ยังไม่ตื่น


    สุ . ชาติก่อนเหมือนฝันไหม มีหรือเปล่าชาติก่อน มี เหมือนฝันไหม ฝันไปต่างๆ นานา ที่ได้ทำในแต่ละวัน ชาตินี้จะเหมือนฝันไหมเมื่อถึงชาติหน้า

    ผู้ถาม คงเหมือนกัน

    สุ. เพราะฉะนั้นแสดงให้เห็นว่าถ้ายังไม่ตื่น จะไม่เข้าใจความหมายเลยว่าตื่นคือรู้ความจริง ทั้งๆ ที่แต่ละชาติก็ผ่านไป ทั้งจิต และเจตสิกก็เกิดดับกลับมาไม่ได้อีกเลย เหมือนสิ่งที่มีในฝันก็ไม่ได้มีจริงเมื่อตื่นขึ้น เพราะฉะนั้นเมื่อชาติก่อนเหมือนฝัน เพราะเวลานี้ใครไปคำนึงถึงสิ่งที่ล่วงไปแล้วในชาติก่อนได้บ้าง แม้แต่ความฝันก็จำได้บ้าง จำไม่ได้บ้าง เพราะฉะนั้นชาตินี้ก็จะเป็นฝัน เมื่อถึงชาติหน้าต่อไป แต่เราก็สุขทุกข์ในความฝัน ในเรื่องราวต่างๆ ทั้งๆ ที่เรื่องราวต่างๆ ก็หมดไปทุกขณะเหมือนชาติก่อน เกิดมาสุขทุกข์สนุกสนานเป็นใคร ถ้าอ่านประวัติของพระสาวกทั้งหลายก็จะเห็นได้ว่าแต่ละชาติที่ท่านได้สะสมกุศลอกุศลทั้งหลายจนกว่าจะได้ดับหมดเป็นสมุจเฉท ไม่ได้เป็นเวลาที่เล็กน้อยหรือสั้นๆ แต่ต้องเป็นขณะที่มีความเข้าใจจริงในสิ่งที่มีจริงๆ ที่กำลังปรากฏ ถ้าจะกล่าวชื่อในขณะที่มีความเข้าใจเป็นจิตที่ดีหรือเป็นจิตที่ไม่ดี ดี เพราะฉะนั้นถ้าจะกล่าวชื่อในขณะที่กำลังเข้าใจ ขณะนี้ที่แต่ละคนฟังแล้วเข้าใจ มุ่งหมายถึงความเข้าใจ ความเข้าใจดีหรือไม่ดี

    ผู้ถาม ดี

    สุ. เป็นกุศลไหม

    ผู้ถาม เป็นกุศล

    สุ. เข้าใจเป็นเราหรือว่าเป็นธรรม

    ผู้ฟัง เป็นธรรม

    สุ. เพราะฉะนั้นเข้าใจเป็นกุศลที่ประกอบด้วยปัญญา ถูกต้องไหมคะ ภาษาบาลีก็ใช้คำว่า “มหากุศล” เพราะเหตุว่าหลากหลาย ถ้าใช้คำว่า “มหา” ก็เป็นไปได้ทั้งทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ระดับต่างๆ มีอธิบดี มีฉันทะหรือมีวิริยะก็แล้วแต่ เป็นความละเอียด แต่ว่าให้ทราบ ไม่ใช่ให้จำชื่อ แต่ให้รู้ว่าขณะนี้ที่กำลังฟังเข้าใจเป็นสภาพของจิตที่ดีเป็นกุศล ประกอบด้วยปัญญาเจตสิก


    ที่มา ...

    พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 235


    หมายเลข 11608
    28 ส.ค. 2567