ทำความดีในเพราะการขอ


        ภิกษุเป็นเพศสูงยิ่ง ซึ่งคฤหัสถ์ให้ความเคารพกราบไหว้ และถวายสิ่งที่ สมควรในการดำรงชีวิต ดังนั้นภิกษุจึงต้องเจริญคุณความดีที่ยิ่งกว่า คฤหัสถ์อย่างมาก คือประพฤติตามพระธรรมวินัย


        ท่านอาจารย์ พระภิกษุผู้ขอ ไม่ใช่ขอธรรมดา แต่ว่าเป็นผู้ที่ทำความดีในเพราะการขอ แค่นี้ รู้จักภิกษุไหม ทำความดีในเพราะการขอ ต้องรู้จนกระทั่งว่าความดีอะไร ไม่ใช่หยุดเพียงแค่ฟัง ผู้เป็นภิกษุคือผู้ที่กระทำความดี ในเพราะการขอ ความดีอะไร เหมือนทุกคำที่เราได้ยิน ต้องลึกซึ้ง ความดีอย่างชาวบ้านหรือ ความดีในการที่ช่วยเหลือคนอื่น ให้ทาน ก่อสร้างสิ่งสาธารณะเพื่อประโยชน์เหมือนอย่างชาวบ้านอย่างนั้นหรือ นั่นไม่ใช่ภิกษุในธรรมวินัย ผู้ที่กระทำดีในเพราะการขอ คือผู้ที่ได้ศึกษาธรรม มีความเข้าใจธรรม อบรมเจริญปัญญาขัดเกลากิเลสในเพศบรรพชิต ซึ่งเป็นเพศที่สูงยิ่ง ได้ยินคำนี้ เป็นเพศที่สูงยิ่ง ไม่ใช่อย่างชาวบ้านอีกต่อไป เพราะว่าได้อุทิศชีวิตทั้งหมด เพื่อที่จะขัดเกลากิเลสในเพศบรรพชิต ต้องมีการฟังพระธรรม ต้องมีการเข้าใจพระธรรม ปัญญาต่างหากที่นำไปสู่คุณความดีทั้งหลาย ซึ่งเป็นบารมี ทุกคนอยากดีใช่ไหม แล้วยังไงถึงจะดีได้ เห็นไหม ไม่สามารถที่จะดีได้อย่างที่อยาก ถ้าไม่มีปัญญา แต่ถ้ามีปัญญาความเห็นถูกต้อง สิ่งใดเป็นโทษ ปัญญาละ สิ่งใดเป็นประโยชน์ ปัญญาก็อบรมเจริญกระทำแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์ จากอกุศลซึ่งมีมาก ก็ค่อยๆ ลดน้อยลง ตามกำลังของความเข้าใจที่ถูกต้อง กุศลทั้งหลายเพิ่มขึ้น อกุศลน้อยลง ก็สามารถที่จะเข้าใจธรรม ซึ่งกำลังปรากฏได้เพราะว่าได้ขัดเกลากิเลสจากการที่เคยเกิดมากๆ ในขั้นไม่ได้เคยฟังเลย จนกระทั่งสามารถที่จะ ขณะใดที่ดีขึ้นอีก

        กระทำความดีในเพราะการขอ ไม่ใช่เฉพาะพระภิกษุเท่านั้น ที่มีโอกาสได้ฟังพระธรรม ได้อบรมเจริญปัญญา แต่ว่าแม้แต่คฤหัสถ์ อุบาสก อุบาสิกา ก็ฟังพระธรรมขัดเกลากิเลสในเพศบรรพชิต แม้ไม่ขอ แต่ก็กระทำความดีได้ ถ้าเป็นภิกษุยิ่งต้องกระทำความดี เพราะเป็นชีวิตที่ประเสริฐกว่าคฤหัสถ์ จะทำความดีอย่างคฤหัสถ์ไม่พอ นั่นคือความดีระดับขั้นของคฤหัสถ์ ถ้าเป็นความดีในขั้นของผู้ที่สละชีวิตคฤหัสถ์ ต้องทำความดีซึ่งเหนือกว่าความดีของคฤหัสถ์ ต้องมีชีวิตซึ่งเป็นไปด้วยการศึกษาพระธรรม ด้วยความเคารพอย่างยิ่ง เพราะพระธรรมเป็นสิ่งที่ละเอียด เป็นสิ่งซึ่งใครไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงได้ หรือไปทำให้เกิดขึ้นได้ จะไปนั่งทำ ๑๕ วันที่นั่น ที่นี่ ไม่สามารถที่จะทำให้ปัญญาสามารถรู้ความจริงได้

        ผู้ที่เป็นภิกษุ ทำความดีในเพราะการขอ ชาวบ้านเห็นภิกษุเคารพในเพศที่สูงยิ่ง จากการที่ได้รับความอุปถัมภ์ อนุเคราะห์จากชาวบ้านให้ชีวิตดำเนินอยู่ เพราะเห็นความประเสริฐยิ่งของชีวิตของพระภิกษุ ภิกษุนั้นต้องศึกษาพระธรรม ด้วยความเคารพไม่ใช่โดยความประมาท ไม่ใช่ด้วยการกล่าวพระคำตามธรรมดา ไม่มีความเข้าใจที่ลึกซึ้ง ซึ่งเป็นความดี ซึ่งสามารถที่จะเข้าถึงความลึกซึ้งของธรรม ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงแสดง เพื่อประโยชน์แก่ตนเอง และบุคคลอื่นด้วย แม้แต่คำธรรมดา ทำความดีในเพราะการขอ ภิกษุต้องทำความดี ซึ่งเหนือความดีของคฤหัสถ์ มีการศึกษาพระธรรม มีการขัดเกลากิเลส มีการประพฤติสิ่งที่เป็นประโยชน์ โดยการแสดงธรรมที่ได้เข้าใจแล้วกับบุคคลอื่นด้วย

        อ.วิชัย ดังนั้น ความเป็นภิกษุต้องประพฤติคล้อยตาม ความเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าคือพระองค์มีความประพฤติเช่นไร สงฆ์ สาวกของพระผู้มีพระภาค ก็มีความประพฤติเป็นไปตามพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

        ท่านอาจารย์ แค่ประพฤติตามพระธรรมวินัย ไม่มีใครรู้เลย ว่าใครเป็นพระอรหันต์ นั่นคือสมณะเชื้อสายศากยบุตร ถ้าใครจะบวชต้องเป็นอย่างนั้น ไม่ใช่ว่าบวชโดยการที่ว่า ไม่รู้อะไรเลยเพราะอยากบวชกันเป็นจำนวนมาก นี่ผิดละ ไม่ได้ตรงตามความประสงค์ ไม่ได้เคารพในพระธรรมวินัย ว่าบวชทำไม ถ้าไม่มีการศึกษาให้เข้าใจพระธรรม และไม่มีการขัดเกลากิเลสในเพศบรรพชิต ก็เป็นโทษ เป็นบาป ไม่ใช่เป็นบุญ

        อ.วิชัย แม้ข้อความสั้นๆ ว่า เป็นผู้ประกอบดีแล้ว ก็คือเป็นผู้ที่ประพฤติเป็นไปที่ดีแล้ว และความที่ประพฤติเป็นไปที่ดีแล้ว ของความเป็นภิกษุ เป็นอย่างไร

        ท่านอาจารย์ ต้องมีปัญญา ที่จะเข้าใจคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะศึกษาด้วยความเคารพ เข้าใจ รอบรู้ในแต่ละคำที่ได้ฟัง ไม่ประมาทเลยว่าคำนี้ไม่รู้ก็ได้ เหมือนเราสนทนาธรรม ก็อ่านไปเผินๆ แต่ถ้าเป็นพระภิกษุจะเผินอย่างนี้ไม่ได้ ต้องรู้ที่ลึกซึ้ง ละเอียดกว่านี้ด้วย เพราะเหตุว่าต้องเข้าใจว่าธรรมคือเดี๋ยวนี้ทุกอย่าง เป็นอนัตตา คำตอบสุดท้ายก็คือว่า การฟังธรรมเพื่อให้เห็นตามความเป็นจริงว่า ธรรมคือทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น จึงสามารถที่จะเข้าใจความหมายที่ลึกซึ้งอย่างยิ่งของคำว่าอนัตตา ไม่เคยมีแสงสว่าง ที่จะทำให้รู้ว่า เดี๋ยวนี้ไม่ใช่เรา ไม่ใช่สิ่งหนึ่งสิ่งใดที่เป็นของใครเลยทั้งสิ้น แต่ แต่ละหนึ่งที่ปรากฏ เกิดเพราะเหตุปัจจัย ซึ่งไม่มีใครสามารถที่จะไปบังคับบัญชา หรือว่าปรุงแต่งให้เกิดขึ้นได้


    หมายเลข 11527
    29 ก.พ. 2567