ทุกข์กายเป็นผลของกรรม
ไม่ว่าอะไรจะเกิดกับเราหรือใครก็ตามแต่ โรคร้ายหรือว่าหกล้มแขนถลอกหรืออะไรก็ตามแต่ ทั้งหมดก็เป็นผลของกรรมที่ได้ทำแล้ว แต่สังสารวัฏฏ์ยาวนานมาก เราไม่สามารถที่จะจำได้ว่าเราได้ทำกรรมอะไรไว้แล้วบ้าง แม้แต่ในชาตินี้เรายังจำไม่ได้เลยว่าทำกรรมอะไรมากน้อยแค่ไหน เจตนามีกำลังมาก เบียดเบียนประทุษร้าย บางคนก็อาจจะถึงกับทำให้คนอื่นเสียชีวิต บางคนก็ไม่ทำให้ถึงกับเสียชีวิต แค่ทำให้เจ็บๆ ก็เป็นเรื่องที่ได้กระทำกรรมนั้นแล้ว แต่ไม่มีใครสามารถจะรู้ได้ว่าแล้วเมื่อไหร่กรรมนั้นจะให้ผล
เพราะฉะนั้น ให้ทราบว่า ทุกข์กายหนีไม่พ้น เพราะว่าเกิดจากกรรมเป็นสมุฏฐาน พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้ามีทุกข์กายไหม? มี มีทุกข์ใจไหม? ไม่มี แต่เรามีทั้ง ๒ อย่าง แต่ต้องแยก ไม่เข้าใจผิด ขณะไหนที่เป็นทุกข์กาย ก็คือ เป็นผลของกรรม หลีกเลี่ยงไม่ได้ รู้อย่างนี้ใจสบายขึ้นไหม เห็นไหม? ถ้าไม่รู้อย่างนี้ เดือดร้อนมากไหม?
เพราะฉะนั้น ก็สำคัญอยู่ที่ว่า ขณะนั้น จิตเป็นกุศลหรือเป็นอกุศล ปกติแล้วอกุศลมากกว่า พอเป็นทุกข์กาย ใครไม่เดือดร้อนบ้าง? ยาก ใช่ไหม? ต้องเป็นผู้ที่มีปัญญา และก็สามารถที่จะมีกุศลจิตได้ ก็แยกทุกข์กายกับทุกข์ใจ เพราะฉะนั้น แต่ละคนก็สามารถที่จะรู้ได้ว่า ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่สัตว์ บุคคล