อวิชชาเป็นศรีษะ
ตราบใดยังมีศรีษะคือความไม่รู้ ก็ต้องอยู่ในสังสารวัฏฏ์ต่อไป จนกว่าจะตัดศรีษะ ด้วยปัญญาที่ดับความไม่รู้ได้เด็ดขาด จึงจะไม่มีชีวิตเป็นไปอีกเลย
อ.วิชัย ความเป็นศรีษะของอวิชชา ที่เป็นเหตุให้สังสารวัฎดำเนินไป เป็นอย่างไรครับท่านอาจารย์
ท่านอาจารย์ ค่ะ เดี๋ยวนี้มีชีวิตใช่ไหม
อ.วิชัย ก็มีชีวิต
ท่านอาจารย์ เป็นไป ใช่ไหม
อ.วิชัย เป็นไป
ท่านอาจารย์ และจะต้องเป็นไป ต่อไปอีกใช่ไหม
อ.วิชัย ก็ต้องเป็นไปต่อไป
ท่านอาจารย์ ไปเรื่อยๆ ใช่ไหม
อ.วิชัย ไปเรื่อยๆ ถ้ายังมีเหตุ
ท่านอาจารย์ เหตุนั้นคือความไม่รู้ความจริง ของสิ่งที่กำลังปรากฏ คนที่ยังมีศรีษะ ก็เป็นคนที่ยังมีชีวิต และคนที่มีชีวิตก็มีชีวิตอยู่ต่อไปเรื่อยๆ การที่ชีวิตต้องดำเนินไปไม่หยุดยั้ง ก็เพราะความไม่รู้
อ.วิชัย ซึ่งก็เหมือน ทุกๆ บุคคลที่ยังมีชีวิตเป็นไป เพราะยังมีศรีษะ
ท่านอาจารย์ ค่ะ มีศรีษะกันทุกคน เพราะว่าชีวิตก็เป็นไปแต่ละขณะ ไม่เห็นหยุดยั้งด้วยเลย เมื่อกี้นี้หมดไปก็มีอยู่ต่อไปเรื่อยๆ ตายแล้วก็ยังเกิดอีก นี่คือพระมหากรุณาตรัสคำเพื่อให้ผู้คน ได้ไตร่ตรองพิจารณาแล้วเข้าใจ ๔๕ พรรษาโดยประการทั้งปวง แม้แต่ว่าทุกคนมีศรีษะ ฟังเผินๆ เหมือนพูดอะไร ก็มีศรีษะกันทุกคน แต่ที่คนยังมีศรีษะอยู่ ยังไม่ตายไป ยังต้องเป็นผู้ที่มีศรีษะอยู่ต่อไป ก็เพราะอวิชชา ความไม่รู้ ถ้าไม่มีความเข้าใจ จะทำให้ศรีษะตกไปได้ไหม
อ.วิชัย เป็นไปไม่ได้
ท่านอาจารย์ ไม่มีทาง อยากมีศรีษะไหม มีก็ไม่รู้จะไปไว้ที่ไหน ก็ต้องมี ทิ้งก็ไม่ได้
ผู้ฟัง อวิชชา เปรียบเหมือนศรีษะ เราไม่สามารถที่จะดับอวิชชาได้ ถ้ายังไม่มีแสงสว่างปัญญาที่พอที่จะตัดศรีษะได้
ท่านอาจารย์ กำลังมีศรีษะกันทุกคน แล้วศรีษะก็ทำให้ต้องเป็นไปในสังสารวัฎ เหมือนคนที่ยังไม่ตาย ก็ต้องมีชีวิตอยู่ เมื่อมีเหตุปัจจัย ก็ต้องมีปัจจัยที่จะทำให้สิ่งต่างๆ เกิดขึ้น จนกว่าจะหมดเหตุปัจจัย ถ้าหมดเหตุปัจจัยแล้วก็เกิดไม่ได้ อย่างพระอรหันต์ทั้งหลาย ท่านไม่เกิดอีก เพราะหมดปัจจัยที่จะให้เกิด โดยตัดศรีษะคืออวิชชา เหมือนคนที่ตายแล้ว ก็ไปไหนก็ไม่ได้ เกิดอีกต่อไปก็ไม่ได้
ผู้ฟัง การที่จะตัดศรีษะหรือว่าดับอวิชชา การฟังธรรมเพื่อไม่ใช่เรา ฟังเพื่อไม่ใช่เรา ความไม่ใช่เรานี่ นำไปสู่การดับอวิชชาอย่างไร
ท่านอาจารย์ ฟังเพื่อเข้าใจ ไม่ใช่เพื่อเรา เพราะเข้าใจก็ไม่ใช่เรา ถ้าเข้าใจจริงๆ ก็ไม่มีเรา