คิดอย่างไรจึงศึกษาธัมมะ


        จากการสนทนาปังกธาสูตรที่ มศพ.

        วันเสาร์ที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๑


        พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงอนุเคราะห์ชาวโลกให้ดับกิเลสจนหมดสิ้นได้ เพราะฉะนั้น ก็แสดงให้เห็นว่าแต่ละคนรู้ตัวหรือเปล่าว่ามีกิเลสมาก ประมาณไม่ได้เลย เท่าที่เกิดมาในชาตินี้ก็ยังไม่หยั่งรู้ถึงกิเลสที่สะสมมาในสังสารวัฏฏ์

        เพราะฉะนั้น การที่ใครก็ตามเห็นพฤติกรรมต่างๆ ทางกาย ทางวาจา ทางใจที่ไม่ถูกไม่ควร ทั้งหมดมาจากกิเลส ธรรมที่เป็นเครื่องเศร้าหมองคือเจตสิกที่เป็นอกุศล

        เพราะฉะนั้น ใครจะละกิเลสได้หรือคิดจะไม่ละเลย ที่ฟังธรรมทุกวันคิดอย่างไร แต่คนก็แต่ละอัธยาศัย สำหรับดิฉันเองเพียงได้ยินคำว่าพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า คิดดู ใครล่ะจะไม่อยากฟังคำของพระองค์ เพียงคำว่าพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้ามีหรือที่จะไม่อยากฟังคำของพระองค์

        เพราะฉะนั้น ถ้ามีที่หนึ่งที่ใดที่มีการสอนก็พร้อมที่จะฟัง เพราะฉะนั้น เมื่อมีการสอนพระอภิธรรมที่พุทธสมาคม ไม่รีรอเลยเพราะเหตุว่าเป็นสิ่งที่ไม่เคยคิดเลยว่ามีโอกาสที่จะได้มีการศึกษาธรรมะโดยตรงจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็เป็นจุดเริ่มแรก ก็หวังว่าทุกคนที่จะศึกษาธรรมะเพื่อต้องการเข้าใจธรรมะ เพื่อต้องการรู้จักพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ใช่ไปเชื่อใคร ไปฟังใคร แต่เพื่อที่จะได้รู้ว่าคำที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสจากพระโอษฐ์จริงๆ กล่าวว่าอย่างไร

        เพราะฉะนั้น ก็จะเห็นได้ถ้าเรารู้ประโยชน์ว่าเราไม่สามารถที่จะเข้าใจพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เลยเพียงได้ยินชื่อ แต่ว่าถ้าเราได้มีโอกาสฟังคำของพระองค์โดยตรง เราก็เริ่มที่จะรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

        และทุกคนมีกิเลสหรือเปล่า? รู้ตัวหรือเปล่า? หรือว่าเป็นคนดี ใครพูดอะไรก็ไม่ได้ ใครว่าอะไรก็ไม่ได้ เพราะเราเป็นคนดี อย่างนั้นหรือ?

        เพราะฉะนั้น ใครจะรู้ว่าเรามีกิเลสมากแค่ไหน คนอื่นรู้ไม่ได้เลย แล้วพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมะที่จะดับกิเลส ลองคิดดู น่าอัศจรรย์ไหม? ใครล่ะที่จะกล้าที่จะกล่าว หรือที่จะคิดว่ามีคนที่สามารถที่จะดับกิเลสได้ ไม่ธรรมดาแน่นอน เพราะฉะนั้น หนทางนี้ต้องเป็นหนทางที่ลึกซึ้งอย่างยิ่ง ยากอย่างยิ่ง แล้วก็ต้องเป็นสิ่งที่น่าเคารพสูงสุดในคำของผู้ที่ได้ดับกิเลสแล้ว ด้วยเหตุนี้ทุกคนที่ฟังธรรมะต้องรู้ เพราะว่าตัวเองมีกิเลสมากสะสมมา ไม่มีอะไรเลยที่จะขัดเกลากิเลสซึ่งมีมากได้นอกจากผู้ที่ตรัสรู้หนทาง และได้ทรงแสดงความจริงให้ฟัง ให้มีความเข้าใจเพื่อที่คนนั้นจะได้รู้คุณ และเห็นประโยชน์ว่าแต่ละคำทำให้เกิดซึ่งไม่เคยมีก่อนในสังสารวัฏฏ์ คือที่จะได้เข้าใจแต่ละคำที่กล่าวถึงสิ่งที่มีแล้วเดี๋ยวนี้ ไม่ใช่ต้องไปทำให้เกิดขึ้น แต่ไม่มีใครสามารถที่จะรู้ความจริงถึงที่สุดของสิ่งที่กำลังมีในขณะนี้ได้

        เพราะฉะนั้น มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์เดียวเท่านั้นที่จะต้องศึกษาทุกคำด้วยความเคารพอย่างยิ่ง ด้วยความจริงใจ ด้วยความตรงที่จะรู้ว่าถ้าเราขาดการไตร่ตรอง เราจะเข้าใจผิดซึ่งเป็นการทำลายคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหมดเลย เพราะฉะนั้น จึงต้องศึกษาด้วยความเคารพอย่างยิ่ง

        และประโยชน์จริงๆ ของทุกคนที่นั่งฟังก็คือว่ากิเลสสะสมมานานในสังสารวัฏฏ์อย่าคิดที่จะหมดโดยง่าย หรือว่าโดยไม่กี่คำ หรือโดยคำของคนอื่น ที่กล่าวว่าไปสำนักปฏิบัติ ปฏิบัติ ห้าวัน เจ็ดวันแล้วก็จะละกิเลสได้ เป็นไปได้อย่างไร พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบำเพ็ญพระบารมีนานเท่าไร แต่ละพระชาติ แล้วบารมีก็ยากยิ่งที่ใครจะทำได้ แต่พระองค์ก็เพื่อเรา จะได้ฟังคำของพระองค์ ไม่ใช่เพียงเพื่อพระองค์จะได้ตรัสรู้เพียงพระองค์เดียว แต่ยังเห็นประโยชน์ว่าสัตว์โลกไม่มีทางที่จะเข้าใจสิ่งที่มีทุกขณะในชีวิตถ้าพระองค์ไม่ตรัส ไม่อนุเคราะห์

        ด้วยเหตุนี้โอกาสใดที่มีโอกาสจะได้ฟังก็ฟังด้วยความเคารพ ด้วยความไตร่ตรอง ด้วยความมั่นคง ด้วยการกล้าที่จะกล่าวคำของพระองค์เพื่อที่จะดำรงรักษาคำสอนของพระองค์ด้วย


    หมายเลข 11594
    23 ก.พ. 2567