เป็นเต่าหรือเป็นปลา
อ.อรรณพ การที่จะค่อยๆ คุ้นกับความเข้าใจ จะเป็นไปได้อย่างไรครับ
ท่านอาจารย์ ก็เป็นไปแล้วกับพระอริยสาวกมากมาย แต่ถ้าปัญญายังไม่เกิดจะรู้ไหมว่าเป็นยังไง ก็ได้ยินได้ฟังมา เต่ากับปลา อยู่ในน้ำวันนึงเต่าก็ไปไหนก็ไม่รู้ และก็กลับมาอยู่ที่น้ำ ปลาก็ถามเต่าว่า ไปไหนมา เต่าก็บอกว่าขึ้นบก ปลาก็ถามว่าบนบกมีอะไรบ้าง พูดไปเถอะ แล้วปลาจะรู้ไหมว่าบนบกมีอะไร นี่เพียงแค่อุปมา แต่ว่าถ้าสภาพธรรมใดยังไม่ปรากฏ จะรู้ไหมแม้แต่ความเข้าใจที่เพิ่มขึ้นยังไม่ปรากฏ ก็ไม่รู้
เพราะฉะนั้น จากการที่ฟังบ่อยๆ ด้วยความเข้าใจทีละเล็กทีละน้อย ทีละเล็กทีละน้อยใจขาดสัก ๑ ขณะก็ไม่ได้ ขาดขณะนั้นก็คือว่า ไม่มี แต่ถ้ามีแต่ละขณะที่สะสม ก็จะทำให้สามารถรู้ขึ้นเข้าใจขึ้น เหมือนจับด้านมีด ไม่มีใครรู้เลยว่าด้ามมีดสึกเมื่อไหร่ แต่สึกเพราะการจับแน่นอน หรือข้ออุปมาที่ว่า หนทางนี้ก็ประกอบด้วยมรรคมีองค์ ๘ แล้วก็เหมือนอุปมาเหมือนกับเสาหินใหญ่มาก แล้วก็คนที่ช่วยกันยกหลายคน พอยกขึ้นใครยก ก็ช่วยกันหมดแหละ ใช่ไหม จะกล่าวว่าคนโน้นก็ไม่ได้คนนี้ก็ไม่ได้
เพราะฉะนั้น สภาพธรรมที่เป็นมรรคที่จะเป็นหนทางที่จะทำให้รู้แจ้งอริยสัจธรรมก็ต้องเป็นไปอย่างนั้น คือขณะที่กำลังช่วยกันยกใครจะรู้ว่าเมื่อไหร่จะยกขึ้นใช่ไหม พอยกขึ้นแล้วก็ยังไม่รู้ว่าคนไหน แต่ทั้งหมดนี้ช่วยกันยก
เพราะฉะนั้น สภาพธรรมใดที่ยังไม่เกิด ไม่มีทางที่จะรู้ได้ เมื่อไหร่เกิดเมื่อนั้นก็จะรู้ว่า แต่ละความหมายของคำที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ดีแล้วเป็นความจริงทุกประการ ความรู้ขั้นฟังถ้าไม่มีเลย แล้วก็จะไปรู้แจ้งอริยสัจจ์ได้อย่างไร ไปนั่งทำอะไรก็ไม่รู้อะไร ก็เป็นตัวตน เป็นอวิชชา ที่ไปทำอะไรก็ยังไม่รู้
เพราะฉะนั้น ก็เต็มไปด้วยความไม่รู้ แต่ถ้าความเข้าใจธรรมเริ่มตั้งแต่การฟัง และเข้าใจขึ้น เข้าใจขึ้น เข้าใจขึ้น เพิ่มขึ้น ก็เหมือนกำลังค่อยๆ ยกสิ่งที่หนักมากจนกว่าจะยกขึ้นได้
ผู้ฟัง ท่านอาจารย์ค่ะ เมื่อสักครู่ท่านอาจารย์สมมุติว่า ปลากับเต่า คุณบุษกรก็ถามหนูว่า จะเป็นปลาหรือจะเป็นเต่า
ท่านอาจารย์ ไม่ใช่จะเป็น กำลังเป็นอะไร เพราะฉะนั้น แม้ฟังก็ยังต้องรู้ตัวใช่ไหม ว่าเป็นปลาหรือเป็นเต่า ฟังว่าเห็นไม่ใช่เราเป็นปลาหรือเป็นเต่า
ผู้ฟัง คือ ก็ยังไม่รู้จักเห็น จนกว่าจะขึ้นบก
ท่านอาจารย์ มีปลากับเต่าอยู่ในน้ำ แล้วก็วันหนึ่งเต่าหายไป แล้วก็ลงน้ำอีกครั้งนึง ปลาพบ ปลาก็ถามเต่าว่า ไปไหนมา แล้วเต่าก็เล่าให้ฟัง ปลาจะรู้ไหม ว่าที่เต่าเห็น เห็นอะไร
ผู้ฟัง ไม่รู้ค่ะ ยังไงก็ไม่รู้
ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้น เต่าเล่าให้ปลาฟัง ว่าเห็นอะไร แต่ปลาเห็นไหม
ผู้ฟัง ไม่เห็นค่ะ
ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้น ที่กำลังฟังธรรม ว่าเห็นขณะนี้ไม่ใช่เรา ไม่ใช่เราจริงๆ นะคะ กำลังเห็นเดี๋ยวนี้ไม่ใช่เรา เป็นปลาหรือเป็นเต่า
ผู้ฟัง เป็นปลาค่ะ เพราะว่ายังไม่รู้จักเห็น