ผิดตั้งแต่ต้น


    ท่านอาจารย์ ผิดตั้งแต่ต้น เราเป็นทุกข์ เราจะฟังเพื่อให้หายทุกข์ ฟังแล้วไม่หายทุกข์ เราก็ไปหาอย่างอื่นเพื่อที่เราจะได้พ้นจากทุกข์ เพราะฉะนั้นผิดตั้งแต่ต้น เพราะฉะนั้นถูกตั้งแต่ต้นก็คือว่าไม่มีเราจึงฟังเพื่อให้มีความเข้าใจถูกต้องยิ่งขึ้น มั่นคงขึ้น สามารถประจักษ์แจ้งจริงๆ ว่าไม่มีเรา

    เพราะฉะนั้นถ้าใครก็ตามตั้งต้นด้วยความเป็นเราก็คือว่าไม่เข้าใจธรรมเลย เพราะฉะนั้นแต่ละคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต้องไม่ลืม พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสว่าธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา เข้าใจหรือเปล่า เพราะฉะนั้นถ้าเข้าใจก็คือทิ้งคำนี้ไม่ได้เลย จะกลับมาเป็นอัตตาที่อยากจะรู้อย่างนั้น อยากจะพ้นทุกข์อย่างนี้ หมายความว่าเราไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจธรรม และไม่รู้คำที่พระองค์ตรัสว่าธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา หมายความว่าเราประมาทคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสก็ตรัสไป ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา แล้วเราก็ฟังไป แต่เรามีความเคารพแค่ไหนที่จะรู้ว่าเดี๋ยวนี้ยังเป็นเราอยู่ เพราะฉะนั้นไม่ใช่อนัตตาซึ่งไม่ใช่เรา แต่พระสัมมาสัมเจ้าตรัสรู้ความจริงทรงประกาศแสดงเปิดเผยสิ่งที่ถูกปกปิดให้มีการเริ่มเข้าใจถูกว่าทุกอย่าง ฟังนะคะ ทุกอย่าง เว้นไหม นี่คือการฟังพระธรรมฟังด้วยความเคารพด้วยความเข้าใจที่มั่นคงว่าทุกคำเปลี่ยนไม่ได้เพราะว่าเป็นความจริงถึงที่สุดที่ได้ทรงตรัสรู้ และทรงพระมหากรุณาให้คนอื่นได้รู้ตาม มีโอกาสได้ฟังได้ไตร่ตรอง แล้วจะเอาคำว่าธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตาที่พระองค์ตรัสแล้วไปทิ้งไว้ที่ไหน ในเมื่อเป็นคำที่พระองค์ได้ตรัสแล้ว

    เพราะฉะนั้นถ้าเป็นผู้ที่เคารพในสิ่งที่มีจริงที่ถูกต้องเพื่อจะได้พ้นจากความทุกข์คือความเห็นผิด ถ้าไม่มีความเห็นผิดยึดถือว่าเป็นเรา ทุกข์ใดๆ ก็ไม่มี ไม่ใช่เราก็เป็นธรรม ทุกข์ก็เป็นธรรม เกิดแล้วก็ดับไป ใครจะทุกข์ถ้ารู้ว่าเป็นธรรม ไม่มีใครทุกข์ใช่ไหม แต่เพราะไม่รู้ว่าเป็นธรรม จึง"เราเป็นทุกข์"

    ผู้ฟัง เหตุอะไรที่จะให้เขาได้โน้มเข้ามา มีความอดทน เพิ่มความเข้าใจเหมือนกับขณะที่มีความทุกข์หนักก็คือฟังไม่เข้าใจแล้ว และก็ยังจมปลักอยู่กับความทุกข์อย่างนั้น

    ท่านอาจารย์ เขาคือใคร

    ผู้ฟัง สภาพธรรมนั้น จริงๆ ก็ไม่มีเขา

    ท่านอาจารย์ ถ้าอย่างนั้นก็ผิดตั้งแต่ต้น ทั้งหมดที่ถามมาเป็นเขาทั้งนั้น จะทำยังไงให้เขาเป็นอย่างนี้ จะทำยังไงให้เขาเป็นอย่างนั้น เพราะฉะนั้น ต้องถูกตั้งแต่ต้น ฟังธรรมเพื่อรู้ว่าไม่ใช่เรา ไม่มีเรา จึงฟัง ทุกคนฟังด้วยการเข้าใจถูกต้องว่าไม่มีเรา แต่ยังเป็นเราเพราะยังไม่ได้ประจักษ์ความจริง จึงต้องอาศัยความเข้าใจขึ้น ความเข้าใจขึ้น จนความเข้าใจนั้นสามารถที่จะเข้าถึงคำที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ทุกคำ ขณะนี้สภาพธรรมที่ปรากฏเกิด ถ้าไม่เกิดไม่ปรากฏ เกิดแล้วดับมีใครจะค้านบ้าง

    ผู้ฟัง อย่างนั้นเหตุที่มีผู้มาฟังบ้างไม่ฟังบ้างก็เกิดนอกจากความสะสม

    ท่านอาจารย์ เขาอีกแล้ว เขาอีกแล้ว เขาทั้งหมดเลยตั้งแต่ต้นจนจบเป็นเขาหมด เขาอยู่ไหน ทำไมไปคิดถึงเขา เพราะฉะนั้น ต้องฟังความลึกซึ้งของคำที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเพราะได้ประจักษ์แจ้งซึ่งเป็นการตรัสรู้สิ่งซึ่งแม้พระองค์เองเมื่อครั้งเป็นพระโพธิสัตว์ก็ไม่ได้รู้อย่างนี้ เพราะฉะนั้นทุกคำเป็นความจริงซึ่งเปลี่ยนไม่ได้เลย ต้องเป็นอย่างนั้น เพราะฉะนั้นถ้ามีการ กระทำคำพูดใดๆ ที่ไม่ตรงกับสิ่งที่กำลังมีในขณะนี้ นั่นไม่ใช่คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า


    หมายเลข 11903
    25 พ.ค. 2567