อยู่ในโลกของนิมิต


    ผู้ถาม อยากจะให้ช่วยอธิบายคำว่า “นิมิต” หมายความว่าอะไร

    สุ. สภาพธรรมเกิดแล้วดับใช่ไหม และสภาพธรรมก็เกิดดับสืบต่ออยู่เรื่อยๆ อะไรกำลังปรากฏขณะนี้เป็นสภาพธรรมที่เกิดดับหรือว่าเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด

    ผู้ถาม เป็นสภาพธรรมที่เกิดดับ

    สุ. เข้าใจขั้นฟัง แน่นอนว่าสภาพธรรมเกิดแล้วก็ดับไป ไม่กลับมาอีกเลยสักอย่างเดียว แต่เดี๋ยวนี้สภาพธรรมกำลังเกิดดับปรากฏการเกิดดับหรือว่าอะไรปรากฏ

    ผู้ถาม ไม่ได้ปรากฏการเกิดดับ

    สุ. แล้วอะไรปรากฏ

    ผู้ถาม แข็งปรากฏ

    สุ. แข็งปรากฏ แล้วแข็งเกิดดับหรือเปล่า

    ผู้ถาม ไม่ได้ประจักษ์ตามที่เรียนมา

    สุ. ตามที่เรียนมา ตามที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดง ตามที่พระองค์ทรงตรัสรู้ นั่นคือความจริง ถูกต้องไหม แต่ตามความเป็นจริงของแต่ละคนขณะนี้อะไรปรากฏ ทางตานี่อะไรปรากฏ

    ผู้ถาม ก็เป็นท่านอาจารย์ ดอกไม้

    สุ. นั่นคือนิมิต ถ้าจะรู้ว่านิมิตคืออะไร เมื่อไหร่ อะไรกำลังปรากฏ ไม่ใช่ลักษณะของรูปธรรมหนึ่งซึ่งเกิดแล้วก็ดับไปสืบต่อ แต่ว่าปรากฏเหมือนเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่เที่ยงนี่คือนิมิต เพราะฉะนั้นจะเข้าใจคำว่า “นิมิต” ตามลำดับขั้น ก่อนฟังธรรมไม่เห็นมีนิมิตอะไรเลยนอกจากเวลาฝัน ใช่ไหม ฝันถึงสิ่งที่ไม่มีจริงๆ ในขณะนั้นจึงบอกว่านิมิตคือฝันเพราะว่าไม่ใช่มีสิ่งที่มีจริงในขณะฝันเลย เพราะฉะนั้นเข้าใจฝันว่าเป็นนิมิต แต่ในขณะนี้เองก็มีนิมิตของนามธรรม และรูปธรรมซึ่งเกิดดับสืบต่อกัน เพราะฉะนั้นกว่าจะเข้าใจคำว่านิมิตมากขึ้นตามลำดับขั้น ก็ต้องเปรียบเทียบขณะที่ยังไม่ได้ฟังธรรมเลย นิมิตคือแค่ฝัน แต่จริงๆ ขณะนี้ไม่ได้เข้าใจความเป็นนิมิตเลย แต่เมื่อได้ฟังธรรมเข้าใจแล้ว จะรู้ว่าสิ่งที่ปรากฏ นิมิตของนามธรรม และรูปธรรมปรากฏเพราะการเกิดดับเร็วมาก และแต่ละลักษณะของนามธรรม และรูปธรรมที่ดับแล้วไม่กลับมาอีก แล้วอะไรเหลือ การสืบต่อจนปรากฏเหมือนกับว่ามีสิ่งหนึ่งสิ่งใด เพราะฉะนั้นเราจะอยู่ในโลกของนิมิต เวลาที่เราไม่ได้ฟังพระธรรมเลย สุข ทุกข์กับความคิด เพราะถ้าไม่คิดนิมิตจะปรากฏไม่ได้เลย เพราะว่าเพียงแค่เห็นหมดแล้ว ไม่มีอะไร ได้ยินก็หมดแล้ว ไม่มีอะไร แต่เพราะการเกิดดับสืบต่อจนปรากฏเป็นนิมิต เสียงอะไร มีเสียงเพลงปรากฏ เป็นนิมิตไหม เสียงไรอีก

    ผู้ถาม เสียงนก

    สุ. ก็เป็นนิมิตอีก เพราะฉะนั้นเราจะอยู่ในโลกของนิมิตไปตลอดชาติทุกชาติ เหมือนกับว่าเราสุขทุกข์กับความฝันๆ ว่ามีคน ฝันว่ามีสิ่งนั้นสิ่งนี้จริงๆ นิมิตของชาติก่อนดับไปหมดเลย หาอีกไม่ได้เลย สุขทุกข์ที่ชาติก่อนสำคัญเหลือเกิน ก็เหมือนชาตินี้ สุขบ้าง ทุกข์บ้าง กับนิมิตเรื่องราวต่างๆ กับคนนั้นกับคนนี้ แต่จริงๆ แล้วไม่เหลือ และไม่มีในชาติก่อนฉันใด ขณะนี้เดี๋ยวนี้ก็จะเป็นชาติก่อนของชาติหน้า เพราะฉะนั้นแสดงให้เห็นว่าพอถึงชาติหน้า ก็จะรู้ได้เลยว่าหลงสุขหลงทุกข์กับเรื่องราวนิมิตต่างๆ ที่ปรากฏ ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ และเป็นอย่างนี้ทุกชาติ คือหลงสุขหลงทุกข์กับนิมิตด้วยความคิด เพราะไม่รู้ความจริงว่าแท้ที่จริงแล้วเป็นสภาพธรรมที่มีปัจจัยเกิดแล้วก็ดับไป


    ที่มา ...

    พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 239


    Tag  นิมิต  
    หมายเลข 11650
    28 ส.ค. 2567