ช่วยกันเปิดเผยคำจริงของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า *


    ผู้ใดก็ตามที่ได้ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และก็มีความเข้าใจ และเห็นประโยชน์ และด้วยความหวังดี ก็แสดงความจริง ความถูกต้องของพระธรรมวินัย ให้คนอื่นได้รู้ตามความเป็นจริง นี่คือจุดประสงค์ที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง เพราะเหตุว่าเราไม่สามารถที่จะเปลี่ยนโลก ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนคนอื่นได้ แต่สามารถเป็นมิตร หวังดี ที่จะให้เขาเข้าใจถูก เพื่อเมื่อมีความเข้าใจที่ถูกต้องแล้ว ก็จะทำให้ ทำในสิ่งที่ถูกต้อง แต่ถ้าตราบใดยังไม่รู้ ไม่มีทางที่จะทำสิ่งที่ถูกต้องเลย

    ด้วยเหตุนี้พุทธบริษัท ๔ มีความเข้าใจตั้งแต่ในครั้งพุทธกาล ได้ฟังพระธรรม กล่าวธรรม เพราะเหตุใด รู้คุณของพระธรรม เมื่อรู้คุณแล้วทำอะไร ก็กล่าวคุณของพระธรรม เพราะฉะนั้นคำจริงทุกคำ ที่กล่าวให้คนอื่นได้เข้าใจ เป็นการประกาศความรู้คุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระรัตนตรัย

    เพราะฉะนั้นไม่ได้ทำสิ่งที่ผิด แต่ว่าทำสิ่งที่ถูกต้อง ด้วยความหวังดี แต่ว่าใครจะรัก จะชัง จะไม่พอใจอย่างไร ก็ห้ามไม่ได้ แต่ว่าจิตของคนนั้น ที่เห็นประโยชน์อย่างยิ่งว่า ถ้าไม่มีใครกล่าวคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วใคร จะรู้ว่าอะไรถูก อะไรผิด เพราะเหตุว่าพระพุทธศาสนา พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ได้ฝากไว้กับคนใดคนหนึ่ง หรือบริษัทหนึ่ง บริษัทใดเลย และข้อความในพระไตรปิฎกก็มีว่า ยิ่งเปิดเผยคำของพระพุทธเจ้าหรือพระศาสนา ยิ่งรุ่งเรือง

    เพราะฉะนั้นคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถูกปกปิด ด้วยคำของคนอื่นนานแสนนาน ถึงเวลาที่เมื่อมีใครก็ตาม ที่เข้าใจถูกต้อง ก็ช่วยกันแสดงความจริง เพื่อประโยชน์ และเพื่อพระศาสนาจะได้รุ่งเรือง เปิดเผยทุกคำ ทั้งพระสูตรพระวินัย และพระอภิธรรม ถ้าจะกล่าวรวมก็พระธรรมวินัย เพราะว่าการกล่าวพระธรรมวินัย ไม่มีใครสามารถจะกล่าวได้ ไม่ใช่คำของคนนั้น แต่ทั้งหมดเป็นคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะฉะนั้นไม่ว่าใครจะพูดสิ่งที่มีในพระไตรปิฎก สมควรหรือไม่สมควร เพื่อประโยชน์หรือไม่ใช่ประโยชน์

    เพราะฉะนั้นก็ต้องพิจารณาไตร่ตรอง และเมื่อทำสิ่งที่ถูกต้องแล้ว จะกลัวอะไร ในเมื่อเป็นความหวังดี แล้วเพื่อประโยชน์จริงๆ ที่จะให้คนได้มีความเข้าใจ ได้ศึกษา ไม่ใช่ว่าพูดคำที่ไม่รู้จัก แล้วก็คิดเอง แล้วก็กระทำสิ่งซึ่งผิดจากธรรม และวินัยด้วย เพราะฉะนั้นการที่จะว่ากล่าวใคร เราไม่มีสิทธิ์ที่จะไปว่ากล่าวตักเตือนใคร แต่ใครจะตัดสิทธิของการที่จะพูดความจริง และสิ่งนั้นเป็นประโยชน์ด้วย

    เพราะฉะนั้นก็ต้องเห็นจริงๆ แม้แต่ในครั้งพุทธกาล บริษัททั้ง ๔ กล่าวธรรม แสดงธรรมตามโอกาส ไม่ว่าท่านจิตคฤหบดี ขุชชุตตราอุบาสิกา เป็นต้น แม้พระผู้มีพระภาคก็ยังทรงตั้ง ผู้ที่เป็นอุบาสก อุบาสิกา ไว้ในฐานะที่เป็นเอตทัคคะ ผู้เลิศกว่าอุบาสก อุบาสิกา โดยสถานะใดแต่ละท่าน แสดงให้เห็นว่าพระธรรมรุ่งเรือง เพราะมีผู้เข้าใจ มีผู้ประกาศ และเผยแพร่ เพราะทุกคำที่เป็นคำจริง เป็นคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่มีใครตู่ว่า เป็นคำของตนเองเลย ทั้งหมดมาจากคำที่พระองค์ได้ตรัสไว้ดีแล้วทุกคำ

    เพราะฉะนั้นต้องคิดถึงประโยชน์ ประโยชน์ที่สำคัญที่สุดก็คือว่า กว่าใครจะมีโอกาสได้ฟังคำจริงที่ถูกต้อง ซึ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว เป็นโอกาสที่หายาก เพราะฉะนั้นต้องช่วยกันเปิดเผย เพื่อพระธรรมจะได้รุ่งเรือง และกระจ่าง ไม่ต้องหวั่นเกรงอะไรเลยทั้งสิ้น เพราะว่าเป็นคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า


    หมายเลข 11510
    22 ต.ค. 2567