เจาะจงคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า *


    อ.อรรณนพ กราบเรียนท่านอาจารย์ครับ มีพระสูตรมากมายที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงเตือนพุทธบริษัท โดยเฉพาะบริษัทแรก คือ ภิกษุ อยู่มากมาย อย่างในพระสูตรนี้ก็ทรงแสดง อย่างนี้เช่นกันว่า ภิกษุที่นับถือหรือไม่นับถือพระตถาคต และเป็นผู้ที่ออกไปนอกพระธรรมวินัย หรือเป็นผู้ที่อยู่ในพระธรรมวินัย ในอรรถกถา ท่านกล่าวไว้น่าพิจารณามากว่า การบวช บวชเพื่ออุทิศพระศาสดา ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมาก อยากขอกราบเรียนอาจารย์ว่า บวชอุทิศพระศาสดา หมายความว่าอย่างไร

    ท่านอาจารย์ การบวชก็มีหลายอย่าง คนที่ไม่ใช่คฤหัสถ์ออกจากบ้านเรือน จะอยู่ในป่า ทำอะไร การสละอาคารบ้านเรือน ก็ชื่อว่าเป็นการบวช แต่บวชอุทิศพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แสดงว่ามีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นศาสดา เพราะฉะนั้นก็ไม่สนใจฝักใฝ่ ในคำของคนอื่น เพราะว่าไม่ได้บวชอุทิศคนอื่น ไม่ได้บวชอุทิศเจ้าแม่กาลี หรือว่าไม่ได้บวชอุทิศพระพิฆเนศ หรืออะไรก็แล้วแต่ แต่เมื่อบวชอุทิศพระศาสดา ก็ต้องมีคำของพระศาสดาเป็นที่พึ่ง ที่จะทำให้เข้าใจ และประพฤติปฏิบัติตาม

    อ.อรรณพ เมื่อสมัยครั้งนั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่ เพราะฉะนั้นผู้ที่มีศรัทธาที่จะบวช ก็บวชอุทิศพระศาสดา แต่ตอนนี้พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงดับขันธปรินิพพานไปนานแล้ว จะบวชอุทิศใคร อย่างไร

    ท่านอาจารย์ พระธรรมคำสอนของพระองค์อันตรธานไปหมด ไม่เหลือเลยหรือเปล่า พร้อมกับพระองค์ หรือว่าแม้จะทรงปรินิพพานแล้ว คำที่พระองค์ได้ตรัสไว้ดีแล้วทั้งหมด จะดำรงพระชนม์อยู่ หรือจะปรินิพพาน คำนั้นก็เป็นคำที่พระองค์ได้ตรัสรู้ และทรงแสดง

    อ.อรรณพ พระสัมมาสัมพุทธเจ้ามิได้ทรงตั้งภิกษุ หรือพุทธบริษัทใด คนใดคนหนึ่ง หรือคณะบุคคล ที่จะเป็นศาสดาแทนพระองค์เลย ก็มีพระธรรมวินัยเป็นศาสดาแทนพระองค์

    อ.วิชัย ถ้ามีบุคคลที่ฟังธรรม แล้วก็รู้ว่าธรรมของพระองค์ เป็นสิ่งที่ลึกซึ้งแต่ถึงกับบวชอุทิศพระองค์ ก็ไม่ใช่เป็นสิ่งที่กระทำได้โดยง่าย

    ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้นกำลังฟังอย่างนี้ จะบวชไหม

    อ.วิชัย ถ้าอัธยาศัยตอนนี้ คือ ไม่บวช ยังไม่บวช

    ท่านอาจารย์ ไม่บวช แต่ฟังธรรมเข้าใจไหม

    อ.วิชัย ก็ฟังธรรมเข้าใจได้

    ท่านอาจารย์ แต่ถ้าบวชแล้ว ไม่ฟังธรรม เข้าใจไหม

    อ.วิชัย ถ้าไม่ฟังธรรม ก็ไม่สามารถจะเข้าใจได้

    ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้นก็ขึ้นอยู่กับฟังคำ พิจารณาไตร่ตรอง และก็รู้จักตัวเอง เพราะว่าไม่มีใคร ไปบังคับให้ใครบวช ไม่มีใครไปชวนให้ใครบวช แต่ต้องรู้ว่าบุคคลนั้น สามารถที่จะสละเพศคฤหัสถ์ ไม่ทำกิจใดๆ อย่างคฤหัสถ์อีกต่อไป แล้วก็ขัดเกลากิเลสละเอียดกว่าคฤหัสถ์ ตั้งแต่ตื่นจนหลับ ถ้าเป็นอย่างนี้ได้ ก็บวชได้ มิฉะนั้นจะบวชทำไม บวชแล้วทำตามคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ทรงบัญญัติไว้ไม่ได้ ก็ผิด ไม่เคารพ

    อ.วิชัย ก็ไม่ได้สำเร็จของการที่จะบวชจริงๆ คือ เว้นทั่วจากอกุศลธรรมจริงๆ

    ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้นบวชทำไม ใช่ไหม ถ้าไม่เข้าใจจริงๆ แล้วบวชทำไม ตอบได้ไหม ถ้าไม่เข้าใจแล้วบวชทำไม แต่ถ้าเข้าใจแล้ว จะบวชหรือไม่บวช ก็แล้วแต่อัธยาศัยที่สะสม ถ้าไม่สะสมอัธยาศัยที่จะสละอาคารบ้านเรือน ก็สามารถที่จะรู้แจ้งอริยสัจธรรมได้ เพราะรู้ว่าไม่สามารถที่จะขัดเกลากิเลสอย่างเพศบรรพชิต เพราะฉะนั้นศึกษาธรรม รู้แจ้งอริยสัจธรรม เป็นพระอรหันต์เมื่อไร บวชแน่

    อ.อรรณพ แล้วถ้าอัธยาศัยไม่ถึงที่จะบวชเป็นบรรพชิต ที่จะบวชอุทิศพระศาสดา จะมีอะไรอุทิศพระศาสดากันบ้าง พวกเราในยุคนี้

    อ.คำปั่น ก็เป็นเรื่องของความเข้าใจที่เกิดขึ้น จากการที่มีโอกาสได้ยิน ได้ฟังพระธรรม ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ก็อย่างที่ท่านอาจารย์ได้กล่าวในช่วงต้น แม้ว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะเสด็จดับขันธปรินิพพานไปแล้ว แต่ว่าพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดงไว้ดีแล้ว และพระวินัยที่พระองค์ทรงบัญญัติไว้ดีแล้ว ก็จะเป็นศาสดาแทนพระองค์

    เพราะฉะนั้นพุทธบริษัทที่เข้าใจธรรม แม้ว่าไม่มีอัธยาศัยที่จะสละอาคารบ้านเรือน สละทรัพย์สมบัติเงินทอง เพื่อมุ่งสู่เพศที่สูงยิ่ง ผู้นั้นก็เป็นคฤหัสถ์ที่ยังมีชีวิตเป็นไปตามความเป็นไปของคฤหัสถ์ แต่ว่าก็เห็นประโยชน์ของพระธรรมแต่ละคำ ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ก็คือ มีความจริงใจ มีความตั้งใจที่จะศึกษา เพื่อความเข้าใจความจริง ซึ่งก็เป็นการได้น้อมบูชาในพระคุณอันประเสริฐของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และเป็นการที่จะได้มุ่งตรง ต่อพระธรรมคำสอนของพระองค์เท่านั้น ไม่มีบุคคลอื่นเป็นที่พึ่ง ไม่มีคำสอนอื่นเป็นที่พึ่ง แต่ว่ามีพระธรรมคำสอน ที่พระองค์ได้ทรงประทานไว้ให้กับพุทธบริษัทเท่านั้น เป็นที่พึ่ง ด้วยการพึ่งอาศัยในแต่ละคำ ที่พระองค์ทรงแสดง เพื่อศึกษา เพื่อความเข้าใจความจริง และเมื่อมีความเข้าใจอย่างถูกต้อง ความเข้าใจของพุทธบริษัทนี้เอง ที่จะช่วยกันดำรงรักษาสิ่งที่มีค่าที่สุดนี้ ให้เจริญมั่นคงต่อไป

    อ.อรรณพ กราบท่านอาจารย์ครับ ในฐานะพุทธบริษัทที่เป็นคฤหัสถ์ มีสิ่งที่จะอุทิศสูงสุด ต่อพระศาสดาได้อย่างไรบ้าง

    ท่านอาจารย์ จะทำอะไรเจาะจงพระองค์ ศึกษาธรรมของพระองค์เท่านั้น อุทิศ คือ เจาะจงเฉพาะคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น

    อ.อรรณพ ลึกซึ้ง และชัดเจนว่า อุทิศ ก็คือ เจาะจง ที่จะเจาะจงต่อพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ต้องเป็นการเจาะจง เฉพาะที่เป็นพระธรรมวินัยเท่านั้น ใช่ไหม ที่จะเป็นการประพฤติที่จะอุทิศ คือ เจาะจง ด้วยความเข้าใจ ด้วยความเห็นประโยชน์

    ท่านอาจารย์ ก็คงไม่เบื่อ ที่เราจะฟังเรื่องที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองเรา และก็พฤติกรรมต่างๆ รวมทั้งพระสูตร พระวินัย พระอภิธรรมที่เรากล่าวถึงด้วย เพราะว่าก็สอดคล้องกัน มิฉะนั้นแล้ว ถ้าเรามีแต่ความเข้าใจธรรม แล้วเราไม่ได้เกื้อกูลพุทธบริษัทด้วยกัน ประโยชน์จะมีไหม เป็นความเห็นแก่ตัวหรือเปล่า แต่พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เพื่อพุทธบริษัทที่จะต้องอนุเคราะห์กัน ถ้าไม่เข้าใจหรือเข้าใจผิด บริษัทอื่นที่เข้าใจถูก ก็จะได้กล่าวข้อความให้บุคคลนั้น ได้รับฟัง ได้พิจารณา ได้ไตร่ตรอง แล้วแต่ว่าเขาจะเห็นโทษของการประพฤติผิด แล้วก็คิดที่จะประพฤติถูกหรือเปล่า

    เพราะว่ายาก ไม่ใช่ง่ายเลย แต่ทำได้ ถ้าทำ เพราะเห็นประโยชน์จริงๆ ว่าถ้าไม่สามารถที่จะมีชีวิตอย่างบรรพชิต ตามพระธรรมวินัย ก็ลาสิกขา สะดวกมากเลย จะไปสอนกีฬาก็ได้ ไม่มีใครว่า

    อ.อรรณพ เพราะฉะนั้นถ้าไม่ตรงต่อตัวเอง ก็จะเป็นโทษเป็นภัย ทั้งกับส่วนบุคคล คือตัวเอง แล้วก็พระศาสนา กระทบประเทศชาติบ้านเมืองมากมาย ซึ่ง ถ้ายังไม่เห็นในภัยนี้ ก็หมดกันแล้ว แต่ถ้าเห็น ท่านก็จะเห็นว่ามี ภาวะความไม่เข้าใจ และการทำลายพระธรรมคำสอนอย่างแพร่หลาย แล้วก็เป็นระดับที่รุนแรง เป็นวิกฤติกันมากมาย ในสารพัดเรื่อง ด้วยความไม่รู้

    ท่านอาจารย์ ถ้าเราพูดเบาๆ พูดค่อยๆ พูดน้อยๆ พูดนิดๆ แล้วก็หยุด จะมีประโยชน์ไหม เพราะว่าไม่ทั่วถึง ใช่ไหม เพราะฉะนั้นก็ต้องอดทน และก็เสียสละ เพื่อที่จะให้คนที่ไม่รู้จักพระภิกษุในธรรมวินัย ได้เข้าใจให้ถูกต้อง ว่าภิกษุในพระธรรมวินัย คือ ใคร มิฉะนั้นก็เป็นโทษแก่ภิกษุ ผู้ไม่ประพฤติตามพระธรรมวินัย และทำให้คนอื่นเข้าใจผิดด้วย เพราะเหตุว่าเขาเข้าใจว่า ภิกษุเป็นผู้นำพุทธบริษัท แต่จริงๆ แล้ว ไม่ใช่ภิกษุ พระธรรมวินัยที่พระองค์ตรัสไว้ดีแล้วต่างหาก เป็นศาสดาแทนพระองค์


    หมายเลข 11500
    23 ต.ค. 2567