โอกาสของกุศล
ในชีวิตประจำวันมากไปด้วยอกุศล ดังนั้นถ้ามีโอกาสที่กุศลแม้เล็กน้อย จะเกิด ก็เป็นประโยชน์
การฟังธรรม ไม่ใช่ให้ใครมาบอกเรา ให้ทำอย่างนั้นให้ทำอย่างนี้ แต่ความเข้าใจของแต่ละคนต่างหาก ที่เริ่มจะค่อยๆ ขัดเกลาจิตใจ เพราะรู้ว่าอะไรถูก อะไรผิด อะไรเป็นกุศลที่ดีงาม อะไรเป็นอกุศล ซึ่งทำให้จิตใจเศร้าหมอง ไม่ผ่องใส ไม่สะอาด แต่ละคนกำลังมีจิต แน่นอน สะอาดผ่องใส หรือว่าเศร้าหมองด้วยกิเลส ไม่เห็นนี่ ใช่ไหม แล้วจะรู้ได้ยังไง ไม่ได้ฟังนี่ แล้วจะรู้ได้ยังไง แต่จากการที่ได้ฟัง เริ่มรู้จักตัวเอง จิตคนอื่น ใช้คำว่า คนอื่น แต่ก็หมายความให้รู้ว่าไม่ใช่บุคคลที่กำลังพูดถึง เรามีคำที่เราใช้ แม้แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ตรัสเรียกพระองค์เองว่า ตถาคต ให้หมายความว่า ไม่ใช่ท่านพระอานนท์ ไม่ใช่ท่านพระมหากัสปปะ เป็นต้น เราก็ใช้คำ ในเมื่อเราเข้าใจแล้วว่า แต่ละหนึ่งเป็นธาตุ เวลานี้ทั้งหมดทุกอย่างที่มี เป็นธาตุ ธา-ตุ เป็นสภาพธรรมที่ดำรงไว้ซึ่งสภาพของตน ทรงไว้ในอาการที่เป็นอย่างนั้น ทั้งหมดไม่ใช่ใคร กำลังกล่าวถึงธาตุ แต่ธาตุหลากหลายมาก ก็กล่าวถึงธาตุ ซึ่งเกิดดับสืบต่อเป็นแต่ละหนึ่ง แต่ละหนึ่ง ใช้ธรรมบัญญัติว่า ปุคคล หรือ บุคคลได้ แม้แต่ในคัมภีร์พระอภิธรรม ก็ได้กล่าวถึงปุคคลบัญญัติ
ทุกคำเมื่อได้เข้าใจแล้ว จะใช้คำว่าตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ก็รู้ว่าตนที่นั่นคือกุศลธรรม แต่ไม่ใช่เรา แต่เป็นธรรมฝ่ายดี การศึกษาพระธรรมต้องสอดคล้องกันทั้งหมด ที่จะเป็นความเข้าใจที่ถูกต้อง ใครที่จะไปบอกให้ใครที่สะสมมาหลากหลาย ประพฤติเป็นไปอย่างไรในวันนึงๆ แต่คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และความเข้าใจของบุคคลนั้นเองต่างหาก ที่ค่อยๆ เริ่มรู้ว่า อะไรดี ทำได้ หรือว่าดี แต่ก็ยังไม่อยากจะทำ แต่ขึ้นอยู่กับความเข้าใจของแต่ละคนเอง
จากการที่ได้ฟังเรื่องเศษกระดาษตก บางคนก็เมินเฉยตลอดเวลา แต่พอได้ฟัง และเก็บไปทิ้งใช่ไหม ไม่ได้บอกว่าให้คนนั้นใจดีนะ ทำดีนะ หรืออะไรอย่างนี้ แต่ความเข้าใจของบุคคลนั้นเอง หรือว่าโอกาสของกุศลมีไหม ในวันนึงๆ หรือว่าทั้งวันมากด้วยอกุศล ตั้งแต่ลืมตา อาหารก็อร่อย อะไรๆ ทุกอย่างหมดเลย น้ำมะพร้าวหรืออะไรทั้งหมดเลย เป็นที่ตั้งของความยินดี ความพอใจทั้งวัน โอกาสของกุศลมีบ้างไหม แม้เพียงเล็กน้อยที่จะไม่ให้อกุศลเกิดในขณะนั้น ในขณะที่กุศลเกิด กุศลจิตเกิดขณะใด ขณะนั้นไม่เป็นอกุศล อกุศลจะเกิดไม่ได้เลย ร่วมกันไม่ได้เลย ไม่มีทางที่จะใช้คำว่าปรองดอง เพราะเหตุว่าอกุศลเป็นอกุศล กุศลเป็นกุศล เกิดร่วมกันไม่ได้ ต้องเป็นผู้ที่ตรง ถ้าขณะนั้นเห็นประโยชน์ของการที่ แม้เพียงแค่ลำบาก แค่หยิบ แล้วก็เอาไปทิ้ง นิดเดียว ไม่ต้องเสียแรง ไม่ต้องเหนื่อยยาก ไม่ต้องอะไรเลย แต่ว่าทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ ที่ๆ นั้นจะสะอาด ไม่รก
ความคิดของแต่ละคนหลากหลายมาก ตามการสะสม แม้เดี๋ยวนี้ที่กำลังนั่งอยู่ที่นี่ ว่าคิดต่างกัน ไม่มีใครไปห้าม ไปยับยั้ง ไปบอกให้เกิดขึ้นได้เลย แม้ในพระสูตรจะมีข้อความอุปมามากมายหลายอย่าง แต่ไม่ใช่ให้เราไปติดอยู่ตรงนั้น แต่ให้เรารู้ความจริงว่าอกุศลในวันนึงๆ มาก และกุศลในวันนึงๆ แม้เพียงเล็กน้อย จะไม่เป็นอกุศลขณะนั้น ดีหรือเปล่า ถ้ารู้ว่ากุศลดีกว่าอกุศล
เพราะฉะนั้นจะเป็นผู้ที่ละเอียดขึ้น แล้วไม่ละเลย สิ่งที่สามารถจะทำได้ ซึ่งก่อนนั้นไม่เคยทำ จะมีการเปลี่ยนแปลง เพราะเหตุว่าจากกาย วาจาทั้งหมดในวันนึงๆ ก็เพราะมีความเข้าใจถูกต้อง ว่ากว่าจะขัดเกลากิเลส ซึ่งนำมาซึ่งทุกข์ ต้องอาศัยความเข้าใจ และเห็นโทษของอกุศลจริงๆ ตอนนี้ไม่ใช่เศษกระดาษ และอะไรดี ชีวิตวันนึงๆ ก็ดูว่าขณะไหน โอกาสของกุศลจะเกิด หรือว่ายังคงเป็นอกุศลอยู่ต่อไป ใครก็บังคับบัญชาไม่ได้