รู้คุณและแทนคุณของพระธรรม
แต่ละคำต้องพิจารณา แล้วเข้าใจถูกต้องนะคะ คุณ แค่นี้รู้แล้วเหรอคะ ทุกคนก็เข้าใจธรรมดาง่ายๆ ว่าคุณ ก็คือ ความดี และทุกคนก็ชื่นชมความดี ไม่ว่าใครทำทั้งนั้น เด็กเล็กที่กล่าวถึงว่า เค้าคิดถึงแม่ไม่ใช่เฉพาะวันแม่นะคะ แต่คิดถึงแม่ทุกวัน จะต้องคิดถึงคุณความดีของแม่ทุกวัน ป้อนข้าว ป้อนน้ำ ไปโรงเรียนอะไรทุกอย่าง นั้นคือ คุณความดีของแม่ทุกวัน
เพราะฉะนั้น แต่ละคำก็ต้องรู้ว่า ถ้าไม่รู้คุณจริงๆ เนี่ย ใครจะกล่าวคำนั้นได้ ในบรรดาเด็กทั้งหลาย มีเด็กคนไหนที่บอกว่ารู้คุณของแม่ ไม่ใช่วันเดียว แต่รู้คุณของแม่ทุกวัน เพราะฉะนั้น พุทธศาสนิกชน รู้คุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแค่ไหน
เพราะฉะนั้น ถ้าไม่มีความเข้าใจธรรม ขณะที่ไม่เข้าใจเนี่ย เป็นคุณหรือเปล่า เพราะฉะนั้น จริงๆ แล้ว ก็คือว่า แม้แต่คุณ คำเดียว ก็ต้องเข้าใจให้ถูกต้อง คุณ คือ ความดี เป็นใครรึเปล่า ความดีเป็นความดี อยู่ที่ไหน จิตที่ดีเกิดขึ้น ก็เป็นความดี ไม่เลือกด้วย ชาติ ตระกูล ฐานะ ความเป็นอยู่หรืออะไร ความดี ก็คือ ความดี รู้คุณอย่างนี้ไหม แล้วถ้ารู้คุณ แม้แต่คนที่ทำคุณกับเราไม่ว่าจะเป็นใคร นอกจากมารดาบิดาแล้ว ยังมีคนอื่น แล้วใครล่ะ คุณสูงสุด คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เพราะฉะนั้น ถ้าจะรู้คุณ ก็คือว่า เข้าใจคุณของพระองค์ ไม่มีสิ่งใดเลย ที่จะทำให้เราเปลี่ยนจากการที่เห็นคุณ ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่จะให้เห็นว่าไม่ควรเรียน ยากไป ลึกซึ้ง ต้องไปปฏิบัติ หรืออะไรอย่างนั้น นั่นคือ ผู้ไม่รู้คุณ เพราะฉะนั้น ถ้าเป็นผู้ที่รู้คุณจริงๆ ก็ต้องเป็นผู้ที่มั่นคง โดยการที่ศึกษาด้วยความเคารพ เข้าใจให้ถูกต้อง มีการสนทนาธรรม เพื่อจะได้ชี้แจงในความเห็นต่างๆ ประกอบทั้งข้อความ ในพระไตรปิฏก และอรรถกถา เพื่อประโยชน์อย่างยิ่ง คือ คุณที่พระองค์ได้บำเพ็ญมา ที่จะให้เราได้มีความเข้าใจที่ถูกต้องไม่เข้าใจผิด เพราะฉะนั้น รู้คุณอย่างนี้แล้ว มีหรือที่จะท้อถอย หรือว่าที่จะไม่กล่าวถึงความดี โดยเฉพาะ ความดีเหนือบุคคลใดทั้งสิ้น คือ ผู้ที่เป็นพระโพธิสัตว์ แสวงหาคุณที่ประเสริฐสุด คือ ให้ชาวโลก ได้มีความเข้าใจที่ถูกต้องไปธรรม
เพราะฉะนั้น แต่ละคำ ที่ได้ตรัสไว้ คือ คำที่เราจะต้องพูด ด้วยความเคารพเพื่อที่จะให้คนอื่นเนี่ย ได้เห็นคุณจริงๆ ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ใช่ไปติดตามคนซึ่งไม่มีความรู้ความเข้าใจ แล้วก็พูดไม่ตรงกับความเป็นจริง และไม่ตรงกับพระธรรมที่ได้ตรัสไว้ดีแล้ว เพราะฉะนั้น แต่ละคำ ผู้รู้คุณของผู้สัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ประมาท ที่จะดำรงรักษาไว้ ซึ่งความถูกต้อง โดยการที่ปรึกษาหารือพิจารณาให้ตรงกับความเป็นจริง เพราะว่า มิฉะนั้นแล้ว ก็เป็นการที่ไม่รู้คุณ
เมื่อมีการรู้คุณแล้ว ทุกคำที่กล่าว ถึงคำที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว เพื่อที่จะให้คนอื่นเข้าใจถูก เป็นกตัญญูรู้คุณทุกคำที่กล่าว และการกล่าวแล้วก็เป็นกตเวที ไม่มีทางอื่น ที่จะแทนคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เลย นอกจาก กล่าวคำที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ตรัสไว้ดีแล้ว เพื่อคนอื่นจะได้มีความเข้าใจที่ถูกต้อง เพราะฉะนั้น ต้องเป็นคนที่มั่นคง และ ก็เห็นประโยชน์จริงๆ และก็รู้ว่า คุณ คือ คุณ ไม่ใช่หวังร้ายค่ะ เราจะเป็นพูดสิ่งที่ไม่ถูกต้องให้คนอื่นเขาทำ เป็นคุณหรือ เพราะฉะนั้น ก็ต้องเป็นผู้ที่มั่นคงที่จะรู้ว่าคุณมี และก็แทนคุณ แต่ต้องรู้คุณ จึงจะแทนคุณได้