ความตายเป็นธรรมดา
ท่านอาจารย์ ทุกอย่างเป็นธรรมดา เพราะเหตุว่า ธรรมดา คือ ความเป็นไปของธรรม ธรรมเกิดขึ้น และก็ต้องเป็นไป ไม่ใช่ว่าเกิดแล้วไม่ทำอะไร หรือว่าไม่มีอะไรเลย เป็นธรรมแต่ละหนึ่ง ก็ต้องเป็นไป แต่ละหนึ่ง เพราะฉะนั้น ที่เป็นอนุสสติที่จะทำให้ระลึกถึง ชีวิตที่เกิดมาหลากหลายมาก แต่ว่าวันหนึ่ง คือ วันจันทร์ที่แล้ว ใช่ไหมคะ
อ.อรรณพ วันจันทร์ที่ ๒ กรกฎาคม
ท่านอาจารย์ ก็มีการสนทนาธรรม แล้วก็พวกเราก็ไปร่วมสนทนาด้วย ได้ทราบว่าคุณต่าย คุณสดศรีเป็นวันเกิด วันที่ ๑๑ สิงหา ถ้าจำไม่ผิดนะคะ แต่ว่าปรารภที่จะสนทนาธรรมในวันที่ ๑๑ สิงหา แต่คุณรัชนีวรรณ คือ คุณเจี๊ยบเป็นผู้ที่ไม่รอกุศล เพราะฉะนั้น ก็บอกคุณสดศรี ไม่จำเป็นเลยที่จะต้องคอยจนกระทั่งถึงเดือนสิงหาคม วันนี้แหละ คือ วันที่ ๒ กรกฎา ทุกคนก็ไปสนทนาธรรม เรื่องที่สนทนาก็เหมือนเรื่องที่เราได้ฟัง แต่ก็มีความละเอียด ที่บางท่านก็อาจจะยังไม่เข้าใจ เรื่องขันธ์ เรื่องรูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์วิญญาณขันธ์ ได้ยินแต่ชื่อ ได้ยินแล้ว เข้าใจแล้ว ก็ยังเข้าใจอีกได้
เพราะเหตุว่า ธรรมเป็นสิ่งที่ลึกซึ้งมาก พูดถึงขันธ์ ไม่ได้อยู่ที่อื่นเลย เดี๋ยวนี้เอง เพราะฉะนั้น เวลาที่ฟังแล้ว ความเข้าใจของแต่ละคน จะเพิ่มขึ้นมากน้อยก็แล้วแต่ว่า เคยฟังมา เคยเข้าใจมามากน้อยแค่ไหน เดี๋ยวนี้ขันธ์อะไร ขันธ์หนึ่งขันธ์ใดใน ๕ ขันธ์ เพราะฉะนั้น ไม่ใช่แค่จำ แต่กำลังมีขันธ์จริงๆ เพราะฉะนั้น วันนั้นตอนเช้า ก็ได้พูดเรื่องที่เราเคยพูดแล้ว แต่ว่าทำให้มีความเข้าใจขึ้น เป็นเรื่องของอภิธรรม แล้วตอนบ่ายก็มีการสนทนาต่อ โดยที่ว่าวันนั้นเป็นวันก็ทุกคนรู้สึกว่า มีความปีติรื่นเริง ระหว่างรับประทานอาหาร ก็มีเพลงให้ฟัง มีเพลงใหม่ด้วย เพลงเก่าเพลงใหม่ก็เป็นที่เตือนสติ และก็เป็นความไพเราะ เพราะว่าบทเพลงก็เป็นเรื่องธรรมทั้งนั้น พอถึงเวลาสนทนาธรรม เราก็สนทนาไป ใกล้จะจบ คือ เราตั้งใจว่าจะเลิกเวลาบ่าย ๓ โมงครึ่ง ใกล้จะจบคุณเจี๊ยบ คุณรัชนีวรรณ ก็เดินมาด้วยหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส เพื่อที่จะอยากทราบเรื่องของคนที่ติดอยู่ในถ้ำ ซึ่งเคยพูดถึงแล้ว แต่ก็อยากให้พูดถึงอีก คนที่ติดอยู่ในถ้ำในครั้งโน้น ในครั้งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ยังไม่ปรินิพพาน แล้วก็เหตุการณ์อย่างนั้น ก็จะต้องมีได้ ใช่ไหม มีตา มีหู จมูก ลิ้น กาย ใจ ความเป็นไปของธรรมทั้งหลาย ซึ่งเป็นธาตุเนี่ย ไม่มีใครสามารถที่จะรู้ได้ว่าจะเกิดเหตุการณ์คล้ายอย่างนั้นก็ได้
เพราะฉะนั้น คุณรัชนีวรรณก็ถามเรื่องนี้ ซึ่งคุณธีรพันธ์เป็นคนตอบ ใกล้เวลาจะจบ คุณอรรณพมีความละเอียดมาก คือ จำได้แม้แต่ว่าคุณรัชนีวรรณถามกี่โมง
อ.อรรณพ ๑๕:๑๙ นาที พี่เจี๊ยบเดินออกมาสนทนา ด้วยความร่าเริงแจ่มใส่แล้วก็กำลังฟังคำตอบจากอาจารย์ธีรพันธ์อยู่
ท่านอาจารย์ ก็ทุกคน ก็ได้ฟังธรรมตั้งแต่เช้า มีความเข้าใจในความเป็นธรรม ทุกคนก็ไม่ได้แสดงอาการผิดปกติ ร้องไห้ฟูมฟาย หรืออะไรเลย เพราะเหตุว่า รู้ตามความเป็นจริงว่า สิ่งใดที่เกิดแล้ว ก็ต้องเกิด แล้วก็ต้องเกิด แล้วก็ต้องเป็นอย่างที่เกิดด้วย จะเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลย แต่มีผู้ปรารภหลายคนคนนะคะ ว่าอยากจะจากไปแบบคุณเจี๊ยบ คือ ได้ฟังธรรมทั้งวัน คิดดูนะคะ ฟังธรรมที่เป็นอภิธรรมด้วยคิดดู เรื่องขันธ์ เรื่องวิญญาณ เรื่องสัญญา เรื่องปัญญา แล้วก็มีความเข้าใจ มีความเบิกบาน ที่ได้จัดการสนทนาธรรม ก่อนที่จะต้องไปรอคอยถึงอีกเดือนนึง เหมือนกำหนดวันด้วย ที่จะให้เป็นวันนั้น ไม่ต้องรอวันนั้นเลย ให้มีการสนทนาธรรม ทุกอย่างเรียบร้อย ด้วยกุศลจิตของทุกคน เพราะว่าเข้าใจธรรม แม้แต่คุณประสาน สามี ก็มีผู้แนะนำว่าควรจะได้เชิญพระมานำศพ เพื่อที่จะไปบรรจุไว้ในห้องเย็น เพราะว่า อุทิศร่างกายให้โรงพยาบาล ซึ่งวันรุ่งขึ้นจะมารับ คุณประสานตอบว่า ไม่ต้องหรอกครับ เพราะเหตุว่า คุณเจี๊ยบ ฟังอภิธรรมตั้งแต่เช้า ไม่ต้องมีการสวดตอนหลัง โดยที่ว่าฟังแล้วไม่รู้เรื่อง เพราะว่า ไม่รู้แล้วว่าอยู่ที่ไหน แต่ว่าตามความเป็นจริง ก็คือว่า ขณะนั้น ไม่มีเรื่องกังวลเรื่องอื่นเลย ใช่ไหม เพราะว่า ถ้าเป็นคนที่ไม่สนใจธรรม ก็จะไม่มีคำถาม แต่นี่ฟัง แล้วก็ยังอยากที่จะเข้าใจ เพราะฉะนั้น คำถามของตนเอง ก็จะต้องตั้งใจฟังด้วย ว่าคำตอบจะเป็นยังไง ช่วงนั้น เป็นช่วงที่มูลนิธิก็มีธรรมหลายแห่ง คุณเจี๊ยบก็พา สหาย มิตรสหายเนี่ยไปสนทนาธรรมที่น่าน หลายคนใช่ไหม ไปเป็นกำลังใจ คุณเจี๊ยบก็มีความเข้าใจ และเป็นกำลังใจชักชวนกันไป ระยะนั้น ช่วงนั้นก็เป็นช่วงของกุศลทั้งหมด