แมลงบินเข้าไฟ
อ.อรรณพ เพราะไม่รู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง จึงหลงติดข้องในสิ่งต่างๆ และทำ ทุจริตกรรม ด้วยกิเลสอกุศลต่างๆ ซึ่งนำมาซึ่งทุกข์โทษประการต่างๆ มากมาย เหมือนแมลงที่บินเข้ากองไฟด้วยความไม่รู้โทษภัย
ท่านอาจารย์ พระธรรมทั้งหมด ทรงแสดงให้เข้าใจความจริงเดี๋ยวนี้ เท่าที่กำลังของสติปัญญาสามารถจะเข้าใจได้ และอบรมต่อไป เพราะคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกคำ เปลี่ยนไม่ได้เลย เป็นความจริงถึงที่สุด
อ.อรรณพ ยากที่จะเห็นโทษว่าเป็นโทษ เห็นภัยว่าเป็นภัย เพราะเห็นแล้วยินดีติดข้อง ก็ดูเหมือนไม่เห็นจะเป็นภัยอะไร
ท่านอาจารย์ ไม่เห็น ว่าจะเป็นภัย ก็คือไม่รู้ แล้วจริงๆ สิ่งที่เกิดแล้วดับไปอยู่ไหน
อ.อรรณพ ก็ไม่เหลือ
ท่านอาจารย์ ไม่เป็นภัย จะรู้ความจริง หรือว่าไม่รู้เหมือนเดิม จะบินเข้ากองไฟไปเรื่อยๆ เหมือนแมลงเม่าเลย ยังไม่ทันจะคิดอะไร แค่เห็นก็พอใจแล้วในแสงไฟ
อ.อรรณพ แมลงเม่าบินแล้ว ตรงดิ่งเข้าไป
ท่านอาจารย์ เดี๋ยวนี้กำลังบินอยู่ตลอด ใช่หรือไม่ ทุกครั้งที่เห็น
อ.อรรณพ บินเข้าไป อย่างเช่นเห็นดอกกุหลาบชมพู จะไปคิดหรือไม่ ว่าเหมือนแมลงเม่าบินเข้าไปกองไฟ เพราะว่าขณะนั้น เป็นไปด้วยความติดข้อง คือไฟ คือราคะ
ท่านอาจารย์ ธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ ก็เห็นได้ กว่าจะตรัสรู้ ซึ่งคนฟังจะฟังเพียงครั้งเดียว พอหรือไม่ พรุ่งนี้ก็ฟังเรื่องแมลงเม่าอีกเหมือนเดิม หรือว่าต่างกันนิดนึง ซึ่งมองไม่เห็นเลย ว่าเริ่มที่จะมีความเข้าใจ และก็ไม่ลืมคำนี้ ถ้าฟังบ่อยๆ ก็คงจะไม่ลืม ตัดชื่อแมลงเม่า ตัดชื่อทุกคนออกหมด ไม่ว่าเทวดา พรหม มนุษย์ สัตว์เดรัจฉาน ก็มีสภาพธรรมที่ไม่รู้ความจริงของสิ่งที่ปรากฏ และผู้ที่ได้ทรงตรัสรู้แล้ว ทรงแสดงความจริง ก็อยู่ที่แต่ละคน ที่มีโอกาสได้ฟังแล้ว จะเห็นประโยชน์ในความจริงว่า ไม่เคยรู้มาก่อนเลย และความจริงยังมีอีกมากนัก ไม่ใช่เพียงเท่านี้ ตลอดชีวิตตั้งแต่เกิดจนตาย ทุกขณะคือความจริง ไม่เว้นเลยสักขณะเดียวทุกวัน ทุกเวลา สั้นยิ่งกว่าวินาที ก็เป็นสภาพธรรมที่มีปัจจัยเกิดขึ้น แล้วดับไป โดยไม่รู้เลย ถ้าไม่มีการได้ฟังพระธรรม ไม่มีทางที่จะรู้โทษของการที่มีความไม่รู้ ในสิ่งที่กำลังปรากฏ จึงทำให้หลงพอใจมาก จนกระทั่งเกิดความทุกข์ เมื่อพลัดพรากหรือไม่ได้สิ่งที่พอใจ จนกระทั่งเป็นเหตุให้กระทำทุจริตกรรม ร้ายแรงถึงกับว่าสามารถที่จะฆ่าคนอื่นได้ เอาทรัพย์ของคนอื่นมาเป็นของตน มากมายมหาศาลไม่ใช่เฉพาะคนเดียว กี่คนๆ โกงมาหมด อย่างนี้ก็เพราะเหตุว่า ไม่รู้ว่าขณะนี้ เพราะความไม่รู้ จึงมีโทษมากมาย
อ.อรรณพ แมลงเม่าโง่มาก
ท่านอาจารย์ ลืมชื่อแมลงเม่า ใครโง่เห็นหรือไม่ คิดแต่ว่าแมลงเม่าโง่
อ.อรรณพ คือพวกเรานี่แหล่ะ
ท่านอาจารย์ ความไม่รู้ก็คือความไม่รู้ ไม่ต้องเรียกชื่อใครสักคนหนึ่ง แต่ก็มีสภาพธรรม ที่ไม่รู้มานานแสนนาน แล้วก็ไม่มีวันจะหมดสิ้นไปได้ ถ้าไม่มีความเข้าใจถูกต้อง ตามความเป็นจริง ฟังแล้วใครรู้ได้ทันที ฟังแล้วใครละได้ทันที เป็นไปไม่ได้เลย จะเห็นได้ว่าต้องอาศัยกาลเวลา ที่มีความมั่นคง ที่สิ่งที่กำลังปรากฏขณะนี้ รู้ได้อย่างนั้น สามารถที่จะเข้าใจได้อย่างนั้น แต่ไม่ใช่วันนี้ แต่เมื่อมีความค่อยๆ เข้าใจขึ้นนั้น เห็นประโยชน์ จนกระทั่งบางท่านสะสมมาที่จะสละ ชีวิตของคฤหัสถ์ สู่เพศของบรรพชิต แต่จะเพศไหนก็ตาม ต้องเป็นปัญญาความเห็นถูกต้องเท่านั้น ที่สามารถที่จะทำให้ค่อยๆ ละคลายความติดข้อง
แม้ขณะที่กำลังฟังเดี๋ยวนี้ รู้ไหมว่ากำลังละคลายความติดข้องไม่ต้องไปละจนหมดเมื่อไหร่ก็ไม่มีทางที่จะเป็นไปได้เลย แต่เดี๋ยวนี้เองที่กำลังได้ยิน ได้ฟัง กำลังค่อยๆ เข้าใจ ความเข้าใจเป็นธรรมที่ค่อยๆ คลายความติดข้อง เพราะค่อยๆ เริ่มเข้าใจ แต่ว่าจะหมดเมื่อไหร่คิดดู มากมายมหาศาลอย่างนั้น แต่ถ้าไม่มีเลย ไม่มีทางจะหมดได้ ก็เป็นผู้ที่มีบารมี มีความเข้าใจในความอดทน ไม่ใช่เราจะไปขวนขวาย แต่ความเข้าใจที่เกิด เพราะความไตร่ตรอง เข้าใจสิ่งที่มี ที่พระผู้มีพระภาคตรัสเดี๋ยวนี้ ขณะนี้ อุปมาเหมือนแมลงเม่า ซึ่งความจริงก็เห็นเป็นเห็น ได้ยินเป็นได้ยิน ถ้าไม่มีรูปร่าง ก็ไม่มีคน ไม่มีแมลงเม่า ไม่มีอะไรเลย แต่มีธรรม อย่างนั้น