก็ฟังแล้วว่าเป็นธรรม เดือดร้อนอะไร กุศลจะเกิดเราหรือไม่ ก็แค่มีปัจจัยเกิดแล้วก็ดับไป


    หมายเลข 11460
    13 มี.ค. 2567