ไม่ลืมในความเป็นเรา


        ผู้ฟัง ที่ว่าจำอย่างเหนียวแน่น ว่าเป็นตัวเรา ทำไมเราไม่ลืม ในเมื่อสัญญามันไม่เที่ยง

        ท่านอาจารย์ เคยลืมไหม

        ผู้ฟัง ลืมครับ เคยลืม

        ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้น สัญญามีจริงไหม

        ผู้ฟัง มีจริงครับ

        ท่านอาจารย์ ขณะที่ลืม จำว่าเราลืม ใช่ไหม ตรงกับที่ถามเมื่อสักครู่นี้ ใช่ไหม ทำไมเราไม่ลืมสักทีว่าไม่มีเรา แม้แต่ลืมก็เราลืม

        ผู้ฟัง ซ้อนอีกทีนะครับ

        ท่านอาจารย์ หลงมานานเท่าไหร่

        ผู้ฟัง ก็ไม่ทราบ แต่ว่านานมาก เกิดมาก็หลงแล้ว

        ท่านอาจารย์ แล้วฟังธรรมนานเท่าไหร่

        ผู้ฟัง ไม่ได้เสี้ยวของชีวิต

        ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้น จะจำธรรม และเข้าใจธรรมได้อย่างที่เคยหลงมา หรือ เท่ากันได้ หรือ

        ผู้ฟัง มีทางเดียวเท่านั้น การที่จะหลุดพ้นได้ คือ ฟังธรรม

        ท่านอาจารย์ แล้วต้องเป็นคนตรงด้วย ขณะนี้ เห็นมีไหม

        ผู้ฟัง มีครับ

        ท่านอาจารย์ เห็นเกิด หรือเปล่า

        ผู้ฟัง เกิดครับ

        ท่านอาจารย์ เห็นดับ หรือเปล่า

        ผู้ฟัง ดับครับ

        ท่านอาจารย์ ยังไม่ประจักษ์ใช่ไหม

        ผู้ฟัง ประจักษ์ขั้นฟังครับ

        ท่านอาจารย์ ขั้นฟังไม่ใช่ขั้นประจักษ์ ขั้นเข้าใจค่ะ ประจักษ์ คือ เดี๋ยวนี้ เกิดจริงๆ ดับจริงๆ ไม่มีอะไรเลย

        ผู้ฟัง เห็นตรงทุกขณะ

        ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้น จนกว่าจะเป็นอย่างนั้น จึงจะรู้ว่าไม่ใช่เราเห็น ตอนนี้ฟัง เริ่มเข้าใจว่า ไม่มีเรา แต่ก็เป็นเรานั่นแหละที่เข้าใจ เพราะฉะนั้น กว่าจะหมด ไม่มีความเป็นเราในทุกอย่าง ซึ่งเคยเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด ก็จะรู้ว่าความจริงก็ไม่มีสิ่งนั้น เพราะว่า ถ้าไม่เกิดก็ไม่มี ต่อเมื่อมีปัจจัยทำให้เกิด จึงเกิดได้แล้วก็หมดไป แล้วก็ไม่กลับมาอีก เพราะฉะนั้น จะเป็นเรา จะเป็นเขา จะเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดได้อย่างไร ไม่เหลือเลยสักอย่างเดียว พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ ความรู้มี ๓ ระดับขั้น ขั้นฟังเข้าใจ เพราะว่า บางคนฟังไม่เข้าใจ ยังมีความเป็นตัวตนหนาแน่นมาก แต่ว่าถ้าฟัง แต่ละคำทีละคำ คำไหนไม่จริง เมื่อเป็นความจริงก็สามารถที่จะรู้ว่า สิ่งนั้นถูกต้อง เพียงแต่ว่าปัญญาขั้นฟัง ยังไม่ถึงกาลที่จะเข้าใจ ลักษณะของสิ่งที่ปรากฏ ตรงตามที่ได้ฟัง

        เพราะฉะนั้น ก็มีความเข้าใจที่จะต้องเพิ่มขึ้น ซึ่งภาษาบาลีก็ใช้คำว่า ปัญญา แต่จะพูดคำนี้ หรือไม่พูดคำนี้ สำคัญที่เข้าใจ

        ผู้ฟัง แล้ววิปัสสนาในความหมายที่ว่า ประจักษ์แจ้ง นั้นคือ

        ท่านอาจารย์ สิ่งหนึ่งสิ่งใด ที่เกิดปรากฏ สิ่งนั้นดับ

        ผู้ฟัง ถ้าเข้าใจตามนี้ ก็คือ วิปัสสนา

        ท่านอาจารย์ ยังค่ะ เข้าใจนี่คือ ขั้นเข้าใจ

        ผู้ฟัง ถ้าเห็นจริงว่าเกิดแล้วดับทุกขณะ

        ท่านอาจารย์ แล้วจะเห็นจริงได้ยังไง แต่นี่ไม่ใช่วิปัสสนา ไม่ใช่เห็นจริง แค่เข้าใจ ธรรมเป็นสิ่งที่มีจริง สิ่งที่มีจริงทั้งหมด ไม่ใช่เรา ฟังแค่นี้ก็ต้องจำ ใช่ไหม เพื่อเข้าใจถูกต้อง ว่าไม่ใช่เราเพราะอะไร เพราะว่าเพียงเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป แล้วไม่กลับมาอีกเลย ค่อยๆ เข้าใจสิ่งที่มี จะไปเร่งรัดให้ทุกคนเข้าใจธรรมหมดเดี๋ยวนี้ได้ไหม ไม่มีทางเลย ไม่ใช่หนทาง โดยความเป็นตัวตน ที่จะไปทำให้ความรู้การละเกิดขึ้น แต่ต้องเป็นความเข้าใจทีละเล็กที่ละน้อย เพราะไม่รู้ จึงติดข้อง แต่รู้แล้วก็ค่อยๆ ละคลายความติดข้อง


    หมายเลข 11772
    13 ธ.ค. 2566