กรรมและผลของกรรม อะไรจะเกิดขึ้นก็ไม่หวั่นไหว
ท่านอาจารย์ น่าเสียดายโอกาสนะคะ ถ้าได้ฟังธรรมก่อน ได้เข้าใจธรรมแล้ว อะไรจะเกิดขึ้นก็ไม่หวั่นไหว แต่ถ้าไม่มีความเข้าใจ ก็ลองคิดถึงสภาพจิตใจ ซึ่งอาจจะทุกข์มาก เพราะไม่รู้ แล้วก็กระวนกระวายต่างๆ สารพัดอย่าง เพราะฉะนั้น ทุกอย่างต้องรู้ว่าขณะนั้นเป็นธรรมที่เป็นกุศล หรือเป็นอกุศล ต้องเป็นไปตามเหตุปัจจัย เพราะฉะนั้น ขณะที่คิดดี คิดที่จะช่วยคนอื่น ถ้าไม่ได้ฟังธรรมจะรู้ว่า ในขณะนั้นก็กำลังมีความเดือดร้อนใจจะช่วยได้ หรือไม่ได้จะทำอย่างนั้นอย่างนี้ เหมือนชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็มีทั้งกุศล และอกุศล แต่ถ้ามีความเข้าใจเพิ่มขึ้น อกุศลก็ลดน้อยลง ช่วยทุกอย่างเต็มที่ โดยไม่หวั่นไหว ดีกว่าที่จะร้องไห้คร่ำครวญเป็นทุกข์ เพราะว่า ไม่ได้เกิดประโยชน์อะไรเลยทั้งสิ้น ไม่ว่าใครจะเป็นพ่อแม่พี่น้องของคนที่อยู่ในถ้ำ หรือนอกถ้ำก็ตาม การร้องไห้คร่ำครวญไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับใครเลยทั้งสิ้น ถ้ามีความเข้าใจอย่างนี้ อกุศลก็จะเกิดน้อยกว่าเวลาที่ไม่รู้ แต่ห้ามกันไม่ได้เลย ไม่ให้อกุศลเกิดห้ามไม่ได้ แม้แต่เดี๋ยวนี้อกุศลก็ยังเกิดได้
เพราะฉะนั้น พระธรรมเท่านั้น ซึ่งน่าอัศจรรย์ เมื่อมีความเข้าใจที่ถูกต้องปัญญาที่มีความเห็นที่ถูกต้อง ก็จะทำให้ไม่หวั่นไหว หรือว่าหวั่นไหวน้อยลง ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น และทำสิ่งที่ถูกต้อง
อ.กุลวิไล ท่านอาจารย์ ดิฉันก็ได้เห็นภาพของเจ้าหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็นทหาร หรือว่าหน่วยกู้ภัย หรือว่าเจ้าหน้าที่ทุกคน และแม้แต่สุนัข เหนื่อยกันมากเลยท่านอาจารย์ เขาจะนอนกันที่นอนที่พื้นนะท่านอาจารย์ ทั้งสุนัขก็นอนด้วยกัน
ท่านอาจารย์ ธรรมหมดเลยใช่ไหม มีวิบาก และก็มีกุศล และอกุศล และก็วิบากตลอดเวลา
อ.กุลวิไล ก็อนุโมทนากับทุกท่านค่ะ ท่านอาจารย์ เพราะว่า เค้าทำกุศลกรรมที่จะช่วยชีวิต
ท่านอาจารย์ แต่ขออย่าได้ดีเพียงชั่วคราว จะต้องรู้ว่าควรจะดีต่อไป และตลอดไป เพราะว่า เหตุดีเท่านั้นแหล่ะที่จะทำให้ผลที่ดีเกิดขึ้น ไม่ต้องเข้าไปติดในถ้ำ ไม่ต้องได้รับผลร้าย เราเพียงคิดว่าเป็นถ้ำ แต่เห็นเป็นเห็น ได้ยินเป็นได้ยิน จำเป็นจำ เพราะฉะนั้น ถ้ามีความเข้าใจจริงๆ ก็สามารถที่จะเข้าใจสภาพธรรมที่เพียงเกิดขึ้น และดับไปได้ ไม่ว่าจะอยู่ในที่ใด อาจจะอยู่ในถ้ำนั้น หรือว่าอาจจะอยู่กลางป่าถูกเสือกัด หรืออะไร
เพราะฉะนั้น พระธรรม อานุภาพ ธรรมเตชะ เหมือนปาฏิหาริย์ที่น่าอัศจรรย์ ที่ทำให้สิ่งซึ่งไม่เคยคิดไม่เคยเข้าใจมาก่อน สามารถที่จะเกิดขึ้นได้ตามเหตุตามปัจจัย เพราะฉะนั้น ต้องเป็นผู้ที่มั่นคงในคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า ไม่มีเรา แต่เป็นธรรมทั้งหมด
อ.ธิดารัตน์ ท่านอาจารย์บอกว่า ถ้าเข้าใจธรรม หรือว่าเข้าใจเรื่องกรรม และผลของกรรม ความหวั่นไหวจะน้อยลง แต่ต้องเข้าใจระดับไหนระดับไหนจะไม่หวั่นไหว
ท่านอาจารย์ บุคคลนั้นรู้เอง
อ.ธิดารัตน์ ถึงแม้จะเข้าใจแล้ว เวลาเจอสถานการณ์ จะหวั่นไหว หรือไม่หวั่นไหว ก็เป็นไปตามเหตุตามปัจจัย
ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้น ต้องรู้ว่า แค่เห็นดอกไม้ก็หวั่นไหวแล้ว นั่นคือปัญญา เพราะฉะนั้น รู้เอง
อ.ธิดารัตน์ คงห้ามไม่ได้ ถ้าเป็นญาติสนิทอะไร ก็หวั่นไหวเป็นธรรมดา
ท่านอาจารย์ เป็นธรรมดา ธรรม คือ ธรรมดา เมื่อมีสิ่งที่ไม่ดีกระทบตาหูจมูก ลิ้น กาย จะให้ใจเป็นสุข หรือ
อ.ธิดารัตน์ ถึงแม้หวั่นไหวไปแล้ว แต่ความเข้าใจธรรมก็สามารถที่จะเกิดได้
ท่านอาจารย์ ถูกต้องค่ะ เพราะฉะนั้น ก็ทำสิ่งที่ถูกต้อง ตรงตามความเป็นจริง โดยการคิดว่า สามารถที่จะทำดีที่สุด ช่วยคนอื่นให้พ้นจากทุกข์ร้อนได้ไม่ว่าจะทุกข์ร้อนเรื่องอะไร แต่ไม่หวั่นไหว แล้วแต่อะไรจะเกิดขึ้น ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น