ไม่ประมาทกุศลแม้เล็กน้อย


        กุศลแม้จะเล็กน้อย แต่ก็เป็นกุศล ไม่ใช่ขณะที่อกุศลจะเกิด และกุศลแม้เล็กน้อย ก็จะค่อยๆ สะสมเพิ่มขึ้น


        กุศลแม้หนึ่งขณะ อย่าประมาท พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้แล้ว ใช่ไหม ก่อนที่จะปรินิพพาน ในเรื่องของความไม่ประมาท ไม่ประมาทในการฟัง ไม่ประมาทในการขัดเกลากิเลส ไม่ประมาทในการคิดว่ากุศลนี้น้อยเหลือเกิน ไม่ทำก็ไม่เป็นไร แต่ความจริงแม้เพียงขณะหนึ่งก็แสดงว่า ขณะนั้นชนะอกุศล สามารถที่จะไม่ให้อกุศลเกิดได้ ซึ่งเขาเกิดเป็นประจำทั้งวันอยู่แล้ว โอกาสใดก็ตามสักนิดเดียวหนึ่งขณะ ซึ่งความจริงต้องหลายขณะ แต่พูดถึงขณะใหญ่ว่าน่าเสียดาย ถ้าไม่เห็นประโยชน์ และก็ไม่สะสมว่า ถ้าพลาดขณะนั้นไปแล้วทีละเล็กทีละน้อย ที่จะสะสมกุศลให้มากขึ้น จะมาแต่ไหน ถ้าประมาทกุศลแม้เพียงเล็กน้อย เวลาที่ไปเข้าห้องน้ำ ก็ล้างมือแล้วก็ใช้กระดาษเช็ดมือ กระดาษนั้นยังสามารถที่จะเช็ดน้ำรอบอ่างนั้นได้ด้วย แม้ในที่สาธารณะ

        เมื่อวานนี้ก็ไปโรงพยาบาล ก็ทำอย่างนี้ คนที่อยู่ข้างๆ เขาก็ทำด้วย คิดดู กุศลแม้เพียงเล็กน้อย จากการที่เขาอาจจะไม่คิด หรือไม่ทำ หรือลืม หรือคิดว่าจะผ่อนแรงคนงานเขาก็ได้ ใช่ไหม เขาก็ทำงาน เอาล่ะเป็นหน้าที่ของเขาก็จริง แต่ทำไมแค่นี้ กระดาษก็ยังไม่เปียก ที่จะต้องยังสามารถใช้ได้ต่อไป ประหยัดได้หลายอย่าง ทั้งการที่เอากระดาษนั้นมาเช็ดน้ำที่อยู่ขอบๆ แทนที่จะให้มันเปียกเลอะเทอะยิ่งขึ้น แล้วคนก็ต้องมาทำความสะอาดบ่อยขึ้น แต่ที่ดีใจก็คือว่ากุศลของเราก็เกิดขึ้นด้วย อนุโมทนาที่เขาทำตาม ก็แสดงว่าถ้าเราแต่ละคนไม่ประมาทเลย กุศลแม้เพียงเล็กน้อย ความหวังดี และก็ความที่เป็นเพื่อนจริงๆ แม้แต่การที่จะพูดถึงเรื่องพระวินัยของสงฆ์ ไม่เคยเดือดร้อนใจ เพราะเหตุว่าด้วยความหวังดีจริงๆ ว่านี่คือพระธรรม นี่คือสิ่งที่จะช่วยชีวิตของเขา ไม่ใช่แต่ชาตินี้ชาติเดียว ยังชาติต่อๆ ไปด้วย ทำกุศลทุกอย่างแม้เพียงเล็กน้อย

        บางคนคิดถึงประโยชน์คนอื่น ใช่ไหม แต่ขณะนั้นประโยชน์กับใจของตนเอง แม้นิดหน่อยเล็กๆ น้อยๆ ก็ขัดเกลา ความไม่เห็นแก่ตัว ความเห็นแก่ตัว ความเป็นคนละเอียด เพราะเหตุว่าถ้าไม่ละเอียดไม่มีทางที่จะละอกุศลได้ พระธรรมถ้าไตร่ตรองละเอียด เราก็จะเป็นผู้ที่ละเอียดมั่นคง

        พระผู้มีพระภาคตรัสว่า จงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อม ถึงพร้อมหมายความว่าอะไร ทุกอย่างที่จะเป็นกุศลแม้เพียงเล็กน้อย อกุศลมากมายเหลือเกิน เก็บมาไว้เยอะแยะเลย ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ในสังสารวัฎที่เนิ่นนาน จะเอาออกได้ยังไง ถ้ามันติดแน่นหนา แน่นเหนียวอยู่ในใจ หนทางเดียวก็คือเห็นประโยชน์ของกุศล รู้ว่าแม้เพียงเล็กน้อยก็จะค่อยๆ สะสมไป เหมือนเดี๋ยวนี้ทางตาเห็น อกุศลเกิดแล้ว จะเอาอะไรไปละ มีท่านผู้หนึ่งท่านฟังเทป แล้วท่านก็บอกว่าท่านจำสิ่งที่ท่านพอใจมาก และก็ไม่ลืมเลย ที่ดิฉันกล่าวว่า เดินข้ามถนนยังต้องระวัง แล้วเห็นเดี๋ยวนี้ระวังหรือเปล่า อกุศลเท่าไหร่แล้ว ถ้าไม่มีการฟังพระธรรม และเป็นผู้ประมาท

        อย่างเราจะใช้คำว่า อินทรียสังวร มีเท่าไหร่ทางตา อินทรียสังวร อะไรอย่างนี้ ก็เป็นคำ เรื่องราวตัวหนังสือ รู้ไหมว่าสะสมอกุศลมาเท่าไหร่ ถ้าเพียงกุศลไม่เกิด อกุศลก็เพิ่มขึ้น จะสังวรในขณะที่เห็น แล้วมีเมตตาหรือว่าโทสะ ทุกอย่างค่อยๆ ละเอียดขึ้น ค่อยๆ ละเอียดขึ้น เพราะเหตุว่าธรรมอยู่ที่แต่ละขณะ เป็นเหตุ เป็นปัจจัยสะสมมาที่จะเกิดขึ้นตามเหตุปัจจัยนั้นๆ แสดงอยู่ชัดๆ แต่ถ้าเป็นคนประมาทก็ไม่เห็นเลยว่า นั่นอกุศล


    หมายเลข 11550
    25 ก.พ. 2567